พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 235

ตอนที่ 235 ความจริงใจ

ชุ่ยยุ่นเห็นนางโกรธมาก ก็ไม่กล้าชักช้า เลยรีบไปเรียกนายหญิงแก่

ช่วงนี้นายหญิงแก่นอนไม่หลับบ่อย ต้องอาศัยชาที่ดื่มแล้วหลับถึงจะหลับลง เพิ่งได้หลับไป ชุ่ยยุ่นก็มาเรียก “นายหญิงแก่เจ้าคะ!”

นายหญิงแก่ก็ลืมตาขึ้น ท่าทางโกรธมาก “ หวังว่าจะมีเรื่องด่วนนะ”

ชุ่ยยุ่นพูดอย่างเกรงกลัวว่า “นายหญิงแก่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่มา บอกว่าจะแจ้งความ”

นายหญิงแก่โกรธมาก “ บ้าไปแล้วหรือไง คิดว่าช่วงนี้จวนเฉิงเสี้ยงเกิดเรื่องบ้าบอไม่พออีกหรือไง? คดีไฟไหม้เพิ่งจบไป คนมากมายจ้องมองมาที่จวนเรา ถ้านางไปแจ้งความอีก จวนเฉิงเสี้ยงเราคงอยู่ไม่เป็นสุข ”

ชุ่ยยุ่นพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้ “นายหญิงแก่เจ้าคะ คุณหนูใหญ่เหมือนจะโกรธมาก คงต้องให้ท่านออกไปพูดเอง”

นายหญิงแก่โบกปัด “ไม่ ข้าจะไม่พูดกับนาง ข้าเองก็โกรธมาก ไปคุยกับนางไม่ได้ เดี๋ยวเกิดเรื่อง”

พูดจบ นางก็พูดอีกว่า “นางจะเอาอย่างไรกันแน่? คนก็ตีไปถึงขนาดนั้นแล้ว ข้าไม่เอาเรื่องนาง แต่นางกลับมาเอาเรื่องข้าแทน คิดว่าตนเองเป็นพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งแล้วละมั้ง์”

เมื่อนสิ้นเสียงนางพูด ก็มีชายรับใช้มารายงานว่า “นายหญิงแก่ ไม้ไหม้สวนดอกไม้ ไฟไหม้ไม้ที่ตันชิงเสี้ยนจู่จะสร้างศาลาริมน้ำนั้นไหม้หมดสิ้น กำแพงที่เพิ่งสร้างก็ถูกล้มจนพังพินาศ”

นายหญิงแก่หน้าเขียว มองไปที่ชุ่ยยุ่น “หลานหยู้ล่ะ?”

ชุ่ยยุ่นไม้กล้าบอกว่านางเห็นหลานหยู้ออกไป ได้แต่พูดว่า “หลังจากที่หมอดูอาการนางแล้ว นางก็พักผ่อนในห้อง”

“ไปเรียกนางมา ” นายหญิงนึกถึงเรื่องวันนี้ได้ นางคงจะโกรธไม่หาย และน้อยใจว่าตนเองไม่ออกหน้าช่วยนาง ทำไมถึงได้โง่เช่นนี้

ชุ่ยยุ่นให้คนไปเรียกหลานหยู้มา แล้วตนก็เปลี่ยนชุดให้กับนายหญิงแก่

เพิ่งแต่งตัวเสร็จ หลานหยู้ก็เข้ามา

เพราะว่านางถูกแซ่โบย ท่าเดินของนางก็เลยกระเผลกๆ สายตาดูได้ใจมาก

“นายหญิง เรียกข้าหรือ? ” หลานหยู้เข้ามาก็ถาม

“ไฟที่สวนดอกไม้ เจ้าเป็นทำใช่มั้ย ? ” นายหญิงแก่กลั้นอารมณ์โกรธไว้ พยายามทำหน้านิ่งๆไว้

หลานหยู้เห็นว่านายหญิงแก่ไม่มีท่าจะกล่าวโทษ ก็เลยยอมรับไป “นายท่าน ข้าและคุณหนูรองเป็นคนทำเอง”

นายหญิงแก่มองไปที่นาง “หลานหยู้ เจ้าติดตามข้ามากี่ปีแล้ว ”

หลานหยู้รีบตอบ “ ข้าน้อยติดตามนายหญิงตั้งแต่ข้าอายุ13 ถึงวันนี้ก็34ปีแล้ว”

“34ปี เวลาช่างยาวนาน เจ้าและชุ่ยยุ่นไม่ได้แต่งงาน อยู่ข้างกายข้าตลอด หลายปีมานี้ ข้าไม่เคยทำไม่ดีกับพวกเจ้า ใช่มั้ย? ” นายหญิงแก่ถาม

หลานหยู้พูดอย่างซึ้งใจ “นายหญิงดีกับเราสองพี่น้องมาตลอด ข้าน้อยซึ้งน้ำใจมาก”

นายหญิงแก่พูดเสียงเย็น “หลานหยู้ ข้าจะช่วยเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากเรื่องนี้จบ เจ้าก็ออกไปจากจวนเฉิงเสี้ยงเสียเถิด ”

หลานหยู้ตกใจจนปากสั่น “นายหญิงหมายความว่าเช่นไรคะ”

นายหญิงแก่จัดแจงเสื้อผ้าตนเอง “ตอนนี้เสี้ยหลีโม่อยู่ด้านนอก นางบอกว่าจะแจ้งความ เจ้าว่าควรทำอย่างไร?”

หลานหยู้รีบตอบ “แจ้งความ? นางไม่ใช่คนเปิดศาลเองเสียหน่อย นางบอกจะแจ้งความก็ต้องมีหลักฐาน อีกอย่าง ก็แค่คนรับใช้2คน ศาลคงไม่สนใจหรอก”

นายหญิงแก่มองไปที่หลานหยู้ ราวกับไม่เชื่อว่าคำพูดพวกนี้จะหลุดออกมาจากปากนาง

เมื่อนึกถึงตอนที่เอานางทั้งสองมารับใช้ข้างกาย ก็เพราะว่าพวกนางนั้นฉลาด แต่ว่า ไม่รู้ว่าพวกเปลี่ยนไปเป็นคนที่เย่อหยิ่งโอหัง และโง่เขลาตั้งแต่เมื่อไหร่?

“เจ้าจะบอกว่า นางเป็นถึงลูกสาวของจวนเฉิงเสี้ยง จะไปแจ้งความ เจ้าหน้าที่จะไม่สนใจอย่างนั้นหรือ? ” นายหญิงแก่ถามอย่างหน้าโกรธ

“ข้าน้อย......” หลานหยู้เห็นนายหญิงแก่โกรธขึ้นมา นางก็รู้สึกตัวว่าตนเองนั้นได้ทำสิ่งที่นายหญิงแก่ไม่พอใจเข้าแล้ว นางก็รีบคุกเข่าลง “นายหญิงท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วย นางบอกว่าจะไปแจ้งความ นายหญิงก็ไม่ต้องให้นางไปก็ได้แล้วนี่เจ้าคะ? นายหญิงสามารถสั่งห้ามนางได้ ในจวนนี้ล้วนเป็นคนของนายหญิง ฟังคำสั่งนายหญิง แค่สั่งกักตัวนาง แล้วก็ไม่ให้คนนอกเข้าไปในลายเสี้ยจื้อ นางก็ทำอะไรท่านไม่ได้แล้ว ”

นายหญิงแก่ได้ยินคำนาง ก็โกรธจนหัวเราะขึ้น “ดีจริงนะ หลานหยู้ เจ้าตีความข้าสูงไป ข้าไม่มีสิทธิ์ไปกักตัวนาง เจ้าคิดว่านางยังเป็นเสี้ยหลีโม่เหมือนก่อนหรือ? เจ้าคิดว่าข้าจะห้ามไม่ให้อ๋องซื่อเจิ้งและองค์หญิงใหญ่มาหานางได้หรือ?”

ชุ่ยยุ่นก็อดพูดไม่ได้ “หลานหยู้ เจ้ารู้มั้ย ถ้าแจ้งความไปแล้ว เจ้ามีเจตนาทำร้ายคนและค้ามนุษย์ ถ้าโทษไม่ถึงตาย ก็ติดคุกตลอดชีวิต”

ตอนนี้หลานหยู้เริ่มกังวล แล้วก็รีบโขกหัวคำนับ “นายหญิง ท่าต้องช่วยข้าน้อยนะเจ้าคะ ข้าน้อยแค่อยากจะสั่งสอนนางก็เท่านั้น ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่”

นายหญิงแก่พูดนิ่งๆ “ดังนั้น ข้าก็เลยบอกไงว่า จะช่วยเจ้าครั้งสุดท้าย แล้วเจ้าก็ไปจากจวนนี้เสีย”

ข้างกายนางไม่ต้องการคนโง่เขลา ถ้าไม่คิดว่าหลานหยู้ดูแลนางมาหลายปีและยังรู้ความลับเกี่ยวกับนางเยอะละก็ ครั้งนี้ไม่มีทางช่วยหลานหยู้แน่ๆ

แล้วในช่วงนี้เวลานี้ นางไม่ควรมีเรื่องกับขุนนาง

หลานหยู้ล้มนั่งลงบนพื้น สีหน้าหมดหวัง นางไม่คิดว่าจะต้องจากจวนเฉิงเสี้ยงไป นางคิดว่าจะยังสามารถอยู่กับนายหญิงแก่ได้ต่อ เสพสุขทั้งชีวิต ถึงแม้จะเป็นขี้ข้า แต่นางก็สามารถทำอะไรก็ได้ในจวนเฉิงเสี้ยง

ถ้าออกจากจวนเฉิงเสี้ยงแล้ว นางก็ไม่เหลืออะไรเลย

นายหญิงแก่หน้านิ่ง แล้วพูดว่า “เจ้าไปเสียเถอะ!”

หลีโม่นั่งที่ห้องโถง คนใช้ในห้องนั้นล้วนรู้ดีว่านางมาเอาเรื่อง ก็เลยเอาน้ำชามาดูแลให้อย่างดี

คนเรานี้ก็แปลกดี เมื่อก่อนนางไม่ได้โกรธ ก็ไม่มีใครสนใจนางเลย วันนี้นางมาพร้อมกับความโกรธ ก็ไม่มีใครกล้าไม่เอาใจนาง

“นายหญิง!” คนรับใช้หน้าประตูเห็นนายหญิงแก่มาแล้ว ก็เบาใจขึ้น รีบทำความเคารพแล้วหลบเข้าข้างๆไป

นายหญิงแก้เดินเข้ามา โดยไม่มองหลีโม่ แล้วก็เข้าไปนั่งที่เก้าอี้เอกของห้องโถง

ชุ่ยยุ่นก็ติดตามมา ส่วนหลานหยู้อยู่หน้าประตู ลังเลนิดหน่อย แล้วก็ตามเข้ามา

หลังจากนั่งลง นายหญิงแก่เห็นสีหน้าที่มืดมนของหลีโม่ “ว่ามา ดึกดื่นขนาดนี้ มีเรื่องอะไร?”

หลีโม่เหลือบตามองขึ้น แล้วก็กวาดสายตามองไปที่หลานหยู้ แล้วก็หันกลับไปมองที่นายหญิงแก่ “คนของข้า2คน คนหนึ่งถูกขายไปจุ้ยเย่วโหลว อีกคนถูกตีที่ป่านอกเมือง นายหญิงแก่จะรับผิดชอบให้ข้าได้อย่างไร?”

“เจ้าจะให้ข้ารับผิดชอบอย่างไร ? ” นายหญิงแก่หรี่ตามองหลีโม่ นางหมดความอดทนกับหลีโม่แล้ว แต่ก็ต้องอดทนต่อไปสักหลายวัน

หลีโม่ผายมือ “ทำร้ายคน แล้วก็ขายคนรับใช้ของข้าไปจุ้ยเย่วโหลว นี่เป็นอาชญากรรม ข้าต้องการแจ้งความ”

“แจ้งความ? ” นายหญิงแก่ขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่านี่เป็นการจัดการที่ดีที่สุดหรือ? ตอนนี้จวนเฉิงเสี้ยงเรามีเรื่องมากมายพอแล้ว ไปแจ้งความจะทำให้คนอื่นมองเราไม่ดี ข้าไม่เห็นด้วย”

หลีโม่ยิ้มแหย “ถ้านายหญิงไม่เห็นด้วย แล้วจะรับผิดชอบอย่างไร? ข้าก็ได้บอกความเห็นของข้าไปแล้ว ได้ปรึกษากับนายหญิงแล้ว หวังว่าท่านจะแสดงความจริงใจออกมาด้วย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม