พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 311

ตอนที่ 311 เฉินหลิงหลงถูกจับตัวกลับมา

เมื่อเซียวโธ่ฟังสิ่งที่หลีโม่พูดมา ตนก็เกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมา

ที่จริงแล้ว ก่อนหน้านี้เขาคิดจะให้ซูชิงขอหลิ่วหลิ่วแต่งงานจริงๆ เพราะหลิ่วหลิ่วชอบพูดเสียงเจี๊ยวจ๊าวข้างหูเขาตลอดเวลา อย่างกับนกกางเขน เขาไม่ชอบเอาเสียเลย

แต่ถ้าเกิดว่าซูชิงจะขอหลิ่วหลิ่วแต่งงานจริงๆ เช่นนั้น...

“ข้าขอคิดก่อนนะ คือว่าข้ายังไม่รู้น่ะ” เซียวโธ่กล่าว

เมื่อหลีโม่เห็นเขาเหมือนจะเริ่มฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว จึงพูดว่า “ไปเถอะ คิดให้ดี หลิ่วหลิ่วเองก็เป็นสตรีที่ดี มันคุ้มค่าที่เจ้าปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี”

หลังจากเซียวโธ่จากไปแล้ว หลิ่วหลิ่วจึงเดินออกมาจากในห้อง นางมองหลีโม่ด้วยสายตาซาบซึ้งใจ “ขอบใจเจ้านะ”

หลีโม่กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลใจไป เขาเป็นคนแข็งกระด้าง บางทีเขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่าหัวใจของเขาคิดอะไรอยู่”

เซียวโธ่เป็นทหาร สำหรับเรื่องความรู้สึกเขาอาจจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่สิ บางทีอาจจะบอกได้ว่าแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยคิดขึ้นมาก่อน และยิ่งไม่คิดจะแต่งงานด้วย แต่จู่ๆ ก็ไปบอกเขาว่ามีสตรีผู้หนึ่งที่ชอบเขาเอามากๆ ต้องการแต่งงานกับเขา เขาอาจจะทำตัวไม่ถูกก็ได้

หลิ่วหลิ่วเหมือนกับตัดสินใจได้บางอย่างจึงกล่าวว่า “ข้าจะรอเขา ไม่ว่าเขาแต่งงานกับข้าหรือไม่ ข้าก็จะไม่แต่งงานกับชายใดทั้งนั้น”

หลีโม่ตบมือนางเบาๆ “วางใจเถอะ เขาจะฉลาดขึ้นมาเอง”

“หวังว่าข้าจะรอได้” หลิ่วหลิ่วยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส แต่สายตากลับมีความทุกข์ระทมที่อธิบายไม่ถูก

เมื่อหลีโม่มองไปที่นาง กลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา สตรีที่เคยมีดวงตาเป็นประกายมาก่อน ตอนนี้แววตากลับเต็มไปด้วยความทุกข์ นางเคยคิดว่า หลิ่วหลิ่วที่เป็นคนนิสัยเช่นนี้ ในชีวิตนี้คงจะไม่รู้จักความทุกข์หรืออาฆาตแค้น

ตอนนี้ตัวเองก็นับว่ามีความสุขแล้ว นางก็หวังว่าซือถูจิ้งและหลิ่วหลิ่วจะมีความสุขเช่นเดียวกัน

ผ่านไปสองวัน ในที่สุดก็มีข่าวดี

เจอตัวเฉินหลิงหลงกับเสี้ยโล่เยว่แล้ว จากการจับกุมของตันชิงเสี้ยนจู่ ตอนนี้พากลับมาที่เมืองหลวงแล้ว ให้พักอยู่ในจวนเฉิงเสี้ยงเป็นการชั่วคราว

เพราะจวนเฉิงเสี้ยงเกี่ยวข้องกับคดีทุจริต หลังจากเสี้ยห้วยจุนตาย สมบัติของเขานอกจากจวนเฉิงเสี้ยงแล้ว สมบัติทั้งหมดก็ล้วนถูกยึดไปหมดแล้ว และสมบัติล้ำค่าเงินทองที่เฉินหลิงหลงเอามาด้วย ก็ย่อมต้องคืนให้กับทางราชสำนัก

ซือถูเย้นส่งพวกนางให้กับตันชิงเสี้ยนจู่ เพราะไม่อยากให้ให้ขุนนางเข้ามาแทรกแซงเรื่องนี้ เขาหวังว่าหลีโม่จะได้แก้ปมบุญคุณความแค้นระหว่างพวกนางเสียที

เฉินหลิงหลงและเสี้ยโล่เยว่ที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก พวกนางกำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือ หลบหนีไปจนถึงอำเภอห้วยและอยากจะหาที่พัก ก็ได้ยินข่าวจากเมืองหลวง พวกนางคิดว่าหลังจากเฉิงเสี้ยงเสี้ยตายแล้ว จะไม่มีใครตามจับพวกนางสองแม่ลูกอีก

เรือนไม้ข้างๆ ทะเลสาบของหลี่ซ่วยหยุ่นสร้างเสร็จแล้ว สองวันมานี้นางอยู่ในเรือนไม้ตลอด เรือนเดี่ยวยังไม่ได้รื้อถอนออกไป ซู่หยู้และบ่าวรับใช้คนอื่นๆ ในจวนก็ออกไปกันหมดแล้ว

เฉินหลิงหลงและเสี้ยโล่เยว่ถูกนำตัวมาที่ด้านหน้าของหลี่ซ่วยหยุ่น หลี่ซ่วยหยุ่นมองสตรีที่เหมือนกับหมาจนตรอกที่น่ารังเกียจสองคนนี้ ใจของนางพลันเกิดไฟโทสะแห่งความแค้นขึ้นมาทันที

ก่อนที่บุตรสาวของตนจะสิ้นใจ ความจริงแล้วนางไม่เคยเกลียดเฉินหลิงหลง สามีของนางเห็นอกเห็นใจหลิงหลงฮูหยิน ไม่ใช่ความผิดของนาง แม้จะไม่ใช่เฉินหลิงหลง ก็เป็นสตรีอื่นอยู่ดี

แต่ในเมื่อบุตรสาวของตนตายอยู่ในกำมือของเฉินหลิงหลง นางก็คิดอยากจะแก้แค้นตลอดทั้งวันทั้งคืน

เฉินหลิงหลงแสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับเป็นเสี้ยโล่เยว่ที่ยังอวดดีอยู่มาก “เจ้าจับพวกข้ากลับมาใช่หรือไม่? เจ้ามีสิทธิ์อะไร? เจ้ามันสตรีโหดเหี้ยมอำมหิต เป็นเจ้าที่ทำร้ายจนท่านพ่อต้องตาย”

เมื่อเตาเหล่าต้าเห็นนางร้องเอะอะเสียงดัง ก็พูดด้วยความโมโหว่า “หุบปากเจ้าไปเลยนะ ยังไม่ถึงคราวเจ้าพูด”

หลี่ซ่วยหยุ่นมองไปที่เสี้ยโล่เยว่ “เสี้ยห้วยจุนไม่ใช่บิดาของเจ้า บิดาของเจ้าคือเฉินเอ้อต่างหาก ข้อนี้ มารดาของเจ้าย่อมทราบดี”

เสี้ยโล่เยว่ในตอนนี้ย่อมรู้ว่าเรื่องนี้คือความจริง แต่นางไม่ยอมรับเท่านั้นเอง แม้ว่าเสี้ยห้วยจุนในตอนนี้จะตายไปแล้ว แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะอัปยศ แต่ก็ยังดีกว่าเฉินเอ้อพ่อค้าที่ไม่มีอะไรดีผู้นั้น

“เจ้าเลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว ข้าไม่มีวันเชื่อคำพูดของเจ้าหรอก” เสี้ยโล่เยว่แค่นเสียงเย็นชา

“ฮูหยิน เจ้ายังไม่คิดจะบอกความจริงให้นางรู้อีกหรือ?” หลี่ซ่วยหยุ่นมองไปทางหลิงหลงฮูหยิน คำว่า “ฮูหยิน” มันช่างเป็นการเยาะเย้ยไม่น้อย

หลิงหลงฮูหยินคุกเข่าลง เสียงดัง “ตุบ” “เสี้ยนจู่ ข้ารู้ว่าเมื่อก่อนข้าเป็นคนไม่ดี ท่านเป็นถึงขุนนางชั้นผู้ใหญ่ไม่เคยจดจำคนต่ำต้อย หากท่านปล่อยข้าไป ท่านอยากให้ข้าทำอะไร ข้ายอมทำทั้งนั้น ต่อให้ต้องเป็นสุนัขตัวหนึ่งอยู่ข้างกายท่าน ข้าก็ยอม ขอเพียงแค่ท่านไว้ชีวิตของข้าก็พอ”

เมื่อเสี้ยโล่เยว่เห็นมารดาขอตนจิตใจไม่เข้มแข็งเช่นนี้ ก็รู้สึกโกรธมาก “ท่านแม่ ท่านเสียสติไปแล้วหรือ? เหตุใดต้องไปขอร้องนางด้วย? ทำอย่างไรนางก็ไม่เอาพวกเราไว้หรอก บิดาข้ายังไม่หย่ากับเจ้า เจ้าก็ยังเป็นภรรยาของจวนเฉิงเสี้ยงอยู่ ก่อนที่บิดาจะสิ้นใจเขาก็ยังไม่ยอมรับโทษ นี่ก็นับว่ายังไม่ได้ถูกลงโทษเก้าชั่วโคตร”

“หุบปาก ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไม่อ่อนน้อมถ่อมตนกับท่านเสี้ยนจู่!” เฉินหลิงหลงหันกลับมาตวาดใส่เสี้ยโล่เยว่ด้วยความโกรธ

เสี้ยโล่เยว่แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง “ท่านแม่...”

เฉินหลินหลงคลานเข่าเข้าไปก้าวหนึ่ง ก้มหัวเคารพแล้วพูดว่า “เสี้ยนจู่ เด็กมันยังไม่ประสีประสา ท่านอย่าได้ถือสานางเลยนะ”

หลี่ซ่วยหยุ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “วางใจเถอะ ข้าไม่ทำร้ายลูกสาวของเจ้าหรอก นางไปได้”

กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุจึงมีผลตามมา นางจะพบแค่เฉินหลิงหลง

เสี้ยโล่เยว่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จริง แต่นางอยากจะไว้ชีวิตเสี้ยโล่เยว่ แต่กลับไม่ใช่เพราะใจอ่อน แต่เพราะการกระทำทั้งหมดของเสี้ยโล่เยว่ คือเฉินหลิงหลงวางแผนอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

เสี้ยโล่เยว่ผิดที่ไม่เจียมตัวแต่อยากจะบินขึ้นไปบนกิ่งไม้ ชีวิตหลังจากนั้นก็จะสอนนางเอง รู้จักพอถึงจะมีความสุข

และแน่นอนว่านางไม่มีทางรู้จักพอ และนางก็ถูกลิขิตให้มีชีวิตที่เวทนาแล้ว

เมื่อเสี้ยโล่เยว่ได้ยินสิ่งที่หลี่ซ่วยหยุ่นพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา “ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาปล่อย ข้าอยากจะไปข้าก็จะไป”

พูดจบ ก็หยิบเอาเงินทองของมีค่า กำลังจะจากไป

เตาเหล่าต้าก็เข้าไปแย่งชิงมันกลับมา “ของพวกนี้ต้องคืนให้กับทางราชสำนัก ไม่อนุญาตให้เอาไปด้วยได้”

เสี้ยโล่เยว่พูดอย่างโมโหว่า “ถ้าอย่างนั้นให้ตั๋วเงินกับข้าก็ยังดี ไม่มีเงินแล้วต่อไปข้าจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ? จะกินข้าวยังไง? จะเอาเงินที่ไหนจ้างบ่าวรับใช้?”

“เจ้ายังคิดจะมีบ่าวรับใช้อีกหรือ? ฝันไปเถอะ!” เตาเหล่าต้าแค่นเสียงเย็นชา

หลี่ซ่วยหยุ่นมองเตาเหล่าต้าแล้วกล่าวว่า “เอาให้นางร้อยตำลึง!”

“ร้อยตำลึงมันจะไปพออะไร? ซื้อห้องห้องหนึ่งก็ยังไม่พอเลย” จวนที่ดีขึ้นมาหน่อยในเมืองหลวงตอนนี้ก็ต้องหนึ่งพันตำลึงขึ้นไป หนึ่งร้อยตำลึงมันจะไปพออะไร?

หลี่ซ่วยหยุ่นมองเสี้ยโล่เยว่ “เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี่เป็นเงินที่เสี้ยฮ่าวหรานฝากไว้กับข้าก่อนหน้านี้ เจ้าเป็นน้องสาวของเสี้ยฮ่าวหราน ข้าก็เลยให้เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้กับเจ้า หนึ่งร้อยตำลึง เท่ากับค่าใช้จ่ายของครอบครัวธรรมดาเกือบสามปีเชียวนะ หากเจ้าประหยัดใช้หน่อย ก็พอที่จะให้เจ้าประคับประคองไปจนถึงเจ้าออกเรือนได้”

ค่าจ้างบ่าวรับใช้ของจวนในแต่ละเดือนก็แค่ห้าตำลึงถึงสิบตำลึง หนึ่งร้อยตำลึงจริงๆ แล้วก็นับว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อย

กุ้ยหยวนพูดกระซิบอยู่ด้านข้างว่า “เสี้ยนจู่ ท่านไม่จำเป็นต้องให้เงินกับนางมากมายขนาดนี้ก็ได้”

หลี่ซ่วยหยุ่นยิ้มบางๆ ไม่ได้ จำเป็นต้องทำเช่นนี้

ข้อแรก เงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ความจริงแล้วเป็นเงินที่ฮ่าวหรานให้นางก่อนหน้านี้ ทุกครั้งที่มาเยี่ยมนาง มักจะให้เงินกับนาง บอกว่าให้นางเอาไปซื้อของกิน

ข้อสอง เสี้ยโล่เยว่จริงๆ แล้วจำเป็นต้องมีชีวิตที่ดีเป็นการชั่วคราว รอจนเงินหนึ่งร้อยตำลึงนี้ใช้หมดแล้ว นางถึงจะค่อยๆ เข้าใจทั้งความเย็นชาและความมีน้ำใจของคนอย่างลึกซึ้ง

หากนางไม่มีเงินแม้แต่อีแปะเดียว นางก็จะอดตายอย่างรวดเร็ว ชื่อเสียงที่ไม่ดีของหลีโม่ แต่ถ้าหากนางพ่ายแพ้เอง ก็ไม่มีใครมาว่าหลีโม่ได้แม้แต่คำเดียว

เมื่อเฉินหลิงหลงเห็นเสี้ยโล่เยว่ออกไปได้อย่างราบรื่น ก็มองหลี่ซ่วยหยุ่นอย่างมีความหวัง “เสี้ยนจู่ ท่านให้ข้าเป็นบ่าวรับใช้ในจวนท่านเถอะ ข้าจะดูแลปรนนิบัติท่านเป็นอย่างดีแน่นอน”

นางนึกว่าหลี่ซ่วยหยุ่นใจอ่อน ไม่รังแกผู้อื่น ในเมื่อยอมปล่อยโล่เยว่ไปแล้ว ก็ย่อมไม่ทำให้นางลำบากใจนานนัก

แต่ เห็นได้ชัดว่านางคิดผิดแล้ว

หลี่ซ่วยหยุ่นก้มตัวลง มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย “ไม่ หลิงหลงฮูหยิน ควรจะเป็นข้าที่หาคนมาคอยปรนนิบัติเจ้าเป็นอย่างดีถึงจะถูก”

นางเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าราวกับถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือกหนึ่งชั้น “เสี่ยวเตา เอานางไปขังไว้ในเรือนเดี่ยว”

จากนั้น นางก็สั่งกุ้ยหยวนว่า “เจ้าไปหาช่างก่อสร้าง ให้สร้างกำแพงรอบๆ เรือนเดี่ยว แล้วค่อยสร้างกรงเหล็กอีกอัน”

นางไม่ฆ่าใคร แต่กลับอยากให้เฉินหลิงหลงรู้สึกว่าตายไปยังจะดีกว่ามีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่แม้แต่สุนัขก็ยังเทียบไม่ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม