พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 216

ตอนที่ 216 ยอมที่จะไม่แต่ง

หลังจากทักทายไปไม่กี่คำเสร็จ ไทเฮาก็พูดเข้าประเด็น นางถามไปที่ซือถูเย้น “ถึงแม้เราจะรู้ใจเจ้า วันนี้อาศัยที่แม่ของเจ้าอยู่ที่นี่ เราจะขอถามเจ้าอีกครั้ง……”

ไทเฮายังพูดไม่ทันจบ กุ้ยไท่เฟยก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ข้าไม่เห็นด้วย!”

ไทเฮาหยุดนิ่งไป แล้วมองไปที่นาง “ดูท่าแล้ว สิ่งที่เราคุยกับเจ้าเมื่อครู่ไม่มีประโยชน์สินะ”

กุ้ยไท่เฟยแสยะยิ้ม “ที่ไทเฮาให้หม่อมฉันเข้าวังมาวันนี้ ไม่ใช่ว่าต้องการถามความเห็นของข้าหรือ?หากหม่อมฉันสามารถแสดงความคิดเห็นได้ วันนี้ข้าจะพูดออกมาทำไมจะพูดไม่ได้หรือ?หากข้าให้ความเห็นไม่ได้ ไทเฮาก็ไม่น่าเรียกหม่อมฉันมาเลยนะเพคะ”

ซือจู๋กูกูเดินถือน้ำชาเข้ามาด้านใน ได้ยินสิ่งที่กุ้ยไท่เฟยพูด ทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่กลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินถือชาเข้ามาตามเดิม

ซือถูเย้นที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ ท่าทางผ่อนคลายไร้ความกังวล ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูไม่แยแส ในมือถือแหวนหยกเล่นไปมา นัยน์ตามีความเย็นชาซ่อนอยู่ในนั้น

ไทเฮาพยายามหักห้ามอารมณ์พลางพูดกับกุ้ยไท่เฟยอีกครั้ง “เมื่อครู่เราได้คุยกันแล้วไม่ใช่หรือ ต่อหน้าก็ดูเหมือนไม่มีความคิดเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นิ่”

กุ้ยไท่เฟยเงยหน้าขึ้น “เรื่องทั้งหมดขอให้เป็นไปตามความเห็นของไทเฮาท่านแล้วกัน ประโยคนี้คือการไม่ออกความเห็นอย่างนั้นหรือ?ไม่ นี่เรียกว่าการแสดงความคิดเห็นไม่ได้ อีกทั้ง ความเห็นของหม่อมฉันสำคัญด้วยอย่างนั้นหรือ?ถึงแม้วันนี้หม่อมฉันจะคัดค้านไป งานมงคลครั้งนี้ยังไงก็ต้องเกิดขึ้นอยู่ดี”

นางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากการที่ไทเฮาเรียกหม่อมฉันเข้าเฝ้าในวันนี้ เพื่อหวังให้หม่อมฉันพูดเพียงคำว่าหม่อมฉันเห็นด้วย ด้วยตนเอง ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อไทเฮาทรงรับสั่งมา หม่อมฉันก็จะตอบว่าได้เพคะ”

นางมองไปที่ซือถูเย้น “เรื่องงานมงคลของเจ้า ข้าไม่มีความเห็น”

ซือถูเย้นเงยหน้าขึ้น สายตาแหลมคมดุจมีดดาบ มุมปากยกยิ้มขึ้น “ขอบพระทัยท่านแม่ขอรับ”

“หม่อมฉันไปได้รึยังเพคะ?”กุ้ยไท่เฟยถามขึ้น

“ไปซะ!”ตอนนี้ไทเฮาทรงกริ้วจริงๆ กระแทกเสียงอย่างแรง

กุ้ยไทเฟยแสยะยิ้ม “ช่างน่าขันยิ่งนัก”

พูดจบ ก็สาวเท้ายาวเดินจากไป

ซือจู๋กูกูขานรับหนึ่งคำ ก็หันไปมองซือถูเย้นชั่วพริบตา แล้วจะรีบตามนางออกไป

ไทเฮาทรงกริ้วจนแน่นหน้าอกไปหมด แต่กลับพูดอย่างยิ้มๆกับซือถูเย้น “แม่ของเจ้าคงคิดไม่ตก เจ้าอย่าโทษนางเลยนะ”

“นางคิดไม่ตกมาหลายปีแล้วล่ะ ลูกไม่สนใจหรอก”ซือถูเย้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ไทเฮามองหน้าเขาตรงๆ เด็กคนนี้แบกรับอะไรไว้มากเกินไปแล้ว นางเห็นยังรุ้สึกสงสารเลย นางเป็นแม่ประสาอะไรเหตุใดถึงได้ทำตัวเย็นชาเช่นนี้

นางค่อยๆถอนหายใจออกมา มองไปที่หลีโม่ นางหวังไว้จริงๆว่าหญิงสาวคนนี้จะช่วยเหลืออะไรเขาได้ แต่ว่า ความจริงแล้วนางสงสัยเป็นอย่างมาก ตัวของเสี้ยหลีโม่ที่จริงแล้วก็เป็นคนที่มีปัญหาติดตัวรอบด้าน นางจะช่วยอะไรเย้นเอ๋อร์ได้จริงๆหรอ?

“เย้นเอ๋อร์ เจ้าไปที่ตำหนักซีเวยไปพบพี่ชายเจ้าเถอะ เรามีเรื่องต้องสนทนากับหลีโม่”ไทเฮาพูดขึ้นอย่างกะทันหัน

ซือถูเย้นเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เหมือนจะไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตัวเองได้ยิน “เข้าพบฮ่องเต้?ความหมายของท่านคือ ลูกสามารถไปหาฮ่องเต้ได้จริงๆหรือขอรับ?”

“ใช่แล้ว เรารู้ว่าเจ้าคิดถึงพี่ชายเจ้าแทบขาดใจ ไปเถอะ”ไทเฮาพูดอย่างยิ้มๆ

“ขอรับ!”ซือถูเย้นลุกยืนขึ้น หลีโม่เห็นสีหน้าเขามีความตื่นเต้นดีใจแวบหนึ่ง

เขาเคยพูดกับนางครั้งหนึ่งว่า สงสัยฮ่องเต้จะสิ้นพระชนม์แล้ว แต่ว่ามาวันนี้ไทเฮาบอกว่าให้เขาเข้าพบฮ่องเต้ได้ นั่นหมายความว่าเขาคาดการณ์ผิด ฮ่องเต้ยังมีชีวิตอยู่ คนที่มีความหมายกับชีวิตของเขามาก ยังมีชีวิตอยู่

หลีโม่ดีใจแทนจริงๆ!

ซือถูเย้นวิ่งออกไปดุจสายลม ไทเฮาสั่งการให้คนปิดประตูของพระตำหนัก เหลือนางกับหลีโม่แค่สองคน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม