ตอนที่ 31 ภาพลวงตา
อ๋องเหลียงฟื้นขึ้นมาแล้ว ทั้งยังกลิ้งหลุนลงมาจากบนแท่นนอน ดวงตาทั้งคู่ของเขาแดงก่ำ ราวกับต้องมนต์ก็ไม่ปาน เขากลิ้งตัวลงบนพื้น ในเรียวปากเปล่งเสียง “ค่อกๆ” ออกมา บนเท้าถูกยึดไร้หนทางขยับเขยื้อน มือทั้งสองข้างโบกพัลวันไม่หยุด ราวผู้ป่วยที่อาการบ้ากำเริบ
“ออกไป ออกไป”
นางในเข้ามานึกอยากพยุงเขาขึ้น กลับถูกเขาเอื้อมมือมาปัดเต็มแรง เห็นเพียงพวงแก้มของเขาแดงก่ำ ถึงแม้คนจะมีสติสัมปชัญญะ แต่กลับบ้าคลั่งเต็มทน
“ฮ่าวเอ๋อร์” ฮองเฮารีบสาวพระบาทถลาเข้าไป ประคองร่างเขาขึ้นมา อ๋องเหลียงกลับออกแรงผลัก จนพระนางล้มพับลงบนพื้น
หยางมามากุลีกุจอพยุงฮองเฮาขึ้น ไทเฮาจ้องหมอหลวงเขม็งพลางตะโกนตรัส “ยังนิ่งอยู่ไยเล่า รีบเข้าไปดูเสีย”
“ออกไป” อ๋องเหลียงราวกับเป็นบ้าไปแล้วก็ไม่ปาน แต่กลับไม่ใช่ตีหมอหลวง มือทั้งสองโบกสะบัดใส่กลางอากาศ แววตาพรั่นพรึง เสมือนกลางอากาศมีสิ่งน่ากลัวที่คนรอบข้างมองไม่เห็นดำรงอยู่
ก็แม้กระทั่งซือถูเย้นอยากก้าวไปข้างหน้า ยังล้วนถูกเขาไล่หนี เขาฟุบอยู่บนพื้น ดวงตาทั้งสองกลอกกระหวัดไม่หยุด เขานิ่งงันอยู่สักพัก ขณะที่ทุกคนคิดว่าเขาสงบลงมาแล้วนั้น เขากลับพลันตะโกนเสียงดังขึ้น “ออกไป ข้าไม่ได้ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าอยากแก้แค้น ก็ไปแก้แค้นคนของพวกเจ้าเสีย”
หลีโม่เห็นดังนี้ ก็เข้าใจครึ่งค่อนหนึ่ง หลังจากโรคลมชักกำเริบระลอกใหญ่ มักจะปรากฏความบ้าคลั่งและภาพลวงตา และส่วนสมองของเขาขาดออกซิเจน ก็อาจมีอาการประสาทหลอนได้
ในเวลาเช่นนี้ เป็นช่วงที่ผู้ป่วยมีอันตรายมาก เนื่องจากเส้นประสาทรับความเจ็บปวดของพวกเขาอาจได้รับความอัมพาต พฤติกรรมบ้าคลั่งส่วนใหญ่ค่อนข้างฉกาจฉกรรจ์ ได้รับบาดเจ็บแล้วตนเองล้วนไม่รู้
อีกประการ ช่วงลำคอและข้อเท้าของเขาก็บาดเจ็บเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถึงแม้จะบอกว่ายึดขึงไว้แล้วก็เถอะ แต่ก็ห้ามความทุรนทุรายเพียงนี้ไม่ไหวแน่
จำเป็นต้องรีบใช้เข็มเย็บปิดผนึกโดยด่วน จากนั้นก็กรีดเบ้าเจาะเลือด เพื่อทำให้เขาสงบลง
แต่ว่า ตอนนี้ไทเฮาทรงอยู่ที่นี่ จะต้องไม่ให้ตนเองลงมือโดยสิ้นเชิง
ทว่า ในฐานะคนเป็นหมอ นางไร้หนทางมองอ๋องเหลียงตกสู่ภาวะเสี่ยงอันตรายตาปริบๆ อีกครั้ง
นางสลัดองครักษ์หลวงออก สาวเท้าถลาเข้าไปอย่างฉับพลัน
กุ้ยไท่เฟยกล่าวอย่างพิโรธ “รีบจับนางไว้”
หลีโม่กลับฟุบลงข้างกายของอ๋องเหลียงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หันหลังให้เขาพลางชกต่อยอากาศ “ถอยไปเสีย มีข้าอยู่ อย่าริอาจทำร้ายอ๋องเหลียงเชียว”
อ๋องเหลียงพลันอยู่ข้างหลังนาง ราวกับเป็นสาวน้อยก็ไม่ปาน ก่อนจะค่อยๆ โผล่หน้าออกมา เห็นชัดว่าหวั่นเกรงแต่ดวงตากลับไม่ได้หวาดหวั่นดังก่อนหน้า
คนทั้งหมดล้วนแน่นิ่ง อ๋องเหลียงบ้าคลั่ง จะพูดจาไร้สาระก็ช่างเสียเถิด เสี้ยหลีโม่เองก็บ้าไปด้วยหรือ หากว่าไม่บ้า นางสามารถมองเห็นสิ่งของที่คนรอบข้างมองไม่เห็นด้วยหรือ
เป็นผีหรือ?
ความตระหนักข้อนี้ ทำให้คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุเกรงกลัวอย่างหนัก ก็แม้กระทั่งไทเฮาและกุ้ยไท่เฟยล้วนตกตะลึง วินาทีนั้นไม่ได้เปล่งเสียง ทำเพียงมองหลีโม่อย่างเงียบๆ
องครักษ์หลวงได้รับคำบัญชาของกุ้ยไท่เฟย ก็ไม่รู้ว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่
ซือถูเย้นยื่นมือออกมาขวางองครักษ์หลวง มองท่าทีของอ๋องเหลียง ก่อนโบกมือเบาๆ พลางกล่าวเสียงแผ่ว “ถอยออกไปก่อน”
ฮองเฮาตื่นตระหนก จ้องมองที่อากาศเบื้องหน้าหลีโม่ พลางตรัสงึมงำ “สวรรค์ วิญญาณร้าย เป็นวิญญาณร้าย”
จะต้องเป็นวิญญาณร้ายเป็นแน่ ท่ามกลางวังหลวงแห่งนี้วิญญาณร้ายชุกชุม จะต้องเป็นวิญญาณร้ายเหล่านี้แน่ที่เข้ามาหลอกหลอนฮ่าวเอ๋อร์
หลีโม่หันหน้ากลับ จับมือของอ๋องเหลียงไว้พลางกดลูบเบาๆ “ท่านอ๋องอย่าได้กลัว มีข้าอยู่ทั้งคน ไม่มีผู้ใดทำร้ายท่านได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...