ตอนที่ 29 ไท่เฮา
หลีโม่ทำเสร็จทั้งหมด อ๋องเหลียงยังไม่ฟื้นขึ้นมา หายใจก็ถี่เร็ว และอาการหอบจากช่องอกก็เหมือนก่อนหน้านี้
จากสายตาที่มองเห็นได้ อ๋องเหลียงดูไม่มีอะไรดีขึ้น
จนกระทั่งหมอหลวงสังเกตได้ ว่าอาการหายใจลำบากนั้น การจัดกระดูกคอให้เข้าที่ไม่ได้ทำให้อาการหนักขึ้น
ตอนที่หมองหลวงกำลังสงสัย ฮองเฮาก็จ้องมองหลีโม่ด้วยสายตาเย็นชา หลีโม่นั่งยอง ๆ อยู่ข้างเก้าอี้ ตรวจดูขาที่ได้รับบาดเจ็บของอ๋องเหลียงอย่างนิ่งๆ และยังตรวจดูอาการเจ็บเก่า ๆ ของอ๋องเหลียง หางตานางเห็นฮองเฮา สายตาเยือกเย็นที่มองมาที่นางรู้สึกได้ นางแอบลอบถอนหายใจ เพียงแค่สามารถรักษาภายนอกที่จะมีปัจจัยที่มีผลกระทบ เพียงใช้ใจในการมองนางทำเรื่องต่างๆ ก็จะดี
นางกำลังต้มยาออกมาส่ง นี่เห็นยาที่หมอลวงให้หลีโม่ ใช้ในการสลายพิษ หลีโม่ไม่กังวลแต่อย่างใดรีบกินเข้าไป
ตอนนางอาบน้ำนางลงเข็มกับตนเอง เก็บกำลังไว้เล็กน้อย แต่ตอนนี้เหมือนกำกลังจะหายไปหมดแล้ว นางเหนื่อยเกินไป ร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บและพิษทำให้นางต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีตั้งสติในการทำงาน ในความเป็นจริงแล้วก็ไม่มีแรงจะไปคิดเรื่องรักษา
จากที่ดูเบื้องต้น ขาของอ๋องเหลียงกระดูกหัก แต่เป็นเพราะจัดเข้าที่ไม่ได้ กระดูกเลยเชื่อมต่อผิดตำแหน่งทำให้ไปทับเส้นประสาท ดังนั้นเลยเดินไม่ได้
นางใช้มือจับไปที่ส่วนกระดูกที่โตจากรอยกระดูกหัก ตามจากรอยต่อนี้ นางสามารถรู้สึกได้ว่าปกติแล้วอ๋องเหลียงต้องทนทุกข์ต่อความเจ็บปวดเช่นไร ความเจ็บปวดจากกระดูกงอกน้อยคนจะเข้าใจถึงความเจ็บปวด ต้องเป็นคนที่ประสบการณ์เท่านั้นถึงจะรู้ได้
ความเจ็บปวดที่ห้ามไม่ได้นี้ อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาเป็นคนอารมณ์ดุร้าย
ไท่จื่อก็อดรนทนไม่ได้ พูดเสียงดังใส่หลีโม่ “เจ้าพูดว่าน้องข้าจะฟื้นขึ้นมา ตอนนี้เวลาก็ผ่านมานานแล้ว ทำไมยังไม่ฟื้น แต่ดูอาการจะยิ่งหนักขึ้น”
คำถามของไท่จื่อ เปิดความกดดันที่อยู่อย่างสงบ ฮองเฮาก็นั่งไม่อยู่ จ้องมองนาง “เขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่”
หลีโม่ตอบ “ทูลฮองเฮา อาการหลังจากการกำเริบใหญ่ของแต่ละคนจะฟื้นตัวไม่เหมือนกัน แต่ว่าโดยปกติแล้วจะหลังจากนั้นสองชั่วโมง ได้โปรดขอให้ฮองเฮารออีกสักหน่อย
ไท่จื่อพูดเสียงเย็น ” กล้าเอาอารมณ์พวกขามาล้อเล่นในมือ เดี๋ยวก็ให้ย้ายไปนู่น เดี๋ยวก็ให้ย้ายมานี่ ไม่มีอะไรดีขึ้น แล้วก็ไม่ฟื้น รอถึงตอนนี้ไม่มีอะไรขยับสักอย่าง “
ชือถูเย่เปิดปากพูดเบา ๆ “รออีกสักหน่อยเถอะ คนก็ย้ายมาแล้ว พูดมากไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร”
ไท่จือถอนหายใจ “ไม่ใช่ว่าข้าจะสงสัยใจการตัดสินใจของท่านลุง โดยปกติท่านลุงก็เป็นคนฉลาดมาตลอด ทำไมครั้งนี้ถึงยอมให้คนดึงจมูกได้”
ซือถูเย่มองไท่จื่อ สายตาเย็นชากว่าปกติ “ถ้าเจ้ายังคิดว่าข้าฉลาด ก็หุบปากเจ้าลงซะ เพียงแค่รอก็พอ”
น้อยครั้งที่ชือถูเย่จะพูดจากับไท่จื่อด้วยน้ำเสียงแบบนี้ แต่เดิมที่ก็ไม่ชอบอยู่มากแล้ว สีหน้าท่าที่ทั้งหมดเหมือนจะเกรงใจ แต่ว่าตอนนี้เห็นสีหน้าฮองเฮา จะพูดอะไรก็พูดไม่ออก เห็นได้ถึงผลกระทบที่รับมาจากอารมณ์ของเขาแน่นอน
หลีโม่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา นางพยายามจะไม่คิดถึงผลที่จะกระทบ แต่ยากที่จะทำได้ ในที่นี้ทั้งหมดเป็นคนมียศศักดิ์ ไม่ว่าใครก็สั่งให้นางตายได้ทั้งนั้น
ในเวลาสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้ ได้ยินเสียงคนตะโกนขึ้นมา “ไท่เฮาเสด็จ ลิ่งกุ้ยไท่เฟยเสด็จ! “
ฮองเฮากระวีกระวาดลุกขึ้น รีบออกไปต้อนรับ
ตอนนี้ทุกคนคุกเข่าลงหมด หลีโม่ก็คุกเข่าด้วย นางเงยหน้าเล็กน้อย เห็นคนสองคนแต่งชุดเต็มยศเดินเข้ามา
หน้าของคนทั้งสองคล้ายคลึงกัน หลีโม่วิเคราะห์จากแวดล้อม คนที่เดินอยู่ข้างหน้าด้านซ้ายคือไท่เฮา ขนคิ้วนางค่อนข้างเรียบสวย เพียงแค่ตรงหัวยกขึ้น สีหน้าดูเป็นกังวล
และอีกข้างคนที่ยืนอยู่ด้านขวาคือลิ่งกุ้ยไท่เฟย เพียงแค่มองขึ้นไป ก็เห็นได้ถึงความเป็นผู้ดีทุกระเบียบนิ้ว ผิวบนใบหน้าดูหย่อนคล้อยกว่าไท่เฮา มีริ้วรอยล่องลึก สีหน้าดูวิตก พอมองไปแล้วดูเด่นกว่าไท่เฮา
“ข้าน้อยคารวะไท่เฮา คารวะกุ้ยไท่เฟย! “ ฮองเฮาคำนับตามธรรมเนียม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...