พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 296

ตอนที่ 296 ทักทายทุกคนในบ้านของท่าน

อ๋องหลี่ชินไม่ต้องคิดก็สามารถดูออกว่า ฮองไทเฮาพูดแบบนี้ต้องมีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่

เป็นแบบนั้นจริงๆ เขามองเห็นมีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างหลังภาพ ตัวเป็นๆ .....ไม่ จ้องมองหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง “ข้าดุ? หยาบคาย? ไม่สวย? ”

ถามอย่างขู่เข็ญ ดังก้องอยู่ข้างหูอ๋องหลี่ชิน

อ๋องหลี่ชินตอบด้วยเสียงอ่อน “ดุก็ดุนิดเดียว แต่เพื่อไม่ให้ใครมารังแกไง นี่ถือเป็นจุดเด่น หยาบคายหรือ ก็มีบ้างนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าผู้หญิงอ่อนหวานเสแสร้ง ที่ว่าไม่สวยล้วนเป็นการใส่ร้าย นี่เป็นเพราะความสวยในสายตาแต่ล่ะคนไม่เหมือนกัน ดูเจ้าสิ จมูกเป็นจมูก ตาเป็นตา ก็แค่สีผิวดำไปหน่อย ในสายตาข้า นี่ก็สวยที่สุดแล้ว”

องค์หญิงเป่ยอาน อาหมันชายาอ๋องหลี่ชิน ถือว่าไม่สวยจริงๆ หากเทียบกับความสวยในสายตาต้าโจวถือว่าไม่จัดว่าสวย เพราะผิวคล้ำไปหน่อย แต่ที่จริงรูปโครงหน้าต่างๆ จัดว่าสวย หากอยู่ในปัจจุบัน ถือว่าดั่งนางงามเลยแหละ

อาหมันหัวเราะอย่างเย็นชา “เพราะเหตุนี้เจ้าก็เลยเก็บชุดแต่งงานไว้สู่ขอชายาคนที่สองหรือ? รู้แต่แรกว่าเจ้ารังเกียจที่ข้ามีลูกไม่ได้ ดี เก็บไว้เถอะ พรุ่งนี้ข้าจะกลับเป่ยอาน จะได้ไม่ต้องอยู่ดูสีหน้าของเจ้า”

“แบบนี้ได้ยังไง ข้าจะแสดงสีหน้าใส่เจ้าได้อย่างไร? ”ความจริงแล้ว เขาต่างหากที่ต้องดูสีหน้านางมาตลอดไม่ใช่หรือ?

ฮองไทเฮาพูดปลอบอย่างอ่อนหวานว่า “พวกเจ้าอย่าทะเลาะกันเลย กลับไปเถอะ ข้าค่อยหาชุดแต่งงานจากคนอื่นก็ได้”

อ๋องหลี่ชินพูดอย่างต่อว่า “หาทำไมของคนอื่น? ของข้าก็มีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ชุดแต่งงานแบบนี้ ชั่วชีวิตก็ใช้แค่ครั้งเดียว เก็บไว้ก็เปล่าประโยชน์ ฮองไทเฮาสั่งคนไปเอาที่จวนได้เลย”

สีหน้าฮองไทเฮาสบายใจขึ้น “เหล่าซาน ไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร ข้าไปขอยืมคนอื่นก็ได้ ถ้าไม่ได้ ก็ให้เย้นเอ๋อร์ใส่ชุดประจำตำแหน่งอ๋องหรือชุดตำแหน่งอ๋องซื่อเจิ้งเอา”

อ๋องหลี่ชินมองตาแววตาอันโกรธจัดของอาหมัน “พูดอะไรแบบนั้น? แต่งงานก็ต้องใส่ชุดแต่งงานสิ”

ฮองไทเฮาจึงหัวเราะ “ได้ ซุนกงกง สั่งคนตามอ๋องหลี่ชินกลับไปเอาชุดแต่งงาน”

อาหมันโค้งคำนับ “หมู่ฮ่อง พวกเราขอตัวก่อนเพคะ”

นางเพ่งมองอ๋องหลี่ชินอย่างเอาเรื่อง แล้วก็เดินออกไปก่อน

อ๋องหลี่ชินมือประสานอย่างนอบน้อม แล้วก้าวเดินออกไปอย่างสง่างาม เพิ่งเดินออกมาถึงหน้าประตู ถึงตรงโค้งเลี้ยวก็รีบวิ่งไป ในปากก็ร้องเรียกว่า “ที่รัก รอก่อน รอข้าก่อน”

ฮองไทเฮาหัวเราะ พูดกับซุนกงกงว่า “ฮองไทเฮา ครั้งนี้อ๋องหลี่ชินน่าจะแค้นท่านนะ”

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยไปขอโทษดีๆ เขาจะให้อภัยข้าเอง เขาเป็นคนมีเหตุผล หากอีกฝ่ายขอโทษแล้วเขาไม่ให้อภัย เขาเองจะทรมาน น่าเห็นใจอาหมันที่ทนกับนิสัยแบบนี้ของเขาได้”

“บ่าวกลับรู้สึกว่าอ๋องหลี่ชินกลับภรรยารักกันดีออก” ซุนกงกงพูดขึ้น

“ก็รักกันดี ตั้งแต่แรกงานแต่งนี้ถึงแม้จะเป็นการอภิเษกสมรสเพื่อผูกมิตรต่อกัน แต่เหล่าจู่จงเคยพูดไว้ อาหมันเป็นคนที่สามารถเอาเขาอยู่หมัด ตั้งแต่เด็กเหล่าซานเติบโตมากับเหล่าจู่จง ดีที่ไม่ได้เรียนรู้ความเอาแต่ใจของเหล่าจู่จงมาแม้แต่น้อย ยิ่งอยู่ยิ่งน่าเชื่อถือ”

นางพูดไปด้วย แล้วก็ถอนหายใจ “สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ถึงตอนนี้อาหมันก็ยังไม่มีลูก จิ่นไท่เฟยมาพูดกับข้าตั้งหลายครั้งแล้ว อยากหาพระสนมรองให้เขา แต่เขาไม่ยอม ให้ข้าออกหน้าช่วยพูด ข้าทำไม่ได้หรอกที่จะไปทำลายความรักของครอบครัวคนอื่น”

ซุนกงกงพูดขึ้นว่า “ไม่รู้ว่าหากคุณหนูใหญ่ยังไม่ตาย จะช่วยรักษาให้หวังเฟยมีลูกได้ไหม? ”

“ไม่รู้เหมือนกัน เสียดายคนตายไปแล้ว” ฮองไทเฮารู้สึกเสียดาย “เหล่าชีน่าสงสารที่สุด ข้าคิดว่าเขาอุตส่าห์ได้พบเจอกับคนที่ถูกใจ หวังว่างานแต่งที่เหล่าจู่จงจัดการนี้ อีกฝ่ายจะเป็นผู้หญิงที่ดี”

“ปกติสายตาของไทฮองไทเฮาไม่เคยพลาด”

เหล่าไทเฮาเห็นด้วย “ช่วงนี้กุ้ยไทเฟยมีความเคลื่อนไหวอะไรบ้าง? ”

ซุนกงกงพูดขึ้นว่า “หลายวันมานี้ก็ไม่เห็นนางเข้าวังมาหา”

“หวังว่านางจะทำได้ดั่งที่นางพูดไว้ ว่านางเปลี่ยนความคิดได้แล้ว”

ซุนกงกงมองดูนาง “แต่ไทเฮาท่านเองก็ยังไม่เชื่อเลย ใช่ไหม? ”

ฮองไทเฮาหมุนลูกประคำในมือ “ข้าเชื่อ แต่ข้ารู้จักคนอย่างนางเป็นที่สุด ชอบเอาชนะตั้งแต่เด็ก”

นางมองทุกสิ่งอย่างโปร่งใส แต่ก็หวังว่าทุกอย่างจะกลายเป็นดี

อยู่ในวังหลังมาหลายปี รู้ดีว่าความคิดแบบนี้ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก แต่แล้วยังไงล่ะ? พวกเขาเป็นพี่น้องกันแท้ๆ นี่

หลังจากสามวัน

งานแต่งจัดขึ้นตามกำหนดการ

ฝ่ายซือถูเย่ยังดีหน่อย ได้พูดหว่านล้อมให้เขาเข้าใจแล้ว แต่หลีโม่กลับไม่ยอมใส่ชุดแต่งงาน

แต่ ดูแล้ว หญิงเฒ่าสองคนคนก็ไม่ตั้งใจที่จะพูดหว่านล้อมนาง เหล่ากูกูออกคำสั่งเลยว่า “โวยวายอะไร? ตีสลบโยนขึ้นเรือ มัดให้ดีแล้วโยนขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวไป”

อาซื๋อคว้าหยิบไม้อันหนึ่งแล้วเดินตรงไปหาหลีโม่ หลีโม่มองเห็นท่อนไม้หนาในมือนั้น ก็พูดขึ้นอย่างว่าง่ายว่า “ข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

อาซื๋อหันมามองดูเหล่ากูกู “ว่าง่ายขนาดนี้? ”

“สามารถสู้สักครั้งก็ไม่ต้องมาโดนซ้ำ” เหล่ากูกูหันไปปล่อยนกพิราบ เห็นเพียงขอบทะเลตรงขารับ ปรากฏเรือลำหนึ่ง

ในใจหลีโม่มีแผนการไว้แล้ว ตอนนี้เชื่อฟังไปก่อน รอเรือถึงฝั่งเมื่อไหร่ ค่อยเริ่มหาหนทางเอาชีวิตรอด

สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือแหวนโดนยึดไปแล้ว ให้นางไว้เพียงเชือกเก่าๆ ไม่รู้ว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง นางทิ้งสายเชือกเตาปาลงพื้นอย่างรังเกียจ เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในป่า

สายเชือกเตาปาเป็นนั้นแลดูมีประโยชน์ สุดท้ายผูกไว้ตรงข้อเท้านาง

นางโดนมัดไว้แล้วโยนขึ้นเรือไป ความฉลาดของนางหรือจะเทียบกับความเจ้าเล่ห์ของหลงจ๋านเยี่ยน

หลังจากขึ้นเรือแล้ว หลีโม่โดนทิ้งเข้าไปในห้องโดยสาร

นางหัวเราะอย่างเย็นชา “นึกว่าเชือกเก่าๆ เส้นเดียวจะสามารถมัดข้าไว้ได้หรือ? ”

นางเอามีดสั้นออกมา มีดสั้นเล่มนี้ไม่ได้โดนยึดไป ในเวลาแบบนี้จึงสามารถนำออกมาใช้ได้

นางเคยเห็นแล้วว่ามีดเล่มนี้คมแค่ไหน ตัดเชือกเก่าๆ แค่นี้ เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก

แต่ ตัดอยู่สักพัก สายเชือกเตาปากลับไม่มีแววที่จะขาดเลย ไม่เพียงไม่ขาด แม้แต่ร่องรอยโดนตัดเพียงนิดเดียวก็ไม่มี

นางโกรธสุดๆ นี่ทำจากอะไรกันแน่? ทนทานขนาดนี้

นางดิ้นรนอย่างสุดขีด ถูๆ ไถๆ กลับพบว่ายิ่งดิ้นรน สายเชือกเตาปายิ่งรัดแน่นยิ่งขึ้น

นางเริ่มรู้สึกได้แล้วว่าสายเชือกเก่าๆ นี้ ไม่ใช่สายเชือกเก่าธรรมดา

อาซื๋อผลักประตูเข้ามา ในมือถือผลไม้ไว้สองลูก มองเห็นในมือนางมีมีดสั้น ก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “เจ้าเก็บแรงไว้เถอะ สายเชือกเตาปาไม่ใช่เชือกที่เจ้าสามารถตัดขาดได้หรอก”

หลีโม่พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ทำไมพวกเจ้าถึงทำแบบนี้? ปล่อยข้า”

“แต่งงานแล้วก็จะปล่อยเจ้าไปเอง เจ้าจะรีบร้อนทำไม? ถึงตอนนั้นเจ้าหลงรักเหลนโง่ๆ ของพวกเรา จะขอบคุณเราเสียอีก” อาซื๋อวางผลไม้ไว้บนพื้น “กินซะ กินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงหนี”

หลีโม่ก็หิวขึ้นมาแล้วจริงๆ บวกกับเพื่อปลดการจำจองของพวกเขา นางหยิบผลไม้ขึ้นมากิน

นางกินเข้าไปยังไม่ถึงสองคำ นางก็รู้สึกมึนๆ ร่างกายมึนเวียนขึ้นมา

นางมองดูผลไม้ในมือ นี่มันผลไม้อะไร? มีพิษ?

หลังจากล้มลงพื้น นางมองเห็นอาซื๋อยิ้มอย่างพอใจ “เด็กโง่ เจ้าอยากหนี? นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ พวกเราไม่ใช่พวกโง่อย่างที่เจ้าเคยรับมือมาก่อน”

“ข้าจะทักทายทุกคนในบ้านเจ้า” หลีโม่บ่นพึมพำ แล้วค่อยๆ หลับตาลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม