ตอนที่ 25 หลีโม่ผู้ชำนาญ
ซือถูเย่มองดูนาง “เจ้าสามารถพักผ่อนได้อีกสักครู่”
หลีโม่โยกศีรษะ “ไม่เป็นไร ยังไงก็ไปดูอาการของท่านอ๋องเหลียงก่อนจะดี”
นางไม่ได้ต้องการทำเพื่อเอาหน้าหรือทำให้อ๋องซือเจิ้งรู้สึกว่าจะเอาใจ แต่ทว่านางต้องการเป็นห่วงอ๋องเหลียงจริง ๆ ได้รู้มาว่าอ๋องเหลียงมีอาการกำเริบถึงสองหนในระยะเวลาสั้น ๆ และกลายเป็นลมชักที่ค่อนข้างหนัก ลำดับแรกของหมอ นางไม่สามารถมองดูคนไข้ที่อยู่ในมือตายไปต่อหน้าได้ และในครั้งนี้ นางต้องพึ่งชีวิตของอ๋องเหลียง ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้อ๋องเหลียงถึงแก่ความตาย นางเกรงว่าถ้าหมอหลิวไปลงเข็มให้อ๋องเหลียงอีกจะทำให้สมองของอ๋องเหลียงถูกกระตุ้นและอาการเกิดกำเริบเป็นรอบที่สาม ถ้าเป็นอย่างนั้นให้เทพมาโปรดก็ยากที่จะช่วย
อ๋องซือเจิ้งจ้องมองนาง จากสายตาที่มองไปจนถึงข้อมูลที่ได้รู้ว่า กับสิ่งที่เขาคิดไม่เหมือนกัน สีหน้าของเขาก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย แล้วกวักมือเรียกหยางมามา มา “ประคองนางเข้าไป และดูแลนางให้ดี”
“เจ้าค่ะ” หยางมามาเข้ามา ประคองหลีโม่ไป สายตาเริ่มมองด้วยความสนิทสนม “คุณหนูใหญ่เดินระวัง”
หลีโม่รู้สึกตื้นตัน “ขอบคุณหยางมามาที่เป็นห่วง ข้าไม่เป็นไร”
หยางมามาคอยพยุงนาง ระมัดระวังในการเดินเป็นอย่างดี หลีโม่รู้สึกว่ายังคงมึนศีรษะอยู่ บาดแผลบนศีรษะยังคงเจ็บ นางรู้ว่าไม่เพียงแต่ปากแผลจากที่นางได้รับมา ตอนนี้อักเสบจนบวมไปแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าที่หมอหลวงหลิวเปิดยาแก้อักเสบให้นางหรือไม่ พอมันอักเสบ อีกสักพักเดี๋ยวก็เป็นไข้ นางเกรงว่าตัวเองจะล้มในเวลาวิกฤติ
เปิดม่านผ่านเข้าไปในตำหนัก เสียงแหวกม่านดังอยู่ด้านหลังหลีโม่ เป็นเสียงเพราะเสนาะหู
คนในตำหนักล้วนมองดูนาง ทุกย่างก้าวที่มีหยางมามาประคองเดินไป หลังจากนั้น ค่อยๆ คุยเขาต่อหน้าฮองเฮา “เสี้ยหลีโม่คำนับฮองเฮา”
ฮองเฮาเข้ามาประคองนางเอง”ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบพระทัยฮองเฮา” หลีโม่คำนับในความกรุณา แต่ก็ถูกฮองเฮารั่งเอาไว้ให้ลุกขึ้น ทำให้อาการมึนศีรษะของตัวเองเป็นหนักขึ้น
ฮองเฮาถอยหลังไปเองหนึ่งก้าว ” เจ้าไปดูอ๋องเหลียงที”
หลีโม่ย่อตัว “เพค่ะ”
หยางมามาพยุงนางเข้าไป นางย่อตัวครึ่งหนึ่ง แต่เจ้าไม่มีแรงพยุง อีกนิดก็จะล้มลง ฮองเฮารีบสั่ง “เร็วๆ เข้าไปเอาเก้าอี้มา”
ก็มีนางกำนัลรีบเอาเก้าอี้มาทันทีทันใด ประคองให้หลีโม่นั่งลง
หลีโม่นั่งบนเก้าอี้ห่างจากเตียงเล็กน้อย นางเพียงแค่ยื่นไปเล็กน้อยก็สามารถจับชีพจรเพื่อตรวจดูได้ นั่งอยู่ตรงนี้ทำให้อาการมึนศีรษะของนางดีขึ้นเล็กน้อย ในที่สุดก็พอมีสติ ไม่อยากให้คนที่อยู่ตรงนั้นมารบกวนการวินิจฉัยของนาง เพราะว่า ถึงแม้ว่านางจะได้เรียนแพทย์จีนกับอาจารย์หลินมาหลายปี แต่ว่าการรักษาแบบปัจจุบัน นอกจากเวลาที่ต้องรับผิดชอบจะใช้แพทย์จีนรักษาในพื้นที่กันดาร โดยทั่วไปก็จะใช้แพทย์ปัจจุบันและอุปกรณ์ในการตรวจ ถึงจะถูกต้องและแม่นยำต่อโรคก่อนจ่ายยา
แต่ว่า แพทย์จีนก็ยังคงพัฒนาไปจนถึงปัจจุบัน มีการทดลองและวิจัยมากมาย ถึงแม้ว่านางจะไม่รู้สึกว่าตัวเองมีฝีมือการแพทย์สูงกว่าหมอหลิน แต่ทว่าในการคลินิกก็ถือว่านางเป็นต่อ และการฝังเข็มเท่าที่นางรู้ว่าในประวัติศาสตร์ได้รับความนิยมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในปัจจุบัน ฝีมือการฝังเข็มของอาจารย์ในโรงพยาบาลจีนได้ถูกผลักดันให้ออกไปศึกษาต่อ ไปถึงระดับที่สูงจนเทียบไม่ได้ และในช่องว่างของราชวงศ์ฉาวคนนี้ยุคนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับการฝังเข็มน้อยมาก ๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...