พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 239

ตอนที่ 239 เซียวเซียว

การตายจากหลานหยู้ เหมือนจะไม่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ แต่แค้นครั้งนี้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายดีกันได้ยาก

หลีโม่คิดว่ากุ้ยหยวนไม่ควรอยู่ที่จวนเฉิงเสี้ยงต่อ ดังนั้น ตอนที่นางอยู่ที่จวนอ๋องเหลียง เคยถามอ๋องเหลียงว่ารับกุ้ยหยวนไว้ได้มั้ย

อ๋ฮงเหลียงส่ายหน้า “ ถ้าเจ้าอยากหาอนาคตให้เขาละก็ ควรจะไปถามท่านอา ให้เขาเข้าไปฝึกในค่ายทหาร”

“ค่ายทหาร?” จริงๆแล้วหลีโม่ก็คิดเช่นนั้น แต่ กลัวว่ากุ้ยหยวนจะไม่ชินกับการใช้ชีวิตในค่ายทหาร

“ใช่แล้ว” อ๋องเหลียงพูด

หลีโม่พยักหน้า “ข้าจะไปถามเขาดู”

อ๋องเหลียงมองนางแปลกๆ “ เขาเป็นคนรับใช้เจ้า เจ้าต้องถามด้วยหรือ? จัดการไปเลยก็แล้ว ยังไงเจ้าก็เลือกสิ่งที่ดีให้เขาอยู่แล้ว”

หลีโม่มองอ๋องเหลียง “ เขาเป็นคนรับใช้ข้าก็จริง แต่มันก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล เขาก็มีความคิดและสิ่งที่อยากจะทำ ถ้าเขาไม่อยากไปเป็นทหาร แล้วข้าบังคับ เขาก็จะไม่มีความสุข ”

อ๋องเหลียงมองหลีโม่ “เรื่องส่วนบุคคล?”

“หรือว่าไม่ใช่? ทุกคนควรจะมีความคิดเป็นของตัวเอง และเรื่องตนเองอยากทำ เมื่อก่อนนี้เขาเป็นทาสให้แก่จวนเฉิงเสี้ยง แต่ตอนนี้เขาเป็นอิสระแล้ว”

อ๋องเหลียงทำปากจู๋ใส่กับความหมายที่นางพูด “ ความปรารถนาในชีวิตหรือ?”

“ท่านอ๋องมีความปรารถนาอะไร? ” หลีโม่วางกระเป๋าเข็มลง แล้วถาม

อ๋องเหลียงส่ายหัว “ไม่มี”

“ไม่มีหรือ? น่าจะมีทุกคนนะ”

“เช่นนั้นความปรารถนาในชีวิตเจ้าคืออะไร? ” อ๋องเหลียงถามนาง

“ฆ่าคนที่เคยทำร้ายข้าให้หมด แล้วก็อยู่กับคนที่ข้ารักตลอดชีวิต ” หลีโม่พูดอย่างตรงๆ

อ๋องเหลียงหัวเราะลั่น “เจ้านี่หน้าไม่อายจริงๆ”

หลีโม่เปลี่ยนเป็นหน้าจริงจัง “ข้าคิดว่าก็เป็นเรื่องปกตินะ คนที่ทำร้ายข้า ไม่เคยคิดจะให้ข้ารอด ข้าก็อยากจะฆ่าพวกมันบ้างผิดหรือ? ส่วนคนที่ข้ารักนั้น ข้าอยากอยู่กับคนนั้นทั้งชีวิต ก็ไม่ผิดใช่มั้ย?”

อ๋องเหลียงนั่งลง แล้วก็จริงจังขึ้น นั่นน่ะสิ ทำไมเขาต้องคิดว่าหลีโม่หน้าไม่อายด้วย ? นางสามารถคิดอย่างนั้นได้ และนางก็มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้น

หลีโม่พูดต่อ “คนที่ทำร้ายข้า จะให้ข้าใจกว้างปล่อยมันไปหรือ? ส่วนคนที่ข้ารัก จะให้คอยดูแลข้าอยู่ไกลๆแล้วข้าจะปลอดภัยหรือ? ปลอดภัยก็บ้าแล้ว มีแต่คนไม่เอาถ่านเขาทำกัน”

อ๋องเหลียงมองนาง สายตาเหมือนถูกแทงใจดำ แล้วก็จับมือนาง มองหลีโม่ตาเป็นวาว “ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

“หลีโม่ใจเริ่มสั่น แล้วก็ค่อยๆดึงมือตนเองกลับ “ท่านอ๋อง ข้าเคยบอกว่า จริงๆแล้วเรื่องหัวใจเนี่ย มันบังคับกันไม่ได้”

“อ๋องเหลียงส่งเสียงถุ้ย “เก็บอาการหน้าแดงของเจ้าซะ ใครจะอยากได้เจ้า ข้าจะถามเจ้าว่า ท่านแม่ข้าเคยบอกกับข้าว่า เจ้ารักษาตรงนั้นของข้าได้ จริงมั้ย?”

หลีโม่ตะลึงเล็กน้อย เรื่องนี้ ฮองเฮาบอกกับเขาไปเสียหมดเลยหรือ?

แต่ว่า ก่อนหน้านี้เขาทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องมาตลอด ทำให้นางถึงกับพูดไม่ออก เพราะแค่อยากจะรักษาแผลที่ขาของเขา แล้วค่อยรักษาจุดอื่น

“เมื่อก่อนท่านอ๋องยังไม่เชื่อเลยว่าข้ารักษาขาให้ท่าน ” หลีโม่บอก นางไม่กล้ายอมรับตรงๆ เพราะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะอันนั้น ไม่รู้ว่าฮองเฮาไปพูดกับเขายังไง ตามแผนแล้วนางคิดรักษาขาของเขาก่อนแล้วให้เขายอมรับ แล้วก็เสนอไป

“แผลที่ขามีคนรักษามาหลายคนแล้ว ไม่ได้ผลหรอก แต่ว่า ตรงจุดนั้นยังไม่มีใครรักษา ” อ๋องเหลียงหันมองรอบ ดูว่าไม่มีคนแล้ว ก็พูดว่า “เจ้ารักษาได้มั้ย?”

หลีโม่พูดอึกอัก “ข้าไม่รู้ว่าอาการของท่านอ๋องนั้นหนักแค่ไหน”

“เจ้าตรวจก็ได้นี่!” อ๋องเหลียงพูดอย่างมั่นใจ

หลีโม่สำลัก “มันก็จริง แต่ว่า.....”

“เจ้าเป็นหมอไม่ใช่หรือ? ” อ๋องเหลียงจับบ่าของนาง แล้วตั้งใจพูดว่า “ฟังนะ เจ้าบอกให้ข้าไปตามความปารถนาในชีวิตของตนเอง เจ้ามาทำเป็นไม่สนใจข้าไม่ได้ ”

“เมื่อครู่ข้าก็แค่พูดๆไปอย่างนั้น มันมีผลต่อเจ้าขนาดนั้นเลย? ข้าก็เป็นแค่หมอ ” หลีโม่กลับรู้สึกว่าเขาคิดอย่างนี้มาตลอด แค่รอโอกาสให้มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้น

“แล้วท่านแม่ข้าให้เจ้ารักษาตรงนั้นให้ข้าหรือ??” อ๋องเหลียงมองแล้วถามนาง

หลีโม่พยักหน้า “ใช่แล้ว”

อ๋องเหลียงปล่อยมือจากนาง แล้วสีหน้าก็เปลี่ยน แล้วก็ขำขึ้น “ว่าอยู่แล้วเชียว ”

หลีโม่ตะลึง “ท่านอ๋องหมายความว่า?”

อ๋องเหลียงลุกขึ้น พูดสำเนียงเย็นชาว่า “เจ้าไปได้แล้ว ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องมาที่นี่อีก”

หลีโม่ไม่เข้าใจ เมื่อครู่ยังคุยกันดีๆ แล้วอยู่ดีๆทำไมเปลี่ยนไป

อ๋องเหลียงไล่ “ไปสิ!”

หลีโม่ก็ได้แต่ยกกล่องยาขึ้น แล้วเดินออกกไปอย่างฉงนใจ

อ๋องเหลียงอยู่ดีๆก็โกรธ นางไม่รู้ว่าตนเองพูผิดตรงไหน

เมื่อออกมาปากประตูจวนอ๋องเปลี่ยง องครักษ์จินของอ๋องเหลียงก็วิ่งตามมา เรียกให้หลีโม่หยุด “คุณหนูใหญ่ ท่านอ๋องให้ข้ามาบอกว่า”

“ อ่า เจ้าว่ามา ” หลีโม่พูด

องครักษ์จินพูดว่า “อ๋องเหลียงไม่ได้จะอารมณ์เสียใส่ท่าน ขอท่านอย่าเก็บไปใส่ใจ ท่านอ๋องจะบอกฮองเฮาเองว่าไม่ต้องให้ท่านมารักษาแล้ว ฮองเฮาคงไม่โทษท่านหรอก”

หลีโม่ถามกลับ “องครักษ์จิน ทำไมท่านอ๋องโมโหขนาดนั้น?”

องครักษ์จินพูดเสียงเบาลงว่า “มีบางเรื่อง ที่เป็นความลับของท่านอ๋องและฮองเฮา และ ท่านอ๋องเคยบอกว่า ไม่ให้ฮองเฮาเอาเรื่องนี้ไปบอกใคร และจะไม่รับการรักษาใดๆทั้งสิ้น”

หลีโม่ถอนหายใจ ที่แท้ที่อ๋องเหลียงมีทีท่าเป็นกันเอง ก็เพื่อจะลองใจนาง

“เรื่องนี้ ขอให้คุณหนูใหญ่เก็บเป็นความลับด้วย ” องครักษ์จินขอร้อง

หลีโม่นิ่งไป “วางใจเถอะ ข้ารู้ดี ข้าจะไม่บอกกับใคร”

“น้อมส่งคุณหนูใหญ่ ” องครักษ์จินกล่าว

ขึ้นบนรถม้าแล้ว หลีโม่ก็นึกตอนที่อ๋องเหลียงมีท่าทางเป็นกันเอง จริงๆแล้ว เขาก็สนใจที่รักษา แต่ก็ไม่กล้าลอง เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวพันกับศักดิ์ศรีของผู้ชาย

อีกอย่างเขาก็ไม่อยากคาดหวัง เพราะว่า แผลที่ขาทำให้เขาหมดหวังมาหลายครั้ง

หลีโม่ไม่สบายใจมาตลอดทาง แล้วก็ไปจวนอ๋องซื่อเจิ้ง

ถึงแม้อ๋องเหลียงจะโกรธ แต่คำแนะนำของเขาเมื่อครู่ นางก็ตั้งใจเก็บเอาไปคิด ถ้ากุ้ยหยวนเห็นด้วย ไปฝึกที่ค่ายทหารก็ดีเหมือนกัน แต่ถึงยังไง ก็ต้องให้ทั้ง2ฝ่ายเห็นด้วย ต้องถามความเห็นของกุ้ยหยวนและซือถูเย้น

ถึงจวนอ๋องซื่อเจิ้ง แต่ไม่นึกว่าซือถูเย้นจะมีแขก

แขกคนนั้นรูปร่างใหญ่ ผิวเหลือง หน้าตาคล้ายๆเซียวโธ่ แต่เย็นชากว่าเซียวโธ่เยอะ เย็นจนทำให้คนสั่นเพราะความหนาวได้เลย

รอบกายมีรัศมีการฆ่าฟัน ราวกับฝ่ามือเต็มไปด้วยคาวเลือด เหมือนกับตอนที่นางเจอซือถูเย้นครั้งแรก แต่ซือถูเย้นไม่เย็นชาเช่นนี้ ซือถูเย้นเป็นคนสบายๆนิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยแผนการฆ่าฟัน

คนนั้นใส่ชุดเกราะสีทอง เรียบง่าย นั่งตัวตรง ท่านั่งนี้ เป็นท่านั่งของทหาร เมื่อเห็นนางเข้ามา เขาก็เงยขึ้นเล็กน้อย ทำหน้าตานิ่งๆ หน้าตาเหมือนกับถูกแกะสลักจากน้ำแข็ง

ในหัวหลีโม่ก็ผุดชื่อนี้ขึ้นมา “เซียวเซียว แม่ทัพแห้งแคว้นต้าโจว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม