พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 241

ตอนที่ 241 แสดงความจงรักภักดี

ซือถูเย้นพูดออกไปอย่างเย็นชา “การตายของหลานหยู้ ก็นับว่าเป็นการเตือนนายหญิงแก่ได้อย่างหนึ่ง หวังว่านางจะไม่ทำอะไรเจ้าได้สักระยะ”

เขานิ่งไปชั่วครู่แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มเย็นชา “แต่ทว่านั่นคงเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อจวนเฉิงเสี้ยงไม่มีทางไปเช่นนี้ เจ้าควรจะรู้ไว้ว่าไถ้ฝู้ได้ลงมือกับตระกูลหูแล้ว เสี้ยโล่เยว่ต้องรักษาตำแหน่งพระชายานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย”

“ข้ารู้แล้วว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลหูอาจจะไม่ยอมรับ” หลีโม่กล่าว

“หูฮวนซีผู้นี้......” ซือถูเย้นแหงนหน้ามองหน้านางแวบหนึ่ง “คล้ายกับเจ้าอยู่บ้าง”

หลีโม่ตกใจเล็กน้อย “คล้ายอยู่บ้าง? ใบหน้าหรือ?”

“ไม่ใช่ เป็นนิสัยหรืออาจจะเป็นประสบการณ์ เมื่อก่อนนางอยู่ตระกูลหู เป็นเพียงหญิงสาวโดดเดี่ยวที่ถูกกลั่นแกล้ง แต่ภายหลังก็ได้รับการชื่นชมจากท่านนาย ยังได้เป็นผู้ดูแลกิจการของตระกูลหู กลายเป็นหญิงสาวที่มีฐานะร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งในแคว้นต้าโจวของข้า”

ในใจของหลีโม่นั้นกระตุก “นางเคยได้รับบาดเจ็บหรือไม่?”

ซือถูเย้นมองนาง “คำถามนี้ของเจ้า มีความหมายอันใดหรือไม่?”

“อ๋า” หลีโม่ไม่เข้าใจ

“ครั้งก่อนพูดเรื่องพี่สามกับเจ้า เจ้าถามว่าเขาเคยได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ครั้งนี้พูดถึงคุณหนูใหญ่ตระกูลหู เจ้าก็ถามอีกว่านางเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนหรือไม่ ทำไมเจ้าถึงได้สนใจการที่คนเราเคยได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น?”

หลีโม่ผ่อนคลายคิ้วดวงตาก็แย้มยิ้ม “ข้าเป็นหมอ นางเป็นคนรวยอันดับหนึ่ง ถ้าเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อนหรือว่ามีรอยแผลเป็นอันใด บางทีข้าอาจจะหากำไรจากนางได้สักนิด”

“เจ้าคนละโมบ!” ซือถูเย้นด่าว่าด้วยรอยยิ้ม

การอยู่ร่วมกันของทั้งสองนั้นเป็นไปด้วยความผ่อนคลาย จนทำให้หลีโม่รู้สึกว่าอยู่ด้วยความสบายใจ

คุณหนูใหญ่ตระกูลหูผู้นี้ เหมาะที่จะค้นหาอย่างละเอียดจริงๆ

แต่ว่าหลีโม่ก็ขำตนเองบางทีตนเองก็อาจมีโรคที่ตกค้างอยู่ พบเห็นใครที่นิสัยเปลี่ยนแปลงไปมากก็ล้วนคิดว่ามีปัญหาเพราะมีการย้อนเวลามาแบบนี้ตลอด

นางคาดหวังว่าจะได้เจอคนจากบ้านเดียวกันเยอะๆนี่นา!

“ใช่แล้ว” ทันใดนั้นหลีโม่ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้อ๋องเหลียงผิดปกติไป “วันนี้อยู่ๆอ๋องเหลียงก็บอกว่าไม่ให้ข้าไปรักษา แล้วดูท่าทางของเขาคล้ายกับโกรธมาก”

ซือถูเย้นกล่าวอย่างเฉยชา “อืม เจ้าพูดกับเขาแล้วหรือยังว่าจะรักษาให้เขา”

“เขาทดสอบข้า ข้านึกว่าฮองเฮาพูดกับเขาเข้าใจ แล้วก็ยอมรับแล้ว”

ซือถูเย้นขมวดคิ้ว “เจ้าฉลาดเยี่ยงนี้ น่าจะคิดออกนะว่าทำไมเขาถึงได้โกรธขนาดนี้”

“เพราะข้าเป็นผู้หญิงหรือ?” หลีโม่ถาม

ซือถูเย้นพยักหน้า “นี่คือประการแรก เจ้าเป็นหมอหญิงก็นับว่ามีฐานะเป็นหมอ แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็เป็นอาสะใภ้ในอนาคตของเขา เขาจะให้เจ้ารักษาได้อย่างไรกันเล่า ประการที่สองเรื่องนี้.....เป็นความเจ็บปวดในใจของเขา เขาออกคำสั่งอย่างเข้มงวด ฮองเฮาไม่อาจพูดคุยกับผู้อื่นได้ เขาก็ไม่อาจรับการรักษาได้ แต่ทว่าฮองเฮายังให้เจ้ารักษาแทนเขาอีก เขาจะยอมได้อย่างไรกัน แล้วยังไม่เคยถามความคิดเห็นของเขามาก่อนอีก”

“ฮองเฮาไม่เคยบอกเขามาก่อนเลยหรือ?”

ซือถูเย้นกล่าว “ อาจจะเคยบอกเป็นนัยๆแล้วตอนเขาป่วย ฮองเฮาเร่งร้อนเกินไปที่หวังให้เขาดีขึ้น ดังนั้นจึงคิดว่าเขาเองก็น่าจะคิดเยี่ยงนี้ ใจที่รักบุตรของฮองเฮาไม่ผิด นางเพียงแค่ไม่ได้พิจารณาถึงความคิดของเขา โดยเฉพาะเรื่องนี้นับว่ามีเกียรติหรือไม่ แล้วที่สำคัญเขานึกว่าฮองเฮาพูดกับเจ้าแล้ว ไม่ใช่เจ้ารู้ด้วยตนเอง ดังนั้นเขาเลยโกรธ”

หลีโม่รู้สึกห่อเหี่ยวใจเล็กน้อย ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้อ๋องเหลียงเชื่อนาง แต่สุดท้ายกลับพังไม่เป็นท่า

แล้วที่นางกังวลก็คืออ๋องเหลียงไม่ยอมให้นางรักษา เกรงว่าฮองเฮาคงไม่ยอมปล่อยนางไป เพราะว่านางรู้ความลับของอ๋องเหลียง ฮองเฮาร้อนรนที่จะปกป้องบุตรชาย เพื่อจะรักษาความลับนี้ของบุตรชายไม่กำจัดก็สามารถฆ่าคนปิดปากได้

นางนึกถึงเรื่องน่ารำคาญในตำหนัก ในใจก็กลัดกลุ้ม นางไม่อยากกวนโทสะพวกสนมเอยฮองเฮาเอยเป็นที่สุด

ทำให้จิตใจไม่มีความสุข หลีโม่กลับจวนเฉิงเสี้ยงแล้วเดินไปรอบๆ ถามกุ้ยหยวน กุ้ยหยวนได้ฟังว่าสามารถไปตำหนักอ๋องได้ก็แสดงความดีใจ

“ไปช่วยดูแลตำหนักหรือ ดีเลย บ่าวยินดีไปขอรับ”

หลีโม่ตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ ท่านอ๋องพูดแล้วว่าเจ้ายังอายุน้อยควรจะให้เรียนอะไรสักหน่อย เขาจะให้เจ้าไปเรียนทักษะกับคนทำบัญชีก่อน”

“เรียนทักษะหรือ” กุ้ยหยวนเบิกตากว้าง หายใจก็ล้วนเร่งรีบขึ้นมา “เรียนทักษะกับคนทำบัญชีหรือ ได้จริงๆหรือ?”

หลีโม่ถามขึ้น “เจ้ามีความสนใจหรือไม่?”

“มี มี บ่าวอยากเรียน” กุ้ยหยวนมีความสุขที่สุดแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เพราะขาเจ็บทั้งสองข้าง เขาคงกระโดดขึ้นมาแล้ว

“อยากเรียนก็ต้องรักษาบาดแผลให้ดี” หลีโม่พูด

“บ่าวทราบแล้ว บ่าวจะตั้งใจเรียนแน่นอน” กุ้ยหยวนพยักหน้าอย่างหนักแน่น บนในหน้าขาวนวลล้วนเต็มไปด้วยความดีใจและความตื่นเต้น

ในใจหลีโม่กลับหนักหน่วงอย่างมาก

งานที่ทำมาหลายปี ทำให้นางได้กลิ่นถึงความอันตราย

ลางสังหรณ์แบบนี้เป็นประสบการณ์ที่นางได้รับมาตลอดหลายปี ดังนั้นไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นไปไม่ได้แม้เพียงนิด

ระเบิดสวนและภูเขาเทียมไปแล้ว มีเพียงเฉิงเสี้ยงเสี้ยที่พูดคำโหดร้ายกับนางไม่กี่ประโยค หลังจากนั้นก็ทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่ก็ค่อนข้างผิดปกติอยู่นะ

เพียงแต่มีสถานการณ์ผิดปกติก็สัมผัสได้ว่าอาจจะมีวิกฤตการณ์เกิดขึ้นได้

จริง ๆ คืนนั้นหยางมามาถูกฮองเฮาเรียกเข้าวังไปแล้ว

ตอนออกจากวังก็เป็นเวลากลางดึกมาก

หลีโม่ยังไม่นอนได้แต่รอหยางมามากลับมา

หลังจากหยางมามากลับมาก็รุดไปที่ห้องของหลีโม่ กล่าววาจาหนักหน่วง “คุณหนูใหญ่ วันนี้อ๋องเหลียงเข้าวังไปแล้ว ได้บันดาลโทสะกับฮองเฮาใหญ่โต ฮองเฮาวันนี้คงเกลียดชังท่านมาก”

“นางพูดว่าอย่างไร?” ถึงแม้ในใจหลีโม่จะเตรียมพร้อมไว้แล้ว แต่เมื่อได้ฟังมามาที่เย็นชาเคร่งขรึมและพูดจาด้วยสำเนียงหนักหน่วงเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกหนักหน่วงเป็นยิ่งนัก

หยางมามาพูด “ความหมายของฮองเฮานั้นคือให้ข้าเฝ้ามองท่านไว้ก่อน นางค่อยทำตามพระประสงค์ของอ๋องเหลียง ถ้าสุดท้ายอ๋องเหลียงยังคงยืนหยัดที่จะไม่รักษา นางก็ให้ข้าวางยาพิษ”

หลีโม่ยิ้มเย็นกล่าว “วางยาในอาหาร?”

หยางมามาส่ายหน้า “ยังมีอยู่เล็กน้อยที่กลัวว่าคุณหนูใหญ่คงคาดไม่ถึง ฮองเฮาไม่ไว้ใจบ่าวแล้ว ดังนั้น พรุ่งนี้จะมีองครักษ์ผู้หนึ่งออกจากวังเข้ามาในตำหนัก ตำแหน่งภายนอกคือคุ้มครองคุณหนูใหญ่ แต่ความจริงแล้วมาเฝ้าคุณหนูใหญ่กับบ่าวต่างหาก”

หลีโม่ขมวดคิ้ว “ขอโทษด้วย เป็นข้าที่ทำให้เจ้าลำบาก”

หยางมามาส่ายหน้า มองไปทางหลีโม่ แล้วถอนหายใจเบา ๆ “ไม่หรอก เป็นสิ่งที่บ่าวเลือกเอง ถึงวันนี้บ่าวก็ไม่รู้เสียใจ”

“มามาเจ้ารู้ว่าฮองเฮาจะทำอะไร วันนี้ไม่เสียใจคงเพราะภัยยังไม่ถึงตัว แต่เมื่อถึงเวลานั้นกลัวว่ามามาจะโทษข้า” คำพูดของหลีโม่เป็นเพียงการวิเคราะห์จากนิสัยคนทั่วไป วันนี้มามาพูดว่าไม่เสียใจ คงเพราะยังเชื่อว่าตัวนางจะสามารถกลับไปที่เดิมได้

อย่างน้อยตนเองก็คงยังแอบมีความหวังอยู่ในใจ

แต่ว่าตัวนางเองนั้นไม่แน่นอนเพราะนางในวันนี้ มีภัยอยู่รอบด้าน

หยางมามาส่ายหัวเบา ๆ ใบหน้าชราฉายแววความฉลาด “ตอนบ่าวอายุสิบสามก็ได้เข้าวังแล้ว อยู่ในวังไปวันๆจนถึงวันนี้ ในชีวิตของบ่าวนับว่าได้ชื่อเสียงความสำเร็จและเงินทองมากพอแล้ว แต่บางครั้งบ่าวก็มักจะถามตัวเองว่านี่คือสิ่งที่ข้าอยากได้หรือ ในวังที่ลึกลับนั้นบ่าวที่มีคุณงามความดีนั้นไม่มาก ติดตามนายที่ยิ่งเก่งกาจมาก ฉากต่อไปก็ยิ่งน่าเวทนามากเช่นกัน เพราะว่าจะกลายเป็นสิ่งของพลีชีพให้นายได้ทุกเมื่อ”

หลีโม่มองไปทางนางไม่ได้ออกเสียงใดๆ

“แต่ว่า” หยางมามาค่อยๆคุกเข่าลง “บ่าวไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันหนึ่งที่ได้พบคนๆหนึ่งที่จะทำให้บ่าวเป็นเหมือนคนในครอบครัวตัวเองด้วยใจจริง ไม่เสียดายเลยที่จะปกป้อง บ่าวไม่เคยแสดงความในใจให้คุณหนูใหญ่รู้ วันนี้อันตรายคืบคลานเข้ามาแล้ว บ่าวอยากจะบอกให้ท่านรู้ไว้ว่าหากคุณหนูใหญ่ไม่ทอดทิ้งบ่าว ชั่วชีวิตของบ่าวก็จะไม่ทอดทิ้งคุณใหญ่”

หลีโม่ประคองนางขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “มามา รีบลุกขึ้นเถิด ในใจของท่านนั้นข้าทราบดี ข้าไม่เคยสงสัยในความซื่อสัตย์ของท่าน ความจริงแล้ว การละทิ้งชีวิตอันสุขสบายในวังหลวงจนมาตกระกำลำบากกับข้าที่ตำหนัก มาประสบพบเจอกับแผนการร้ายต่างๆ ก็ทำให้ท่านลำบากแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม