พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 218

ตอนที่ 218 เทียเจียกวน

ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง

ชิงหนิงเก๋อ ในสวนของกุ้ยไท่เฟย

ซือจู๋กูกูเดินยกถาดน้ำชามาตามทางเดิน เห็นสาวใช้คนสนิทของไท่เฟยโล่วส่วยเดินออกไปด้วยท่าทางเร่งรีบ

“โล่วส่วย รีบเดินขนาดนั้นเจ้าจะไปไหน?”ซือจู๋กูกูถามขึ้น

โล่วส่วยตอบกลับไป “กุ้ยไท่เฟยให้ข้าไปตามฮูหยินของจวนเฉิงเสี้ยงมาพบเจ้าค่ะ”

ซือจู๋กูกูอึ้งไปพักหนึ่ง นัยน์มีความเศร้าสลดเล็กน้อย “ไปเถอะ”

โล่วส่วยจึงรีบเดินออกไป

ซือจู๋กูกูยืนถือถาดน้ำชา นิ่งอยู่กับที่พักใหญ่ จึงหมุนตัวกลับไป พักไปสักครู่ ก็ยกถาดน้ำชาเข้าไป แต่ครั้งนี้แก้วน้ำชา เพิ่มขึ้นมาหนึ่งแก้ว

พ่อบ้านอาฝูพึ่งสนทนากับกุ้ยไท่เฟยเสร็จ ก็เห็นซือจู๋กูกูเดินมา จึงรีบเดินออกไป

กุ้ยไท่เฟยพิงกับตั้งครึ่งตัว ขณะที่หลับตาอยู่ ซือจู๋กูกูก็เดินถือถาดน้ำชามาวางไว้บนโต๊ะ แล้วพูดถามขึ้นเสียงเบา “ยังปวดหัวอยู่ไหมเพคะ?”

“อืม”กุ้ยไท่เฟยลืมตาขึ้น พูดอย่างโกรธเคือง “ทำไมคนทั้งโลก เหตุใดต้องมารังแกกลั่นแกล้งข้าด้วย?ข้าสู้นางตรงไหนไม่ได้?”

ซือจู๋กูกูค่อยๆนั่งลงข้างๆนางพลางนวดครึงขมับให้ “ไม่มีใครกลั่นแกล้งท่านหรอกเพคะ ทุกวันนี้ยังไม่ดีอีกหรอเพคะ?ในจวนนี้ท่านอยากจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ สำหรับตำแหน่งไทเฮาแล้ว มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยหรอเพคะ?กลัวว่าจะยิ่งสูงยิ่งหนาว”

กุ้ยไท่เฟยปัดมือนางทิ้ง จ้องนางตาแข็ง “ซือจู๋ เจ้าเปลี่ยนไป”

ซือจู๋กูกูยิ้มขึ้นอย่างฝืนๆ “อาจจะเพราะหม่อมฉันอายุมากแล้ว จึงทำให้รู้สึกว่าการแย่งชิงไม่มีความหมายอะไร คนเราเมื่อตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้”

“ก็ใช่ แต่ข้าต้องการชีวิตอันหวือหวา เมื่อก่อนเจ้าเห็นด้วยกับการแย่งชิงของข้านิ่”

ซือจู๋กูกูถอนหายใจเบาๆ “ใช่เพคะ นั่นเป็นเพราะว่าท่านต้องการแย่งชิง หม่อมฉันเป็นข้ารับใช้ต้องช่วยท่านสุดกำลังอยู่แล้ว แต่นับตั้งแต่ที่ท่านลงมิกับท่านอ๋อง จึงทำให้ข้ารู้ว่า การแก่งแย่งชิงดีถึงสุดท้าย ยังไม่นับคนที่ต้องบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าสักวันหนึ่ง ท่านจะสามารถขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นไทเฮาได้ แต่ไม่มีญาติมิตรสหายแล้ว ท่านยังจะมีความสุขอยู่ไหม?”

“ซือจู๋ เจ้าช่างบังอาจนัก!”กุ้ยไท่เฟยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“คำพูดพวกนี้ หม่อมฉันไม่ควรพูด หรือหม่อมฉันอาจจะผิดไป ที่สนับสนุนให้ท่านทำตามฝัน แต่ว่า เมื่อก่อนมากที่สุดก็แค่กลั่นแกล้งพวกคนในวังหลัง ไม่ถึงกับต้องถือมีดถือดาบฆ่าแกง แต่ครั้งนี้ท่าน กลับกล้าลงมือถึงขั้นจะเอาชีวิตของท่านอ๋อง นั่นคือเลือดเนื้อเชื้อไขของท่านนะเพคะ ยังจำตอนเขายังเยาว์วัยอยู่ไหมเพคะ……”

กุ้ยไท่เฟยพูดขัดนางขึ้น แล้วใช้น้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “ข้าจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ไม่ต้องเล่าเรื่องความหลังให้ข้าฟังอีก!”

ซือจู๋กูกูมือค้างอยู่บนขมับของนาง แล้วจึงค่อยๆวางมือลง ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “เพคะ หม่อมฉันจะไม่พูดขึ้นอีก”

กุ้ยไท่เฟยลุกขึ้นนั่ง มองไปที่ถาดชา “ทำไมมีสองแก้วล่ะ?”

“แก้วหนึ่งคือชาเก๊กฮวยผวมชาเก๊ากี๊ แก้วหนึ่งคือชาที่เมื่อต้นปี เป็นชาอวี๋เฉียนหลงจิ่ง ท่านอ๋องส่งมาให้ท่านเป็นครั้งสุดท้าย”ซือจู๋กูกูมีความตื่นตระหนก

กุ้ยไท่เฟยเปิดฝาแก้วน้ำชาขึ้น แล้วมองไปในแก้วหลงจิ่ง แล้วจึงเขวี้ยงลงพื้น แก้วแตกเป็นเสี่ยงๆ น้ำชาและใบชาเทกระจาดออกมา น้ำชาใสๆไหลไปตามรอยแยกบนพื้น ไหลคดเคี้ยว ทำให้เห็นรอยกระดำกระดำกระด่างตามรอยแตก

ซือจู๋กูกูหน้าตาเจ็บปวด น้ำตาไหลลงมาจากหางตา นางพยายามกลั้นหายใจ มองไท่เฮายกแก้วชาเก๊ากี๊ขึ้น

กุ้ยไท่เฟยวางแก้วชาใกล้ริมฝีปาก เป่าไปหนึ่งที เห็นว่านางจะจิบแล้ว

ซือจู๋กูกูไม่กล้าหายใจแรง หัวใจเต้นเร็วแรง ในสมองมีแต่ภาพความทรงจำพรั่งพรูเข้ามา กุ้ยไท่เฟยอาจจะลืมได้ แต่นางลืมไม่ลง

กุ้ยไท่เฟยค่อยๆจิบชาไปหนึ่งคำ มองที่ซือจู๋ หลังจากนั้นสายตาก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นผิดหวัง บ้วนออกมาจากปาก แล้วเขวี้ยงลงกับพื้น

ซือจุ๋กูกูตัวสั่นเทา รีบคุกเข่า ท่าทางไม่มีเรี่ยวแรง

“ขณะที่ข้าจะดื่ม เจ้าห้ามข้าไว้สักนิด ข้าอาจจะไว้ชีวิตเจ้าได้ อย่างน้อยข้าอาจจะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันยาวนาน แต่ว่า เจ้าช่างจิตใจโหดเหี้ยมนักมีใจอย่าจะปลิดชีพข้า ซือจู๋เอ้ย ซือจู๋ เจ้าคิดว่าข้าจะเอาเจ้าไว้อีกได้ไหม?”

“ท่านรู้แล้ว?”ซือจู๋ริมฝีปากสั่น แต่นัยน์ตาไร้ซึ่งความกังวล กลับเห็นได้อย่างชัดว่านางไม่สะทกสะท้าน

กุ้ยไท่เฟยตาลุกเป็นไฟ พูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด “ตั้งแต่วันที่เจ้าพูดแทนเขา ข้าก็ได้ระมัดระวังมากขึ้น แล้วสั่งให้คนคอยตามสังเกตเจ้าไม่ให้คลาดสายตา เมื่อกี้ที่เจ้าถามโล่วส่วยเสร็จ ก็เดินถือถาดชากลับไป อาฝูได้ตามเจ้าไป ก่อนที่เจ้าจะเดินเข้ามา อาฝูได้รายงานข้าก่อนแล้ว ซือจู๋เอ้ย ซือจู๋ เจ้าช่างทำให้ข้าผิดหวังนัก ข้าปวดใจเหลือเกิด!”

ซือจู๋กูกูสายตาว่างเปล่า“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ หม่อมฉันจะยอมให้ท่านลงโทษตามใจชอบเลยเพคะ”

กุ้ยไท่เฟยยืนขึ้น กระโปรงยาวลากพื้น ชายกระโปรงกวาดไปโดนน้ำชาเมื่อครู่ ไปติดดินฝุ่น นางหันหลังให้ซือจู๋ น้ำเสียงอัดอั้นไปด้วยความผิดหวังและขมขื่นที่พูดไม่ออก “ก่อนที่เจ้าจะตาย ข้าจะให้เจ้าเป็นแม่บุญธรรมของเย้นเอ๋อร์ ถือซะว่าทำเพื่อตอบแทนที่เจ้าดูแลเขามา”

ซือจู๋สีหน้าเปลี่ยนไป “ไม่เพคะ ไม่ หม่อมฉันไม่มีบุญวาสนานี้!”

กุ้ยไท่เฟยหันกลับมา ค่อยๆนั่งลงยองๆ ช้อนหน้านางขึ้น เสียงอ่อนโยน “เจ้าคู่ควร เจ้าเป็นคนชิดใกล้เขาตั้งแต่เยาว์วัย ตอนอยู่ในวัง ถ้าไม่ใช่เจ้าดูแลเขา ก็ต้องข้าดูแล ข้าที่เป็นแม่แท้ๆ ยังสู้พวกเจ้าไม่ได้เลย เย้นเอ๋อร์เรียกนางว่าหมู่โฮว้ แต่ ถึงวันนี้แล้วเจ้ายังเป็นแค่ข้ารับใช้ จะให้ข้าตอบแทนเจ้าอย่างไร?เจ้าเป็นแม่บุญธรรมของเขา เจ้าตายไป เขาจะไว้ทุกข์ให้เจ้า พ่อแม่แท้ๆจะต้องไว้ทุกข์สามปี แต่แม่บุญธรรมอย่างเจ้าไว้ทุกข์หนึ่งปี น่าจะพอสำหรับตอบแทนบุญคุณของเจ้าแล้ว”

“ไม่เพคะ ไม่……”ซือจู๋กูกูสีหน้าซีดเซียว “ได้โปรดเถิดไท่เฟยอย่าทรงทำอย่างนี้เลยเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้ท่านอ๋องเสียเวลา ไม่อยาก……”

“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ถึงเจ้าจะไม่เป็นแม่บุญธรรมของเขา เจ้าตายไป เขาก็ต้องไว้ทุกข์ให้เจ้าอยู่ดี ข้าแค่ต้องการช่วยเขาสักครั้ง ให้เขามีชื่อเสียงในทางที่ดี”

ซือจู๋กูกูนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ปิดหน้าปิดตาร้องไห้อย่างเจ็บปวด

กุ้ยไท่เฟยค่อยๆนั่งลงกับตั่ง มองรอยน้ำบนพื้น แล้วหัวเราะอย่างประชด “น้ำชาสองแก้วนี้ ถ้าข้าเลือกหลงจิ่ง ในนั้นไม่มีพิษ เจ้าจะทดสอบข้าสินะ?ซือจู๋เอ๋ย ทำไมเจ้าช่างเบาปัญญานัก เหตุใดต้องทดสอบข้าด้วย?ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดถึงสายใยระหว่างแม่ลูก แต่เป็นเพราะข้ามีความจำเป็น ทั้งหมดก็เพราะว่าเขาบังคับข้า เจ้ารู้ไหม?เจ้าชงชาสองแก้วนี้มา เจ้าช่างดูถูกคนยิ่งนัก วันนั้นที่ข้าลงมือจัดการกับเขา ข้าไม่เหลือทางไว้ให้ตัวเองเดินอีกแล้ว การทดสอบของเจ้ามันเปล่าประโยชน์”

กุ้ยไท่เฟยนั่งพิงกับตั่ง สั่งการด้วยสายตาเหม่อลอย “ทหาร!”

ยามสองคนที่เฝ้าประตู สองมือคารวะ “กุ้ยไท่เฟย”

กุ้ยไท่เฟยไม่มองซือจู๋กูกูแม้แต่นิดเดียว สั่งด้วยน้ำเสียเย็นชา “นำนางลงไป เทียเจียกวน”

ซือจู๋กูกูคุกเข่ากับพื้น เอาหัวโขกกับพื้นสามทีเสียงดัง น้ำตาไหลพรากเสียใจ “หม่อมฉันขอลากุ้ยไท่เฟย!”

เทียเจียกวน เป็นการลงโทษนางในหรือนางสนมในวังอย่างหนึ่ง คือการประหารชีวิต

นำนักโทษตรึงไว้สี่ด้าน นำกระดาษชุบน้ำ แล้วเป๊ะลงไปที่หน้าทีละแผ่น ตามความหนาของกระดาษ จะทำให้นักโทษขาดอากาศหายใจตาย การตายอย่างนี้ จะใช้เวลานาน นักโทษจะรู้สึกทรมานมาก

ทหารยามลากซือจู๋กูกูออกไป พ่อบ้านอาฝูอยู่ตรงประตู พูดกับนางอย่างเย็นชา “เจ้าไม่ควรทรยศหักหลังนายตัวเอง”

ซือจู๋กู่กุส่ายหน้า “สักวันเจ้าจะต้องเสียใจ”

อาฝูส่ายหน้า“ไม่ มีวัน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม