พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 231

ตอนที่ 231 จุ้ยเย่วโหลว

นายหญิงแก่ตหวาดขึ้นว่า “หุบปากเสีย แล้วไสหัวออกไป ส่วนคนที่ลายเสี้ยจื้อ เจ้าอย่าเพิ่งไปลงมือทำอะไร ดูแลแผลบนหน้าเจ้าเองเสียก่อน แล้วรอคอยที่แต่งงานกับองค์ชายรัชทายาท เรื่องอื่นๆ เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยว”

เสี้ยโล่เยว่โมโหจนน้ำตาไหล แต่ก็ไม่อาจที่จะเสียมารยาทต่อนายหญิงแก่ที่กำลังโกรธอยู่ ได้แต่เดินออกไปด้วยความโกรธ

เดิมทีหลานหยู้คิดว่านายหญิงแก่จะช่วยนาง แต่ในเมื่อนายหญิงแก่พูดเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่ไปหาหลีโม่แล้ว

ในใจนางทั้งโกรธทั้งตกใจ มิหนำซ้ำยังถูกตบตีอีก ถ้าเรื่องนี้เลิกแล้วต่อกันไป หลังจากนี้นางจะมีที่ยืนในจวนได้อย่างไร?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ ความโกรธแค้นในใจนางก็เพิ่มมากขึ้น ดูเหมือนว่า ถ้าอยากจะแก้แค้น ก็คงจะต้องไปหาคุณหนูรอง

นายหญิงแก่กวักมือขึ้นอย่างอ่อนล้า เรียกให้ชุ่ยยุ่นพานางออกไป

กลับเข้าไปในห้องรอฮูหยินใหญ่กลับมา หลานหยู้พูดอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมนายหญิงแก่ต้องกลัวนางขนาดนั้น? นางตีตบข้าถึงขนาดนี้ นายหญิงแก่ยังไม่ช่วยข้าอีก ”

“ไม่ใช่ไม่กล้า แต่นายหญิงแก่มีแผนการ เจ้าอย่าไปวุ่นวายเลย ครั้งนี้รอดมาได้ก็ถือว่าโอเคแล้ว คุณหนูใหญ่วันนี้ต่างจากเมื่อก่อน นางไม่ไว้หน้าพวกเราแล้ว เรื่องเสี้ยฉวนยังไม่ทำให้เจ้าได้สำนึกหรือไง ” ชุ่ยยุ่นตักเตือน

หลานหยู้พูดอย่างโมโหว่า “เสี้ยฉวนจะมาเทียบกับข้าได้อย่างไร? มันก็เป็นแค่พ่อบ้านของจวน ว่าไปแล้วก็เป็นแค่คนใช้”

“พวกเราก็เป็นคนรับใช้ หลานหยู้ ถึงแม้ว่านายหญิงแก่จะเอ็นดูพวกเราสองพี่น้อง แต่เจ้าอย่าลืมว่า พวกเราก็เป็นคนรับใช้ ทั้งยังเทียบเสี้ยฉวนไม่ได้ ” ชุ่ยยุ่นพูดด้วยสีหน้าปกติ

หลานหยู้ชะงัก แล้วเย้ยหยันว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าต้องมองตัวเองต่ำเช่นนั้น ยังจำคำที่นายหญิงแก่พูดกับเราได้มั้ย? นางบอกว่าถึงแม้เราจะเป็นคนรับใช้ แต่ถ้ายังมีนางยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่มีคนมองพวกเราเป็นคนรับใช้ คำพูดนี้เฉิงเสี้ยงก็ได้ยิน ”

“คนเป็นเจ้านายนั้นจะยกย่องลูกน้องตัวเองนั้นได้ แต่คนรับใช้ที่จะยกย่องตัวเองนั้นเป็นคนที่ไม่รู้จักกำลังของตน”

“ช่างเถอะ ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว ในเมื่อนายหญิงแก่ไม่ยอมช่วยเหลือข้า ข้าก็จะไปหาคุณหนูรอง ” หลานหยู้พูดอย่างดื้อดึง นางต้องแก้แค้น เพื่อรักษาศักดิ์ศรีตนเองไว้

ชุ่ยยุ่นตหวาดพูดว่า “ เจ้าไม่ต้องไปวุ่นวายกับนางได้มั้ย? ข้าบอกแล้วไงว่านายหญิงแก่มีแผนจะจัดการกับนางแล้ว ถ้าเจ้ามาทำลายแผนของนายหญิงแก่ละก็ นายหญิงแก่ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่”

“ข้าไม่เชื่อว่านายหญิงแก่จะมีแผนอะไร ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องล้มงานแต่ง นายหญิงแก่ก็ถูกนางกดดันมาโดยตลอด แล้วยังโดนตอกหน้ากลับตั้งหลายครั้ง ถ้าพวกเรายังมัวนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้ เสี้ยหลีโม่นางชั่วนั่นคงไม่ฉี่รดหัวนายหญิงแก่เลยหรอกหรือ? ชุ่ยยุ่น ไม่ใช่ทำเพื่อข้า แต่เพื่อนายหญิงแก่ เจ้าต้องช่วยข้า”

ชุ่ยยุ่นส่ายหัว “ไม่ได้ ข้าจะไม่ช่วยเจ้า ข้าจะไม่ขัดคำสั่งนายหญิงแก่ นางบอกแล้วว่าห้ามไปวุ่นวายกับคนของลานเสี้ยจื้อ ข้าก็จะไม่เข้าไปยุ่ง ”

“ข้าไม่ได้ให้เจ้าเข้าไปหาเรื่อง ” หลานหยู้กูกูลากนางเข้ามา “เจ้าไปหาคุณหนูรอง.............”

ชุ่ยยุ่นกูกูได้ยินเช่นนั้น ก็ส่ายหัวอย่างแรง “ไม่ หลานหยู้ ข้าขอเตือนเจ้า ไม่ได้เด็ดขาด”

หลานหยู้พูดอย่างโมโหว่า “โอเค เจ้าไม่ช่วยข้า เจ้าก็ไสหัวไปซะ เป็นพี่น้องกันไม่ได้ก็ช่างเถอะ เห็นข้าถูกรังแกถึงขนาดนี้ เจ้ายังไม่ช่วยข้า เป็นพี่น้องกันยังจะมีประโยชน์อะไรอีก?”

ชุ่ยยุ่นรู้ว่านางดื้อดึง ก็เลยถอนหายใจพูดว่า “ ข้าจะไปดูว่ามีหมอมาหรือยัง”

หลานหยู้เห็นว่าตนพูดถึงเพียงนี้แล้ว นางก็ยังไม่ยอมช่วยเหลือ ทำให้โกรธมาก ก็เลยพูดตามหลังไปว่า “ชุ่ยยุ่น วันข้างหน้าเจ้าก็จะเป็นเช่นข้า เจ้าคิดเองก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นข้าก็จะไม่สนใจเจ้าเช่นกัน ”

ชุ่ยยุ่นตะโกนมาไกลๆว่า “ถ้ามีวันนั้นจริงๆ เจ้าก็ต้องตักเตือนข้า ให้สำเหนียกกำลังตนเอง หรือไม่ก็ หาหมอมารักษาข้า”

หลานหยู้โมโห แล้วก็ขว้างกาน้ำชาแตก พูดเสียงเย็นว่า “เจ้าไม่ช่วยข้า ข้าก็จะไม่มีวิธีอื่นอย่างนั้นหรือ?”

ตัดมาที่หลีโม่และองค์หญิงใหญ่ซือถูจิ้งขึ้นบนรถม้า ซือถูจิ้งพูดกับคนขับรถว่า “ไปที่ติ่งเฟิง”

หลีโม่ถาม “พวกเราไม่ได้จะไปจุ้ยเย่วโหลวหรอกหรือ?”

ซือถูจิ้งบอกว่า “เราไม่มีหลักฐานว่าเย็นเอ๋อร์อยู่ที่จุ้ยเย่วโหลวจริงๆ แล้วก็ไม่สามารถบุกเข้าไปค้นหา ถ้าบุกเข้าไป จะทำให้ฝั่งตรงข้ามฆ่าปิดปากตัวประกัน ทำให้เย็นเอ๋อร์มีอันตราย”

หลีโม่นึกไม่ถึงว่าจุ้ยเย่วโหลวจะมีเส้นสายใหญ่ขนาดนี้ “จุ้ยเย่วโหลวมีความสัมพันธ์อะไรกับติ่งเฟิง?”

“นายท่านรองของตระกูลหูของติ่งเฟิงเป็นคนเปิดกิจการจุ้ยเย่วโหลว ขุนนางใหญ่น้อยในเมืองหลวงล้วนมาใช้บริการที่นั่น เบื้องหลังต้องมีผู้มีอำนาจหนุนหลังอยู่ ถ้าจะบุกเข้าค้นก็ได้อยู่ แต่ว่า การป้องกันของจุ้ยเย่วโหลวนั้นดีมาก แค่รถม้าของพวกเราขี่มุ่งหน้าไปทางนั้น พวกเขาก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว พวกเราไม่อาจหาตัวเย็นเอ๋อร์พบ เพราะจุ้ยเย่วโหลวไม่ยอมต้องโทษที่บังคับหญิงสาวขายตัวแน่ ”

หลีโม่ก็ถึงบางอ้อ นางมองไปที่ใบหน้าของซือถูจิ้ง แล้วพูดเบาๆว่า “นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว จุ้ยเย่วโหลวยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้เจ้าลำบากอีก”

ซือถูจิ้งเงียบไป แล้วพูดว่า “นายท่านรองตระกูลหูแต่งงานกับน้องสาวของฮูหยินแม่ทัพเซียว”

“แม่ทัพเซียว?” หลีโม่ก็เข้าใจมากขึ้น พี่ชายของเซียวโธ่ ชื่อว่า เซียวเซียว “ เจ้าหมายความว่า เซียวเซียวเป็นหุ้นส่วนของจุ้ยเย่วโหลวอย่างนั้นหรือ?”

“อูหยินของเซียวเซี่ยวต่างหาก ” ซือถูจิ้งพูดเบาๆ สีหน้าเผยให้เห็นถึงอารมณ์ที่ไม่กล้าพูด “เมื่อก่อนนางเป็นคนคอยดูแลข้า ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมพวกเราถึงไม่ไปถามฮูหยินท่านแม่ทัพเสียเลยล่ะ? ” หลี่โม่ถามไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองถามผิดไป เพราะว่าสีหน้าของซือถูจิ้งเปลี่ยนไปไม่ค่อยดีนัก

ก่อนหน้านี้หลีโม่ได้รับข่าวสารเพียงบางช่วงบางตอน ส่วนเรื่องของซือถูจิ้งและเซียวเซียวนั้นเป็นเช่นไร นางไม่รู้อะไรเลย

ซือถูจิ้งเงยหน้ามองหลีโม่ “ก็เหมือนกับเจ้าที่ไม่เข้าไปหาโร๋วเอ๋อร์นั่นแหละ ข้าก็ไม่อยากเข้าไปหาชิงชิว อีกอย่าง ถ้าข้าไปหานาง นางก็ไม่ยอมรับว่าเย็นเอ๋อร์อยู่ในจุ้ยเย่วโหลว ”

เมื่อได้ยินชื่อโร๋วเอ๋อร์อีกครั้ง ใจหลีโม่ก็จี๊ดขึ้นมา ดูเหมือนว่า โร๋วเอ๋อร์คนนี้จะเป็นศัตรูหัวใจของนางจริงๆ

ชิงชิว? ก็คือฮูหยินของแม่ทัพใหญ่หรือ?

“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะไปหาใคร เถ้าแก่ของติ่งเฟิงหรือ? ดึกขนาดนี้แล้ว นางยังไม่กลับจวนหรือ?”

ซือถูจิ้งพยักหน้า “นางยังไม่กลับจวนหรอก ข้ากับนางได้พบหน้ากันอยู่หลายครั้ง นางคงจะเห็นแก่หน้าข้าอยู่บ้าง”

“อื้ม หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ” หลี่โม่รู้ว่าติ่งเฟิงเป็นมหาเศรษฐีของแคว้นต้าโจว แต่ไม่เคยเห็นเถ้าแก่ใหญ่สักครั้ง

ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเย็นเอ๋อร์และกุ้วยหยวนมีเรื่อง นางก็คงอยากพบหน้ามหาเศรษฐีของแคว้นต้าโจวผู้นี้เหมือนกัน

เมื่อถึงหอการค้าติ่งเฟิง ซือถูจิ้งก็ยื่นป้ายคำสั่งออกไป “พาข้าเข้าไปพบเถ้าแก่ใหญ่ของพวกเจ้า”

ลูกน้องของหอการค้าติ่งเฟิงเห็นว่าแขกที่มาเป็นถึงองค์หญิงของราชสำนัก ก็ตกใจกันใหญ่ แล้วก็รีบพาทั้ง2คนเข้าไป

หอการค้าติ่งเฟิงเป็นตึก3ชั้น ไม่ค่อยใหญ่มากนัก แต่หรูหรามาก ตรงประตูทางเข้ามีโต๊ะไม้ที่ทำจากไม้เรดวู๊ดอย่างดี บนโต๊ะไม้มีเครื่องชั่งวางอยู่ แล้วมีอักษรสีทองเขียนไว้ว่า “ซื่อสัตย์ซื่อตรง”

เถ้าแก่หูนั่งทำงานที่ชั้นบนสุด เมื่อขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ก็เห็นโต๊ะทำงานที่วางเรียงรายไว้ในห้องทำงานอิสระ หลีโม่ก็รู้สึกถึงห้องทำงานที่ทันสมัย

ดึกแล้วยังไม่เลิกงาน ทำให้คนอื่นรู้สึกว่า เป็นบริษัทที่ใช้งานพนักงานอย่างหนัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม