พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 307

ตอนที่ 307 พูดด้วยความสัตย์จริงหรือท้าประลอง

ข่าวเสี้ยห้วยจุนฆ่าตัวตาย ในวันนั้นที่เสี้ยหลีโม่กลับจวนหลังจากแต่งงานได้สามวัน

จื่นเฉิงรายงานซือถูเย้น ซือถูเย้นบอกให้หลีโม่ทราบ ในตอนนี้นหลีโม่เพิ่งเดินเข้าประตูใหญ่ของจวนเสียงเสี้้ย หลี่ซ้วยหยุ่นยังอยู่ที่นั่นไม่ได้จากไปไหน ดังนั้นหลังจากแต่งงานได้สามวัน นางจึงกลับมาที่แห่งนี้ตามประเพณี

จื่นเฉิงบอกกับหลีโม่ว่า เขาก่อนเขาตายลงขอร้องผู้คุมขังมาบอกหนึ่งประโยค บอกผู้คุมชิงเสี้ยนจู่ว่า “ขอโทษ”

หลังจากหลีโม่ได้ฟังไม่มีอารมณ์อ่อนไหวใดเพียงสักนิด เรื่องนี้คือสิ่งที่คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว เสี้ยซ้วยหยุ่นรู้ดีว่าตายไปเช่นนี้คือวิธีที่ดีที่สุดในเกียรติยศของเขา

นางนำข่าวนี้บอกกับหลี่ซ้วยหยุ่น หลี่ซ้วยหยุ่นมีสีหน้าตกใจ “ตายแล้ว?”

ราวกับว่าเสียงนี้ไม่ใช่เสียงของนาง แม้แต่ตัวนางเองก็รู้สึกผิดปกติ

ทุกข์ทรมานมาตลอดสิบเจ็บปี ตลอดเวลาของพวกเขาท้ายที่สุดก็จบด้วยชีวิตและความตาย

“ใช่แล้วเพคะ สิ้นแล้ว ก่อนตายเขาให้ผู้คุมกลับมาบอกกับท่านว่าขอโทษ” หลีโม่กล่าว

หลี่ซ้วยหยุ่นพยักหน้ารับช้าๆ “อือ”

“ท่านแม่ให้อภัยเขาหรือไม่? “หลีโม่เห็นสีหน้าของนางจึงไถ่ถาม

หลี่ซ้วยหยุ่นเงยหน้า แม้ว่าสายตานางจะดีขึ้นแล้ว แต่ฉายแววอ่อนแอกว่าก่อนหน้านี้อยู่มาก ในนั้นมีหยดน้ำคลออยู่” ไม่มีความหมายใดแล้ว ใช่หรือไม่? ให้อภัยหรือไม่ล้วนผ่านพ้นไปแล้ว”

“ล้วนผ่านพ้นไปแล้ว!” หลีโม่เน้นย้ำประโยคนี้ ใช่แล้ว มันผ่านไปแล้วอย่างแน่นอน จวนเฉิงเสี้ยงแห่งนี้จะถูกบัญญัติขึ้นมาใหม่

หลีโม่เผยรอยยิ้ม” เป็นเช่นนั้นเพคะ ถ้าเช่นนั้นในวันที่ลูกกลับมา ท่านแม่เตรียมอาหารอร่อยๆ อะไรไว้บ้างเพคะ ปากของเขาช่างเลือกพิถีพิถันนัก”

ซือถูเย้นมองนางอยู่ครู่หนึ่ง” ข้าจักต้องมากพิธีอะไร? ตามสบายก็พอ”

หยางมามาเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม” วันนี้พวกเรามิได้ทำอะไร มีคนรับไปทำเสียแล้ว”

” ผู้ใดกัน? “หลีโม่ประหลาดใจยกใหญ่

“หูหวนซีเฒ่าแก่ของตระกูลหู นางให้ครัวใหญ่ติ่งเฟิงมาที่นี่ วันนี้ติ่งเฟิงปิดร้านเพื่อมื้อนี้เลยเชียวนะ”

หลีโม่ตอบรับ  “ทำไมจึงพิเศษเช่นนี้กันนะ?”

“จะไม่พิเศษได้อย่างไร?”

พูดถึงหูฮวนซี หูฮวนซีก็มา หูฮอวนซีเรียกคนรับใช้เข้ามา พร้อมกับใบหน้าแย้มยิ้ม “คำนับองค์ชาย องค์หญิง ข้าขอขอบพระทัยแทนชาวบ้านในเมือง”

หลีโม่รู้ดีว่าครานี้นางออกไม่ช่วยเหลืออยู่ไม่น้อย จึงกล่าวด้วยความรู้สึกประทับใจ “เพียงพูดว่าขอบคุณคำเดียวอาจดูตื้นเขินเกินไป ข้าจะไม่กล่าวสิ่งใด สิ่งเหล่านั้นที่เจ้าทำ ข้าจะจดจำเอาไว้ในใจ”

หูฮวนซีกล่าวตอบ “ข้าเสียเงินไปแล้ว จะไม่ทำให้เสียของให้เสียแรง”

ซือถูเย้นกลับออกปากไปว่า “วันนี้ไม่ใช่มื้ออาหารสำหรับตระกูลเดียวแล้วกระมัง? ทำให้ร้านติ่งเฟิงถึงกับต้องปิดร้านเลยรึ?”

หลี่ซ้วยหยุ่นยิ้ม “เมื่อคืนปรึกษากันมาแล้ว บอกไว้ว่าวันนี้กลับจวน อยากเชิญทุกคนกินข้าวด้วยกันสักมื้อ วันที่ผ่านมานี้รับเรื่องน่ากังวลใจมาไม่น้อย แน่นอนว่าควรได้กินอาหารดีๆ สักมื้อ ให้รางวัลแก่ทุกคนได้อิ่มเอม”

เป็นเช่นนี้นี่เอง มื้อฉลองของครอบครัว กลายเป็นงานเลี้ยง

เฉินไท่จูนนำพี่น้องตระกูลเฉินและเฉินหลิ่วหลิ่วเข้ามาอย่างอลังการ

อ๋องหลี่ชินนำองค์หญิงหมันเอ๋อร์และเจ้าตูบต้าจีนมาถึงทันเวลาพอดี อ๋องเหลียงนำเหล้าชั้นดีมา โหรวเหยานำซูชิงมาด้วย แน่นอน นางไปพบซูชิงกล่าว่าให้มาด้วยกัน เซียวเซียวก็นพเหล้ารสชาติเยี่ยมมาด้วยเช่นกัน ซือถูจิ้งมาด้วยกันกับเหลียงซื่อโดยมิคาดคิด

มองแขกทุกท่านที่โต๊ะอาหาร หลีโม่น้ำตาคลอ พิธีแต่งงานไร้สีสัน ขาดคำอวยพร ณ ขณะนี้ญาติมิตรทุกคนมาเข้าร่วมฉลองการกลับบ้านหลังจากแต่งงานได้สามวัน ทำให้เขารู้สึกว่าตนได้แต่งงานอีกครา

ฮึก!

คนมากมายขนาดนี้ แบ่งเป็นสองโต๊ะ แม่ทัพเฉินสิบท่านนั่งโต๊ะนึง ผู้อื่นที่เหลือก็นั่งอีกโต๊ะหนึ่ง

ดูเหมือนว่าซือถูจิ้งจะไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น ทั้งสองนั่งร่วมโต๊ะกันฟ้าดินเป็นใจ เพียงแต่ว่าทั้งสองแทบไม่สบตากันเลย เว้นเสียแต่ว่าไม่ทันระวังสายตามาบรรจบ ก็ผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว

ก่อนพิธีเหล้ามงคล ซูชิงถามแม่ทักเฉิงว่า “อธิบายมาเสีย คราแรกที่ให้พวกเจ้าไปปกป้องหลีโม่พวกเจ้ากลับไม่มาปรากฏตัว ไปอยู่ที่ใดกัน?”

เฉินสู่พี่ใหญ่ตระกูลเฉินกล่าวตอบ “วันนั้นพวกเราพี่น้องอุทิศชีวิตออกไป ยังมิถึงอำเภอจี้ชุน ก็ตกลงไปในกับดัก หลังจากนั้นก็ถูกกักอยู่ในฐานลับแห่งหนึ่ง ดูแลพวกเราพี่น้องล้วนเป็นงูพิษ”

“ถ้าเช่นนั้นคนที่กักพวกเจ้าไว้ คือผู้ใด?” เซียวโธ่ถามขึ้น

พี่รองตระกูลเฉินเฉินหนิวกล่าวต่อ “แรกเริ่มไม่รู้แน่ชัด แต่ภายหลังรู้ว่าเป็นไทฮองไทเฮา”

หลีโม่กล่าวด้วยความไม่พอใจ “เป็นนางแน่นอน ข้าเคยถูกนางกักเอาไว้”

พี่สามแห่งตระกูลเฉินกล่าว “องค์หญิง ไทฮองไทเฮาช่วยชีวิตท่านไว้ พวกเราพี่น้องกลับเป็นผู้บริสุทธิ์ ชัดเจนว่ากลัวงูอยู่หลายวันขนาดนั้น”

เฉินหลง “ข้าจำได้ ศิษย์น้องหกสองวันนั้นกลัวงูจนตัวสั่น เขากลัวงูเป็นที่สุด น่าสงสารนามของตนยังเป็น ‘เฉินเช่อ’ สื่อความหมายถึงงู แท้จริงกลัวเสียเพียงนั้น”

พี่น้องตระกูลเฉินกำลังเล่าเรื่องที่สนใจ งงงวยตื่นกลัวตอนนั้น บัดนี้กลับกลายเป็นเรื่องน่าขบขัน นั่นก็เพราะไทฮองไทเฮา หากมิใช่คนเคียงกาย จะคลายความเกลียดชังลงได้อย่างไร

ที่จริงมิกล้าที่จะชัง

วันนี้ซือถูเย้นมีความสุขอย่างมาก เขาดื่มไปพลางปรายตามองหลีโม่ มองแล้วมองอีก แล้วดื่มอีก ในดวงตาเต็มไปด้วยความสุข

ซือถูเย้นนอกจากงานเลี้ยงในวังและในราชสำนักแล้ว เขาแทบไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอื่นเลย ดังนั้นเขาจึงขาดประสบการณ์เข้าสังคมในงานเลี้ยง เขาเป็นคนที่คิดหัวข้อสนทนาไม่เก่งนัก หากอยากจะร่วมวงสนทนากับเขา เขาจะตอบเพียงสั้นๆ ก็ทำบทสนทนาจบลง ความจริงเขาเป็นตัวยุติบทสนทนา

แต่ในวันนี้ มีจอมปิดหัวข้อสนทนาอยู่สองท่านในที่แห่งนี้ และในงานก็มีจอมสามารถเปิดประเด็น หลิวหลิวและโหรวเหยา

พอดีกับที่ซูชิงได้ฟังแม่ทัพเฉินได้เล่าเรื่องที่ถูกกักไว้ในฐานลับ ถามโต้ตอบกับทุกคน ทุกคนล้วนกล่าวว่าตนรอดจากอันตรายมาได้อย่างไร

ได้ฟังทุกคนเล่าจบ จากนั้นจึงหันไปถามซือถูเย้น “หากเจ้าถูกกักไว้ในฐานลับ ด้านนอกมีฝูงงูคอยจับตาดูเจ้า เจ้าจะหนีรอดออกมาอย่างไร”

ในมือซือถูเย้นถือสุรา ค่อยๆ ยกดื่ม “เรื่องนั้นมิอาจเกิดกับข้าได้”

ซูชิงพูดขึ้นมาด้วยความทนไม่ไหว “ไม่ใช่ว่า ‘ถ้าหาก’ รึ ถ้าหากเกิดกับเจ้า เจ้าจะว่าอย่างไร”

“ไม่สามารถเกิดขึ้นกับข้าได้ ไม่มีถ้าหาก” เขาปิดบทสนทนาเสียแล้ว

ซูชิงเห็นว่าเขาไม่น่าสนใจเอาเสียเลย จึงถามอ๋องหลี่ชิน “ท่านอ๋อง....”

“เงียบซะ!” อ๋อหลี่ชินถลึงตาใส่ “วุ่นวายมากเสียจริง”

ซูชิงถูกขัด รู้สึกว่างานเลี้ยงนี้สีสันถูกกำจัดไปแล้ว

หูฮวนซีตั้งความเห็นขึ้นมาอีกทันใด “พวกเรามาเล่นกล่าวความสัตย์จริงหรือกล้าท้าประลอง ดีหรือไม่?”

เมื่อหลีโม่ได้ฟังจึงเงยหน้ามองหูฮวนซีทันที “เจ้าว่าเล่นอะไรนะ?”

หูฮวนซีอธิบาย “กล่าวสัตย์จริงกล้าท้าประลองเล่นเช่นนี้ พวกเราที่นั่งกันอยู่มากมายเขียนนามของตนไว้บนด้ามไม้ไผ่ จากนั้นก็ดึงออกมาโดนเจ้าเมือง ผู้ที่มีชื่ออยู่ในไม้ไผ่มี่ดึงออกมาจะต้องเลือกตอบด้วยความสัตย์จริง หรือเลือกท้าประลอง ท้าประลองความจริงก็คือบทลงโทษนั่นแล”

หลีโม่จ้องมองหูฮวนซี ทุกคนเริ่มร้อนๆ หนาวๆ “เจ้าจะเล่นรึ?”

“แน่นอน ถ้าเสนอ...” หูฮวนซีหยุดพูดไป เงยหน้ามองหลีโม่ทันที ทั้งสองมีสามตาเช่นเดียวกัน

ทั้งสองมองกันอยู่สิบวินาที ทุกคนมองพวกเขา ไม่รู้ว่าทั้งสองเหตุใดจึงพูดอยู่แล้วหยุดลง

สุดท้ายเสี้ยหลีโม่ก็พลันยิ้มขึ้นมา “คิดไม่ถึงว่าเฒ่าแก่หูจะเล่นพูดสัตย์จริงท้าประลองเสียด้วย ก่อนนั้นข้าเคยได้ยิน แต่ไม่เคยเล่นเลย”

“ข้าเคยเล่น!” อ๋องหลี่ชินพูดขึ้น

หลี่โม่และหูฮวนซีทั้งสองมองอ๋องหลีชินพร้อมกัน

อ๋องหลี่ชินเงยหน้าขึ้น “ผู้อาวุโสสอนข้า”

คือไทฮองไทเฮาที่สอนเขา ถ้าเช่นนั้นก็ไม่แปลก นางผู้นี้รอบรู้ทุกสิ่ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม