พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 219

ตอนที่ 219 แม่บุญธรรมของอ๋องซื่อเจิ้ง

ซือจู๋กูกูถูกลากไปขังไว้ในห้องมืด ทหารยามจับนางมัดกับเตียงไม้

ซือจู๋กูกูขอร้องนายทหาร “ขอร้องเจ้าล่ะ ช่วยไปบอกท่านอ๋องที บอกว่าซือจู๋กูกูไม่ได้ตายเพราะเขา เป็นเพราะข้าเหนื่อย ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้ว”

นางรู้ กุ้ยไท่เฟยจะต้องไปบอกกับท่านอ๋องว่า นางต้องตายเพราะเขา นางไม่อยากให้ท่านอ๋องโทษตัวเอง ไม่อยากให้เขาเสียใจ

ชาตินี้ นางทำเรื่องผิดมามากมาย ต้องเป็นอย่างวันนี้เป็นสิ่งนางสมควรได้รับ นางแค่อยากทำเพื่อเด็กที่นางเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กทำอะไรบางอย่าง เรื่องสุดท้าย ถึงจะพลาด แต่นางไม่อยากให้เขาแบกรับอะไรไว้ทั้งนั้น

ขณะเดียวกัน กุ้ยไท่เฟยกลับเข้าวังอีกครั้ง ขอเข้าเฝ้าไทเฮา เขียนพระราชศาลอวี่เตี๋ย ว่าจะให้ซือถูเย้นมีแม่บุญธรรม นั่นก็คือซือจู๋กูกู

ไทเฮารู้ดีแก่ใจมาตลอดว่าซือจู๋รักและทะนุถนอมซือถูเย้นมาตลอด และก็รู้ด้วยความกุ้ยไท่เฟยพึ่งพาซือจู๋กูกูมากเช่นกัน ก็คิดว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนของนาง จึงอนุญาตและเพิ่มซือจู๋กูกูเป็นแม่บุญธรรมของซือถูเยี่ยลงในพระราชศาลอวี่เตี๋ย

นี่เป็นประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ ที่ข้ารับใช้คนแรกจะได้มีสิทธิ์ขึ้นอวี่เตี๋ยของราชวงศ์

ไทเฮารู้สึกว่าซือจู๋คู่ควรที่จะได้รับการยกเว้น บวกกับ หากจะทำให้กุ้ยไท่เฟยสบายใจ นางก็ไม่สนใจ

นางไม่เคยคิดมาก่อน ว่าราชวงศ์จะยกย่องอิสตรีนางหนึ่ง แต่กลับตายอยู่ในตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง

ซือถูเย้นกลับมาวันนั้น กุ้ยไท่เฟยก็ให้คนไปบอกนางว่า ซือจู๋กูกูเป็นแม่บุญธรรมของเขาแล้ว ได้รับการอนุญาตแล้ว ซือถูเย้นไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร เขาเคารพซือจู๋กูกูมาก

เซียวโธ่กับซูชิงกลับมาพร้อมกับเขา ทั้งสามคนรู้สึกงงมาก เพราะสถานการณ์ของหวางหยูยังไม่ดีขึ้น ถึงจะให้ฉีดยาสลบให้เขาหลับไป แต่เขาไม่ดื่มน้ำ แล้วก็ไม่กินอะไร ทรมานมาก

ก่อนจะกลับมา พวกเขาได้ไปจวนเฉิงเสี้ยงพบหลีโม่

หลีโม่แนะนำว่าให้ลองเพิ่มจำนวนตัวยาของยาสลบ ตอนเขาสลบ ให้นำน้ำร้อนกรอกให้เขา

ซือถูเย้นสั่งการลงไป แต่ ในใจทุกคนต่างรู้กันดีว่า มันได้แค่ถ่วงเวลาออกไป ไม่ได้ช่วยอาการของเขาเลย

“วันนี้ข้าได้ไปพบฮ่องเต้แล้ว”หลังจากที่ซือถูเย้นนั่งลง ก็ไม่พูดกับซูชิงกับเซียวโธ่

ทั้งสองหน้าตาตกตะลึง “จริงหรอ?”

ก่อนหน้านั้นพวกเขาสองคนแอบคาดเดาไว้ พูดว่าฮ่องเต้อาจจะสิ้นพระชนแล้ว แต่ไทเฮาได้ให้เขาเข้าพบฮ่องเต้ นี่หมายความว่าฮ่องเต้ยังมีพระชนม์ชีพอยู่

“ใช่แล้ว!”ซือถูเย้นพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ฮ่องเต้เป็นยังไงบ้าง?”ซูชิงถามขึ้น

“วันนี้ฟื้นมา”ซือถูเย้นคิดถึงเรื่องไปพบเขาที่พระตำหนักซีเวยวันนี้ รู้แล้วว่าทำไมไทเฮาไม่ให้ใครเขาเข้าเฝ้าฮ่องเต้ “อาการไม่ค่อยดี แต่พูดกับข้าได้สองสามประโยค”

“พูดอะไร?”

“ไม่ได้พูดอะไรมาก ถามแค่เรื่องราชสำนัก ไม่มีชีวิตชีวา ได้แต่ฟังสิ่งที่ข้าพูด”ซือถูเย้นจิบชาไปหนึ่งคำ พูดตอบ

ซูชิงถาม “ให้คุณหนูเสี้ยไปรักษาฮ่องเต้ได้ไหม?”

“ไม่ได้!”ซือถูเย้นปฏิเสธ “ไม่จำเป็น”

ซูชิงกับเซียวโธ่หันไปสบตากัน เป็นสายตาที่สงสัย

“ช่างเถอะ พวกเจ้ากลับไปเถอะ ข้าอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”

“ท่านไม่ไปพบซือจู๋กูกูหน่อยหรอท่าน?ตอนนี้นางเป็นแม่บุญธรรมของท่านแล้วไม่ใช่หรอ”เซียวโธ่ถาม

“วันนี้ยังไม่ไป ข้ามีเรื่องปวดหัว ไม่อยากนางเป็นห่วง พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยไปพบนาง”

“ท่านกลัวจะได้พบกุ้ยไท่เฟยใช่ไหมล่ะ?ตอนนี้นางน่ากำลังปรนนิบัติกุ้ยไท่เฟยทางนั้นอยู่ พรุ่งนี้เช้าก็ต้องไปตัดดอกไม้ในสวน ท่านคิดว่าจะต้องไปพบเวลาไหนล่ะ?”ซูชิงมองปราดเดียวก็รู้

“น่ารำคาญน่ะ?”ซือถูเย้นไม่อยากเห็นหน้าของเขา

เซียวโธ่หมุนตัวออกไป “ข้าก็รู้สึกรำคาญ คืนนี้ข้าไม่ทานข้าวกับพวกท่านนะ ข้านัดเฉินหลิ่วหลิ่วไว้”

“อ้า?”ซูชิงรีบดึงตัวเขาไว้ “เจ้าพึ่งกลับเมืองหลวงเมื่อวาน วันนี้ก็รีบนัดนางแล้วหรอ?หรือเจ้าจะ?”

“เจ้าคิดอะไรอยู่น่ะ?ข้าจะแนะนำผู้ชายให้นางต่างหาก”เซียวโธ่พูด แล่วก็รีบเดินหายไป

“ข้าก็จะไป ข้าไปด้วยคน”ซูชิงรีบวิ่งตามออกไป

เซียวโธ่มีสายตาได้ใจแวบหนึ่ง ใช่แล้ว จะให้เขาตามไปด้วยนั่นแหละ

ซูชิงไม่คิดว่าเซียวโธ่ที่หัวดื้อ กลับคิดอะไรไม่ซื่ออย่างนี้ได้?

จะว่าไปแล้ว วันนี้หยางมาม่าก็เข้าไปเข้าเฝ้าไทเฮาเหนียงๆนิ่

“เสี้ยหลีโม่ได้พูดเรื่องอาการป่วยของอ๋องเหลียงรีเปล่า?”ไทเฮาถาม

หยางมาม่าพูด “ทูลไทเฮาเหนียงๆ ทุกครั้งที่กลับมาจากการตรวจอาการของเตี่ยนเสี้ย หลังจากกลับมาก็พูดว่า อาการของเตี่ยนเสี้ยดีขึ้น เพราะฉะนั้น คุณหนูเตรียมจะรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาของเขาแล้วเพคะ”

“นางมั่นใจอย่างนั้นหรือ?ตอนนี้เปิ่นกงไม่ค่อยเชื่อในนางเท่าไหร่”ไทเฮาเริ่มฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เสี้ยหลีโม่แล้ว แต่ผ่านการนึกคิดมาพักหนึ่ง รู้สึกว่าความเชื่อใจมากเกินไปมันไร้สาระ ไม่ต้องพูดถึงโรค ขาแค่ข้างเดียว เขาเดินไม่ได้มาหลายปีแล้ว นอกจากหมอหลวงในวังวังแล้วก็เคยหาหมอเทวดาทั่วทั้งแคว้นแล้ว ต่างไม่ช่วยอะไร แล้วนางจะสามารถรักษาหายหรือ?

หยางมาม่ารีบตอบ “คุณหนูพูดว่าที่ขาเจ็บเพราะเป็นโรคเก่า หากอยากจะรักษา ต้องใช้เวลา แต่ ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา”

พอไทเฮาได้ฟังก็โล่งใจ แล้วจึงถาม“ตอนนี้จวนเฉิงเสี้ยงวุ่นวายมาก เจ้าคิดยังไงกับเรื่องนี้?”

หยางมาม่าได้ยินก็รู้สึกตกใจ ไทเฮาเหนียงๆถามขึ้นขนาดนี้หรือนางจะเริ่มไม่ไว้ใจนางแล้ว

“ทูลไทเฮาเหนียงๆ หม่อมฉันอยู่จวนเฉิงเสี้ยงไม่ค่อยถามเรื่องนี้กับใครเท่าไหร่เพคะ คุณหนูเสี้ยก็ไม่ให้หม่อมฉันไปทำเรื่องอะไรเลยเพคะ นอกจากปรนนิบัติชิดใกล้ เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นภายในจวน หม่อมฉันไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่เพคะ แต่รู้สึกว่าการต่อสู้ระหว่างพ่อลูกคู่นี้ดูท่าแล้วไม่จบง่ายๆเพคะ หม่อมฉันได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะสงบ ปล่อยให้คุณหนูรักษาเตี่ยนเสี้ย อย่างนั้น พวกเขาจะสู้กันจนตายกันไปข้างหนึ่งก็ไม่เกี่ยวข้องกับหม่อมฉันแล้วเพคะ”

นางรู้ดีว่าไทเฮากำลังถามถึงเรื่องนางคิดยังไงกับเรื่องนี้ ความหมายก็คือนางรู้สึกว่าใครถูกใครผิด ยังสามารถตัดสินได้ว่านางยืนอยู่ข้างไหน

เพราะฉะนั้น นางจะต้องทำตัวเป็นกลางไว้

ถึงแม้ว่านางจะพูดว่าคุณหนูใหญ่เป็นฝ่ายถูก เพราะว่า ไทเฮาไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก ในวังหลัง มีหลายเรื่องที่ไม่ได้สนใจเรื่องถูกผิด สิ่งที่พวกเขาสนใจคือตำแหน่ง

ไทเฮาพอใจกับคำตอบของหยางมาม่ามาก “ดีมาก เจ้าคอยคิดวิธีปกป้องเสี้ยหลีโม่ในจวนเฉิงเสี้ยง เปิ่นกงก็จะคุยกับท่านพ่อ ตอนนี้อย่าพึ่งให้ความร่วมมือกับจวนเฉิงเสี้ยงทำร้ายเสี้ยหลีโม่ รอจนกว่าหลีโม่รักษาอ๋องเหลียงเสร็จค่อยว่ากัน”

“เพคะ หม่อมฉันจะจำไว้”หยางมาม่าพูด

“อืม คืนนี้เจ้าพักในวันก่อน เปิ่นกงไม่ได้เจอเจ้านานมีเรื่องจะถามเจ้า ไปเถอะ”

ไทเฮาพูด

“เพคะ หม่อมฉันขอลา!”หยางมาม่าโค้งตัวถอยออกไป

เสียงของไทเฮาลอดผ่านตัวของนาง มีความเย็นชา “เจ้าอยู่ข้างนอกวังนาน ทางที่ดีให้เจ้าจำให้ขึ้นใจว่าเจ้าเป็นใคร อย่าให้คนทำให้เจ้าหลงผิดล่ะ”

หยางมาม่าหันกลับมา มองไทเฮาอย่างแปลกใจ “เหนียงๆ ความหมายของท่านคือ?”

ไทเฮาจ้องนางพักใหญ่ “เจ้ารู้ดี”

หยางมาม่าตั้งใจทำท่าทางไม่เข้าใจ “เหนียงๆ มีตรงไหนที่หม่อมฉันทำผิดพลาดไปหรือเพคะ?ก่อนหน้านี้รัชทายาทกับไถ้ฝู้ก็อยู่ในเหตุการณ์ เพราะฉะนั้นหม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายของไทเฮาเหนียงๆ หม่อมฉันไม่เคยออกตัวช่วยเสี้ยหลีโม่มาก่อน ขอเหนียงๆให้ได้โปรดให้อภัย!”

“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าไปเถอะ”ไทเฮาโบกมือ ไล่นางลงไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม