ตอนที่ 140 ปิดฉาก
หลิวซื่อยังมีความหวังก่อเกิดขึ้นมาภายในใจ เพราะนางมีร่องรอยของการถูกพิษจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เข้าไปในห้องพักส่วนตัวแล้ว นางก็เกิดอาการมึนๆงง ๆ สะลึมสะลืออยู่ตลอดๆราวกับกำลังสูญเสีสติสัมปชัญญะไปอย่างไรอย่างนั้น
ดังนั้นต่อมาก็เห็นเฉินเอ้อเดินเข้ามา นางเกิดความรู้สึกร้อนรุ่ม จนอดใจไม่ไหว
หมอได้รุดหน้าเข้าไปทำการตรวจชีพจรให้แก่หลิวซื่อทันที หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หมอหลีก็ส่ายหน้า “ฮูหยินไม่มีร่องรอยของการถูกพิษพะยะคะ”
หลีโม่กระตุกยิ้มอย่างเย็นชาออกมา พิษชนิดนี้ จะค่อยๆถูกร่างกายดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือดอย่างช้าๆ บวกกับที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้ถูกพิษอย่างร้ายแรงอะไรด้วย เมื่อเวลาผ่านไป มันจึงถูกร่างกายดูดซึมเข้าไปจนสะอาดเกลี้ยง จะสามารถมองออกผ่านการตรวจชีพจรได้อย่างไรกัน? เกรงว่าตรวจเลือด ก็ยังหาไม่เจอเลย
เมื่อหลิวซื่อได้ยินคำพูดของหมอ เขาจึงได้ตะโกนเสียงแหลมออกมาในทันที “เป็นไปไม่ได้ จะเป็นไปได้อย่างไร?”
นางจึงได้กระโดดขึ้นมาแล้วตรงมาชี้หน้าหลี่ซื่อพร้อมทั้งพูดออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า: “เป็นเจ้า เจ้าใส่ร้ายข้า”
หลี่ซื่อสูญเสียการมองเห็นไปแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าถูกชี้มาทางนาง แต่กลับเป็นหยางมามาที่รุดหน้าพร้อมกับพูดด้วยความโกรธเคืองว่า : “คิดว่าเป็นฮูหยินของเราอีกหรือ? ทำไมใครๆที่ทำผิดแล้วต่างก็โยนมาทางฮูหยินของเราทั้งนั้น? คนของจวนเฉิงเสี้ยงอย่างพวกเจ้าบ้าไปแล้วหรือ? หม่อมฉันอยู่กับฮูหยินตลอดเวลา อีกอย่างตาทั้งสองข้างของฮูหยินก็สูญเสียการมองเห็นด้วย จะไปใส่ร้ายเจ้าได้อย่างไรกัน?”
ในหัวสมองของหลิวซื่อตื่นขึ้นมาในทันใด นางจึงเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางหยางมามา แล้วพูดขึ้นในทันใดว่า “ ข้ามาถึงที่นี่ ก็เห็นว่าเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว เจ้าบอกว่าหลี่ซื่อรอข้าอยู่ในห้องพักส่วนตัว ให้ข้าเข้าไป งั้นก็เป็นพวกเจ้าที่ใส่ร้ายข้า ทำไมพวกเจ้าถึงได้ทำเช่นนี้?”
หยางมามาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใส่ร้ายป้ายสีฮูหยินอย่างไม่เป็นธรรม แล้วยังจะมาใส่ร้ายป้ายสีหม่อมฉันในฐานะที่เป็นข้ารับใช้อีก หากหม่อมฉันไม่ยอมรับ ก็คงจะใส่ร้ายป้ายสีถึงฮองเฮาเหนียงเหนียงเจ้านายของหม่อมเลยด้วยใช่ไหมเพคะ?”
“ไม่ใช่” ชุยไท่เฟยรีบเงยหน้าขึ้นมามองหยางมามาในทันที “เจ้าบอกว่าเจ้าอยู่เป็นเพื่อนกับฮูหยินตลอด งั้นทำไมเด็กน้อยผู้นั้นถึงได้บอกว่านางอยู่เป็นเพื่อนกับฮูหยินตลอดเวลาละ แล้วยังบอกอีกว่าฮูหยินกับเฉินเอ้ออยู่ด้วยกันอีกด้วย จึงสั่งให้นางกลับไปนำเสื้อคลุมมาให้!”
หยางมามาจึงพูดออกไปว่า “หม่อมฉันก็ไม่รู้แล้วละเพคะ วันนี้หม่อมฉันอยู่เป็นเพื่อนกับฮูหยินตลอดเวลา คุณหนูใหญ่ได้เคยกำชับไว้ก่อนที่จะออกไป ว่าฮูหยินมองไม่เห็น ไม่ว่าจะไปไหนก็ห้ามห่างจากนางเด็ดขาด อีกทั้งนายหญิงแก่ก็ไม่อนุญาตให้ฮูหยินไปสวนดอกไม้ด้านหน้าด้วย ดังนั้นหม่อมฉันจะคอยเดินตามตลอดเพคะ”
เมื่อหยางมามาพูดจบ ก็กวาดสายตามองไปทางซู่หยู้ “แล้วซู่หยู้ละ วันนี้ไม่เห็นเลยตั้งแต่เช้า รู้สึกว่านางน่าจะคอยอยู่ปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินอยู่ในลานเสี้ยจื้อยังไม่โผล่หัวออกมาเลย นางมักจะไปไหนมาไหนกับผู้ดูแลบ้านหลายต่อหลายครั้ง”
คำพูดที่เจตนาและไม่เจตนาของหยางมามาล้วนแล้วแต่บ่งบอกทิศทางได้อย่างชัดเจน คนที่มีจิตใจใสสะอาดดุจดั่งสายน้ำจะรู้ความจริงว่ามันเป็นเช่นไร
นายหญิงแก่เฉินมองไปทางนายหญิงแก่และเฉิงเสี้ยงเสี้ยด้วยสายตารังเกียจมากทีเดียว ในช่วงนี้จวนเฉิงเสี้ยง “มีความสามารถโดดเด่น” ได้นั้นเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวรวมทั้งแผนการเจ้าเล่ห์มากมาย จวนเฉิงเสี้ยงไม่มีการคัดเลือกลูกหลาน หากอยากจะปีนป่ายขึ้นมาเป็นรัชทายาทต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ก็ไม่ต้องบากหน้ามาบีบบังคับสู่ขอเสี้ยหลีโม่ หลังจากที่ล้มเหลวความกลัดกลุ้มและความโกรธเคืองก็สร้างเรื่องวุ่นวายให้มากมายก่ายกองขนาดนี้
ในท้ายที่สุดแล้ว ก็คือเพื่อความมั่งคั่งร่ำรวย
เมื่อส่วนของแผนการเสร็จสิ้น สุดท้ายก็เลื่อนหินมาทุบเท้าของตัวเอง
หากเดาไม่ผิด คนที่โต้กลับผู้นั้น จะต้องเตรียมการมาเล่นเกมส์นี้เป็นอย่างดีแน่นอน แต่คนนอกอาจจะมองไม่เห็นถึงเรื่องนี้
และก็เป็นดั่งเช่นนั้นจริงๆ เมื่อได้ยินคนในกลุ่มพูดขึ้นว่า “เอ๊ะ? ท่านผู้นี้เป็นหมอหลีโรงหมอเปาหยวนถังใช่ไหม? เมื่อสักครู่ภรรยาของเฉินเอ้อบอกว่าหมอหลีเคยทำการรักษาหลิงหลงฮูหยินมาก่อน หากเฉิงเสี้ยงอยากจะทำการตรวจสอบอย่างชัดเจนละก็ ก็ไปถามหมอหลีได้”
หลิงหลงฮูหยินที่นั่งอยู่บนพื้น สีหน้าได้เปลี่ยนไปในทันที
เมื่อเฉิงเสี้ยงเสี้ยเห็นอาการเช่นนี้ ก็เข้าใจในทันที นิ้วทั้งห้ากุมเข้าหากันกลายเป็นกำปั้น เอ็นเส้นเลือดบนลำคอก็เป็นเสมือนไส้เดือนสีดำหลายๆตัว แทบจะระเบิดออกมาเลยทีเดียว
หลี่ซื่อกลับส่งเสียงออกไปว่า “ดันเมินเฉยต่อแขกผู้มีเกียรติที่น่าเคารพไปจริง ๆเสียได้ มาเร็ว ช่วยพาแขกผู้มีเกียรติไปส่งหน่อย วันข้างหน้าค่อยไปขอโทษถึงหน้าประตูบ้านละกัน”
หลี่ซื่อดึงผ้าขึ้นมาปิดส่วนที่อัปยศหดสูอย่างเหมาะสม ถึงแม้ว่าจะเห็นกันอย่างโจ่งแจ้งก็ตาม แต่มันก็ยังดีกว่าถูกคนจำนวนมากจ้องแต่จะเปิดเผยเรื่องที่เฉิงเสี้ยงเสี้ยเลี้ยงดูลูกของผู้อื่น
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ซื่อ แขกที่ไม่ค่อยอยากจะกลับก็จำใจต้องจากไป
นายหญิงแก่เฉินจึงได้พูดกับหลีโม่ว่า “เจ้าไปส่งข้า ข้ามีเรื่องที่อยากพูดกับเจ้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...