พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 252

ตอนที่ 252 กลับเมืองพร้อมกัน

เฉินหลิ่วหลิ่วส่งสารไปให้หูฮวนซีที่ติ่งเฟิงเห้า

หูฮวนซีอ่านสารเสร็จ ก็พับวางกลับไปบนโต๊ะ เงยหน้ามองเฉินหลิ่วหลิ่ว “เสี้ยหลีโม่มีความมั่นใจที่จะชนะโรคผีดิบนี้ไหม?”

เฉินหลิ่วหลิ่วพูด “เรื่องนี้ข้าไม่รู้ นางไม่ได้บอก”

หูฮวนซีพยักหน้า “ได้ เจ้ากลับไปบอกนาง ว่าข้าจะช่วยนางเอง แต่ก็ขอให้นางทำตามอย่างที่ในสารบอก จะตอบแทนข้าในการช่วยครั้งนี้”

“เจ้าได้โปรดวางใจ นางต้องทำอยู่แล้ว”เฉินหลิ่วหลิ่วพูด

หูฮวนซีใช้สายยากลำบากมองนางหนึ่งที “สารนี้ เจ้าได้ดูรึยัง?”

“จะเป็นไปได้ยังไง!”เฉินหลิ่วหลิ่วพูดอย่างโกรธเคือง “ข้าจะแอบเปิดดูหมายสารได้ยังไง?”

“สารเคยถูกเปิดแล้ว”หูฮวนซีพิงกับเก็าอี้ของไท่ซือ นัยน์ตาสะท้อนความเจ้าเล่ห์ออกมา

เฉินหลิ่วหลิ่วพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “จริงหรอ?เคยเปิดแล้วหรอ?ข้าไม่ได้สังเกต”

หูฮวนซีจ้องนางชั่วครู่ “หลานสาวของเฉินไท่จูน?อืม ข้าไว้ใจเหล่าไท่จุนได้ ก็ต้องเชื่อใจในตัวหลานสาวเขาได้เช่นกัน”

เฉินหลิ่วหลิ่วขานรับอืมอย่างเคร่งครึง “ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับไปรายงานหลีโม่ เรื่องฝนตกขี้หมูไหลระหว่างพวกเจ้าสองคนก็เป็นไปตามนี้แล้วกัน”

หูฮวนซีหัวเราะขึ้นมา “ฝนตกขี้หมูไหล?ดีมาก ข้าชอบสำนวนนี้มาก”

เฉินหลิ่วหลิ่วรู้สึกว่าหูฮวนซีคนนี้จิตใจยากแท้หยั่งถึงได้ แล้วก็ไม่อยากพูดคุยกับนางให้มากความ ทำให้คนรู้สึกว่าดวงตาคู่นั้นของนางสามารถมองทะลุจิตใจของคนได้ “ถ้าอย่างนั้นข้าไปล่ะ”

“กลับดีล่ะ!”หูฮวนซีเอาสารขึ้นมาดูอีกครั้ง อ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ค่อยๆหลับตาลง

“ทหาร!”

ชายหนุ่มผู้ติดตามคนหนึ่งเดินเข้ามา “คุณหนูใหญ่!”

“ไปช่วยข้านัดพบรัชทายาทหน่อย ดูว่าวันนี้เขามีเวลาว่างไปบ้านการกุศลไหม”

“คุณหนูจะนัดเจอรัชทายาทหรือ?”ชายหนุ่มผู้ติดตามถามขึ้นอย่างตกใจ

“ไปทำตามที่ข้าสั่ง หลังจากนั้น เรื่องที่ข้านัดเจอกับรัชทายาท เจ้าหาวิธี ทำยังไงก็ได้ให้รู้ถึงหูของคุณหนูรองจวนเฉิงเสี้ยงเสี้ยโล่เยว่”หูฮวนซีพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉย

ชายผู้ติดตามลังเลครู่หนึ่ง “คุณหนูใหญ่ ท่านไม่จำเป็นต้องทำให้มองหน้าไม่ติดกับจวนเฉิงเสี้ยง ”

หูฮวนซีหันไปคว้าพู่กันที่ไม่มีหมึก “ข้าจะทำอะไรยังจะต้องให้เจ้ายุ่งอีกหรอ?ไปเถอะ”

“ขอรับ!”ชายผู้ติดตามได้แต่ถอยลงไป

ไม่จำเป็นที่จะต้องยุ่งเกี่ยวกับเรื่องสกปรกนี้ แต่ นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ใช่หรอ?

นางถือสารขึ้นมาอีกรอบ จากนั้นก็จุดไฟเผาสารจนหมอนไหม้จนสิ้น

เป็นคนที่ลำบากเหมือนกัน ไม่จำต้องเป็นคนที่รู้จักกันก็ได้?

ในลานเล็กๆของตระกูลเฉิน

เตาเหล่าต้าสำรวจไปหนึ่งรอบกลับมา พูดกับหลีโม่ว่า “บริเวณโดยรอบมีคนกำลังจับตาดูพวกเราอยู่”

หลีโม่พูดขึ้นอย่างเรียบเฉย “ไม่ต้องสนใจพวกเขาก็พอ”

เตาเหล่าต้ามองเห็นหนังสือกองเต็มโต๊ะของหลีโม่ เขารู้จักตัวหนังสือสักตัว “คุณหนูใหญ่ หนังสือพวกนี้น่าสนุกขนาดนั้นเลยหรือ?”

หลีโม่เงยหน้าขึ้นมาจากกองหนังสือบนโต๊ะ ขยี้ตาเบาๆ “อ่านเข้าใจก็สนุก อ่านไม่เข้าใจก็ไม่สนุก”

ตำราแพทย์พวกนี้หาซื้อจากที่นี่ทั้งนั้น ล้วนไม่ช่วยอะไร อีกทั้ง ข้อมูลที่ตำราจดไว้ ล้วนเป็นแต่วิชาที่ใช้ทั่วไป ไม่ได้ช่วยอะไรนางเลย

เตาเหล่าต้าพูด “หากคุณหนูใหญ่ต้องการรักษาโรคผีดิบนี้ ทำไมไม่ไปหาคนที่ติดเชื้อโรคผีดิบมาแล้วค่อยๆสังเกตเล่า?อ่านตำราไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินว่ามีโรคผีดิบเลยนะขอรับ”

สิ่งที่เตาเหล่าต้าพูด จุดประกายความคิดของหลีโม่

นางรีบยืนขึ้น “เจ้ารีบไปที่ลานเฉิงเจียว ดูว่าที่นั่นมีใครอยู่บ้าง ไปถามว่าสามารถให้จื่นเฉิงมาที่นี่หน่อยได้ไหม”

เตาเหล่าต้าขานรับ “ได้!”

พอเตาเหล่าต้าถึงเมืองเจียว ก็เห็นเซียวโธ่เฝ้าอยู่ที่นั่น ได้ยินว่าหลีโม่ไม่ได้หนีไป แต่ได้อยู่ที่บ้านของตระกูลเฉิน ทำให้เขาโกรธมาก “เฉินหลิ่วหลิ่วไม่ได้พานางหนีไปหรือ?ท่านอ๋องสั่งการลงมาแล้วว่า ให้คุณหนูใหญ่ของเจ้าหนีออกจากเมืองหลวงไป นางไม่ยอมไปยังจะคร่าชีวิตคนอีกกี่ชีวิตนางถึงจะพอใจ?”

วันนี้ตั้งแต่เช้าเตาเหล่าต้าก็ไม่ชอบใจที่เซียวโธ่พูดจาอย่างนี้แล้ว ตอนนี้มาได้ยินเขาพูดอย่างนี้อีก เสียงซิ่วดังออกมาจากแส้ “เจ้าอย่าด่าคุณหนูใหญ่อีกนะ ไม่งั้นข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้าง”

เซียวโธ่มองบน “เจ้าเด็กโง่!”

เตาหล่าต้าพูด “เจ้าด่าข้าได้ แต่จะด่าคุณหนูใหญ่ไม่ได้”

จื่นเฉิงเดินออกมา “คุณหนูใหญ่เสี้ยให้ข้าไปหานางใช่ไหม?”

เขาได้ยินทั้งสองพูดคุยตั้งแต่ตอนอยู่ข้างในแล้ว

“ใช่แล้ว คุณหนูใหญ่บอกว่าจะค้นคว้าหาวิธีรักษาโรคผีดิบนี้ เพราะฉะนั้นก็เลยอยากเชิญท่านไปพบ” เตาเหล่าต้าได้รับการฝึกอบรมมารยาทจากเย้นเอ๋อร์ รู้จักการมีสัมมาคารวะมากแล้ว

จื่นเฉิงพูด “ได้ ข้าจะไปพร้อมกับพี่หวางแล้วกัน ตอนนี้ดวงตาของพี่หวางเริ่มมีอาการแดงแล้ว แต่ข้ายังไม่มี ไปพร้อมกันดีกว่า”

เขายังเชื่อใจในตัวหลีโม่ ถึงจะไม่คิดว่านางจะหาทางแก้ไขได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ว่า ถ้าค่อยๆค้นคว้า น่าจะทำได้ ช่วยเขาไม่ได้ แต่ามารถช่วยคนอื่นๆได้ก็จะดีมาก

เซียวโธ่ดึงแขนจื่นเฉิงไว้ “เจ้าไปไม่ได้นะ ท่านอ๋องให้ข้าเฝ้าพวกเจ้าที่นี่”

“ไม่อย่างนั้น”จื่นเฉิงเสนอ “พวกเราไปพร้อมกันดีไหม ท่านแม่ทัพเซียว ท่านก็เคยเห็นฝีมือการแพทย์ของคุณหนูใหญ่เสี้ย นางอาจจะคิดหาทางออกเจอก็ได้”

เซียวโธ่คิดเพียงชั่วครู่ “ข้าจะไปถามท่านอ๋องก่อน”

“ไม่ต้องถามแล้ว ไปเถอะ ท่านอ๋องก็ไม่คัดค้านหรอก ถ้าสามารถหายารักษาโรคได้ ท่านอ๋องจะได้ไม่ต้องคิดหนักขนาดนี้ เจ้าไม่เห็นหรอว่าหลายวันมานี้ท่านอ๋อง ถูพวกราชสำนักบีบบังคับขนาดไหน?”จื่นเฉิงพูดอย่างร้อนใจ

เซียวโธ่คิดแล้วก็เป็นจริงอย่าว่า ช่วงนี้สถานการณ์ในพระราชสำนักกดดันมาก อารมณ์ของประชาชนก็ไม่คงที่ ถึงแม้จะมีการสั่งการไม่ให้ออกจากบ้าน แต่ยังมีจำนวนคนไม่น้อยที่อาศัยช่วงกลางดึกในการหนีออกจากเมืองหลวง อยากหลบหนีจากโรคระบาดนี้ช่วงหนึ่ง

หากหาวิธีรักษาโรคผีดิบได้ ก็จะไม่มีอะไรให้ต้องปวดหัวแล้ว

“ได้ ข้าจะไปเตรียมรถม้า อาศัยตอนที่ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเจ้าโดนกัด ส่งพวกเจ้าออกไป ตอนนี้หวางหยูมีอาการแล้ว ตอนเข้ามาในเมืองห้ามไม่ให้คนรู้ยาก ก็เลยต้องอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าจะหาดูแลเขา”

เตาเหล่าต้าพูดขึ้นอย่างสงสัย “หวางหยูคนนี้อยู่ที่นี่นานขนาดนี้แล้ว ยังมีชีวิตอยู่หรอ?”

เตาเหล่าต้าพูดอย่างนี้แล้ว ก็ทำให้จื่นเฉิงกับเสี่ยวโท่ตะลึงไปชั่วครู่ จริงด้วย โดยเฉพาะสองวันมานี้ ถึงเขาจะโดนวางยาสลบมาตลอด แต่ก็สามารถให้ยาน้ำได้ อีกทั้งตอนที่ให้ยาน้ำ ก็ไม่ต่อต้านเท่าเมื่อก่อนแล้ว

เมื่อก่อนถึงจะอยู่ในอาการสลบ ตอนให้ยาน้ำ เขาก็จะวิธีต่อต้านตลอด ยากที่จะกรอกเข้าไป แต่ตั้งแต่กัดคนไป เหมือนกับจะดีขึ้นมาเล็กน้อย หรือพวกโรคผีดิบต้องได้กัดคนก่อนถึงจะมีชีวิตต่อไปได้

“หรือไม่ ให้นางมาที่นี่ดีกว่า?”เซียวโธ่เสนอ

จื่นเฉิงส่ายหัว “ไม่ได้ ที่นี่อยู่ไม่ได้แล้ว อีกทั้ง จะใช้ยาอะไรก็ไม่สะดวก อย่างไงก็ต้องไม่ใช่ที่เมืองหลวง”

เซียวโธ่คิดๆก็จริงอย่างที่พูด “ก็จริง ที่นี่ยังใกล้กับหมู่บ้านสือโถวมากด้วย ไม่นานก็จะตรวจเจอที่นี่”

“ไปเถอะ ไปเก็บข้าวของกัน”จื่นเฉิงพูดเสร็จก็รีบเดินเข้าไปด้านใน พี่หวางนั่งอยู่ที่ประตู ท่าทางเริ่มเหม่อลอยแล้ว ดวงตาก็มีเส้นเลือดเพิ่มขึ้นจากเมื่อเช้าเยอะมาก ดูท่า ร่างกายนางจะอ่อนแอกว่า อาการก็จะแสดงเร็วขึ้น

นายทหารอีกคนหนึ่งถึงจะมีเส้นเลือดให้เห็นในตาเยอะ แต่ร่างกายทุกอย่างก็ยังอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่มีอาการเหม่อลอยให้เห็น

จะส่งหวางหยูออกไปนอกเมือง ต้องหาวิธี เพราะตอนที่เข้าเมืองมา ต้องได้รับกานตรวจสอบ ถึงจะเป็นเซียวโธ่ ก็ไม่สามารถแอบลักลอบนำคนป่วยติดโรคผีดิบเข้ามาในเมืองได้

เตาเหล่าต้าเสนอแนะ “ตอนที่เข้าเมือง ส่วนมากทหารจะตรวจภายในรถม้า จะไม่ตรวจภายนอกของรถม้า ถ้าไม่อย่างนั้น น้ำหวางหยูมัดไว้ที่ใต้รถม้า ยังไงเขาก็ยังสลบอยู่ ส่งเสียงอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ทำอย่างนี้ก็สามารถรอดพ้นสายตาพวกนั้นได้แล้วไม่ใช่หรอ?”

จื่นเฉิงกับเซียวโธ่สบตากัน เซียวโธ่ลูบหัวของเตาเหล่าต้า“เจ้าเด็กบ้า ก็มีแผนการกับเขาด้วย”

เตาเหล่าต้าบ่นพึมพำ “เรื่องง่ายๆแค่นี้ก็คิดกันไม่ออก นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าโง่ต่างหาก ไม่ใช่เพราะว่าข้าฉลาดหรอก”

“เจ้าเด็กนี่กวนบาทาเหมือนกับเจ้านายมันไม่มีผิด”เซียวโธ่หึเสียงหนึ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม