พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 313

ตอนที่ 313 สัญญาอีกครั้ง

ฮองเฮาเอ่ยขึ้นมา หลังจากหยางมามาออกไปแล้ว “เมื่อก่อนตอนที่นางคอยรับใช้เจ้า คงทำให้เจ้าพอใจอยู่ใช่หรือไม่?”

“หยางมามาละเอียดรอบคอบมากเพคะ” หลีโม่กล่าว

ฮองเฮายิ้มแย้มขึ้นมา “ละเอียดรอบคอบก็ดี แต่การจงรักภักดีนั้นถึงจะถือว่าดีที่สุด หากบ่าวรับใช้ไม่มีใจซื่อสัตย์แล้วล่ะก็ ต่อให้ละเอียดรอบคอบมากขนาดไหนก็คงไม่มีประโยชน์อะไร”

หลีโม่มองไปที่ฮองเฮา นางเองก็ไม่อยากเสวนากับฮองเฮาวกไปวนมาเช่นนี้ จึงกล่าวขึ้นมาว่า “ฮองเฮา ที่หม่อมฉันมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องอยากจะขอร้องเพคะ”

“เอ๋?” ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมา ฮองเฮาเจตนาถามขึ้นมาอย่างตกใจว่า “คิดไม่ถึงว่าพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งเช่นเจ้ามีเรื่องจะขอร้องข้าด้วย? เรื่องในราชสำนักตอนนี้ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องซื่อเจิ้งที่เป็นคนจัดการ ส่วนเจ้าที่เป็นพระชายาของเขาก็เทียบเท่าได้กับฮองเฮาเช่นข้าแล้ว เกรงว่าแม้แต่ฮองเฮาเช่นข้ายังต้องเห็นแก่หน้าเจ้าด้วยซ้ำ ไม่ต้องบอกว่าขอร้องหรอก มีเรื่องอันใดท่านเพียงสั่งออกมาก็พอแล้ว”

แม้ว่านางจะพูดล้อเล่น แต่ความหมายของนางหากด้านนอกได้ยินก็ย่อมฟังออกว่ามันคือการกระแทกแดกดันอย่างยิ่ง

หลีโม่ลุกขึ้นมาถอนสายบัวอย่างรีบร้อน “ฮองเฮาอย่าพูดเช่นนี้เลยเพคะ หลีโม่รับไว้ไม่ได้เพคะ”

“นั่งลงเถิด ข้าพูดล้อเล่นกับเจ้าเพียงเล็กน้อยเอง ข้าย่อมรู้ว่าเจ้าไม่มีทางใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นท่านอ๋องของบ้านเจ้าอย่างแน่นอน”

ฮองเฮายื่นมือไปกดครู่หนึ่งแล้วพูด

หลีโม่แกล้งนั่งลงด้วยท่าทางหวาดกลัว ในใจของนางกลับรู้ความหมายประโยคนี้ของฮองเฮา

ที่เรียกว่าใช้อำนาจบาตรใหญ่ เป็นเพราะตอนที่ว่าราชการเช้าเมื่อวานนี้ ซือถูเย้นปฏิเสธข้อเสนอของการนำเรื่องเพิ่มภาษีขึ้นมาพิจารณาขององค์รัชทายาท เพราะงานอภิเษกอันยิ่งใหญ่ของอ๋องซื่อเจิ้ง ไท่ฮองไท่เฮาจึงมีราชโองการลงมาว่าให้ลดภาษีทุกชนิด เป็นเวลาครึ่งปี

ทว่าองค์รัชทายาทคิดว่าคลังทรัพย์สินของแคว้นในตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว และตอนนี้ก็เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ทุกพื้นที่มีรายงานว่าได้รับผลกระทบจากความแห้งแล้ง คลังทรัพย์สินของแคว้นจำเป็นต้องเอาเงินไปช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัย

มีคนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ทว่าเมื่อเสนอข้อนี้ไปแล้ว ซือถือเย้นกลับปฏิเสธออกมาโดยตรง แม้จะหารือกันก็ยังไม่จำเป็น

ใช้อำนาจบาตรใหญ่กับพวกเขาเช่นนี้ ทำให้พรรคพวกของฮองเฮากับไถ้ฝู้ไม่พอใจยิ่งนัก

หยางมามายกชาเข้ามา นางถวายชาให้ฮองเฮาก่อนจะยกให้หลีโม่

หลังจากถวายน้ำชาเสร็จแล้ว นางก็กลับมายืนอยู่หลังฮองเฮาอีกครั้ง

ฮองเฮายกชาขึ้นดื่มอย่างไม่ใส่ใจนัก อยู่ๆ ใบหน้าก็เปลี่ยนไป และคิดไม่ถึงว่าจะสาดถ้วยชาใส่หยางมามา พูดด่าออกมาอย่างรุนแรงว่า “ชาร้อนขนาดนี้ เจ้าอยากให้ลวกปากพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งตายหรืออย่างไรกัน?”

ถ้วยชานี้สาดไปที่หลังมือของหยางมามาโดยตรง หยางมามาไม่กล้าร้องออกมา คุกเข่าเราอย่างรีบร้อน “หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ฮองเฮาระงับโทสะด้วยเพคะ”

“ระงับโทสะงั้นหรือ? เจ้าออกจากวังไปหลายเดือน กลัวว่าจะคิดว่าตนเป็นเจ้านายแล้วกระมัง คิดไม่ถึงว่าแม้แต่จะรับใช้ผู้อื่นก็ทำไม่เป็นแล้วใช่หรือไม่? ถึงอย่างไรเจ้าก็อยู่ในวังหลวงมาหลายปี แต่กลับลืมหน้าที่ของตนเช่นนี้ ข้างช่างตาบอดจริงๆ ที่ส่งเจ้าไปอยู่ข้างกายพระชายา ทำให้ข้าขายหน้าจริงๆ”

น้ำเสียงแข็งกร้าวของฮองเฮา ล้วนพูดให้หลีโม่ฟังทั้งนั้น

เมื่อหลีโม่เห็นหลังมือของหยางมามาเริ่มแดงแล้ว ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาในใจ ทว่ายังไม่สามารถแสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทางสีหน้าได้ ไม่อย่างนั้น หยางมามาจะต้องได้รับบาดเจ็บยิ่งกว่านี้

นางก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ไม่จำเป็นต้องโกรธเช่นนี้ก็ได้กระมัง? หากบ่าวรับใช้ปรนนิบัติได้ไม่ถูกใจ เปลี่ยนคนใหม่ก็พอแล้วเพคะ”

เมื่อสิ้นเสียง นางก็ตำหนิหยางมามาเสียงดังว่า “ยังไม่รีบเก็บกวาดให้เรียบร้อยอีกหรือ? หากทำให้ฮองเฮาทรงพิโรธอีก แม้แต่พระชายาอ๋องซื่อเจิ้งเช่นข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว”

หยางมามารีบเก็บกวาดทำความสะอาด “เพคะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วเพคะ”

ฮองเฮามองหยางมามาเดินออกไป แล้วหันไปมองหลีโม่ช้าๆ “ช่างเป็นคนที่ไม่รู้กฎระเบียบจริงๆ”

คำว่าไม่รู้กฎระเบียบนี้ ว่าหยางมามาก็จริง แต่ก็เป็นการตำหนิหลีโม่กลายๆ เช่นกัน ว่านางที่สั่งให้หยางมามาออกไป ที่นี่คือพระตำหนักจิ่งหนิง ยังไม่ถึงคราวที่พระชายาอ๋องซื่อเจิ้งอย่างนางสั่งการ

หลีโม่แสร้งทำท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นเดิมว่า “พี่สะใภ้จะไปโกรธอะไรกับบ่าวรับใช้ล่ะเพคะ? จะกระทบต่อพระวรกายนะเพคะ”

นางพยุงฮองเฮาให้นั่งลง แล้วพูดว่า “ความจริงแล้ว ที่หม่อมฉันเข้าวังมาในครั้งนี้ ส่วนสำคัญก็เป็นเรื่องอ๋องเหลียงเพคะ”

เมื่อฮองเฮาได้ยินนางพูดถึงอ๋องเหลียง ในที่สุดสายตาก็ปกคลุมไปด้วยความโมโห “อ๋องเหลียง? โชคดีที่พระชายายังจำอ๋องเหลียงได้ ข้านึกว่าเจ้าลืมเขาไปนานแล้วเสียอีก”

“จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะเพคะ?” คราวก่อนหลีโม่คิดว่าจะพูดเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากรักษาอ๋องเหลียงแล้วออกมา “เวลานั้น อ๋องเหลียงโกรธมาก เขารีบไล่หม่อมฉันออกไปทันที ทั้งยังพูดว่าต่อไปไม่จำเป็นต้องให้หม่อมฉันรักษาอีก ตอนนั้น หม่อมฉันก็อยากเข้าวังมาปรึกษากับพี่สะใภ้ ทว่าตอนนั้นมันเกิดเรื่องขึ้นมากมาย พี่สะใภ้เองก็รู้ เรื่องราวในตอนนี้ล้วนสงบลงไปแล้ว หม่อมฉันรู้สึกว่ารีบหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดจะดีกว่า ได้ทำแล้วจิตใจถึงจะสงบลง”

ฮองเฮายิ้มอย่างเย็นชา “ช่างเถอะ เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องรักษาให้เขาแล้ว เขาเข้าวังมาบอกข้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ารักษาเขาแล้วล่ะ”

“พี่สะใภ้เพคะ ตอนนี้ข้ามีความมั่นใจมากจริงๆ เพคะ” หลีโม่กล่าว

“แม้จะมีความมั่นใจก็ไม่ได้ เขาบอกแล้ว ไม่มีทางรักษาได้อีกแล้ว”

หลีโม่พูดเสียงเบาๆ ว่า “ไม่ใช่การรักษาด้านนั้นเพคะ บอกกับอ๋องเหลียงได้ว่าการรักษาโรคลมบ้าหมู ก็คือโรคลมชัก อาจจะเจ็บขา แต่ตอนนี้หม่อมฉันเข้าใจวิธีการรักษาประเภทนี้แล้วเพคะ คือการฝังเข็มแบบเฟย ฝังเข็มตั้งแต่ส่วนศีรษะลงมาก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนอง...ตรงนั้น”

“ความหมายของเจ้าคือไม่จำเป็นต้อง...”

หลีโม่พยักหน้า “เพคะ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเพคะ”

สีหน้าของฮองเฮาดีขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อก่อนอ๋องเหลียงเข้าวังมา เพื่อบอกกับนางว่าไม่ให้ใครมารักษาอีก อีกทั้งยังโมโหขึ้นมา บอกว่าจะให้สตรีผู้หนึ่งมารักษาตรงนั้นให้เขาได้อย่างไร หากบอกว่าตอนนี้ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตรงนั้น และก็ไม่จำเป็นต้องฝังเข็มตรงนั้น ปัญหาทุกอย่างก็จะถูกแก้ไขแล้ว

ฮองเฮามองไปที่นาง “เจ้ามั่นใจจริงๆ หรือ? แต่ข้ากลับยังไม่วางใจ ถึงอย่างไรเจ้าก็เคยสัญญาว่าจะรักษาให้หายภายในสามเดือน”

หลีโม่โม่กล่าวอย่างจริงใจว่า “อ๋องเหลียงเป็นคนดี หม่อมฉันหวังให้เขาดีขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใด มีเพียงแต่ทำเพื่อเขาเท่านั้น”

“เจ้าพูดจุดประสงค์อื่นของเจ้ามาเถอะ ข้าไม่ชอบคนติดหนี้ใคร!” ฮองเฮากล่าวอย่างเย็นชา หากหลีโม่จะปลุกเร้าอารมณ์อารมณ์เช่นนี้เพื่ออ๋องเหลียง นางไม่เชื่อแน่นอน

สตรีเยี่ยงนี้ จะเชื่อได้หรือไม่?

หลีโม่ยิ้มแย้มกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็ให้หยางมามากับไปรับใช้หม่อมฉันต่อเถอะเพคะ หลายเดือนมานี้ หม่อมฉันชินกับนางแล้วเพคะ”

“แค่นี้หรือ?” ฮองเฮาไม่เชื่ออยู่บ้าง

“เพคะ แค่นี้เพคะ” หลีโม่กล่าว

ฮองเฮามองไปที่นางหลายครั้งอย่างอดไม่ได้ สุดท้ายก็พูดขึ้นมาว่า “เช่นนั้นก็เป็นเจ้าที่เสนอขึ้นมาเอานะ ข้าเองก็ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณอะไรกับเจ้าแล้ว ต่อไปอย่าได้เอาเรื่องนี้มาทวงรางวัลอะไรกับข้าล่ะ”

เมื่อก่อนนางคิดว่าว่าหลีโม่เป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีมาตลอด พระชายาอ๋องซื่อเจิ้ง แม่ตัวอย่างแห่งแผ่นดินอะไรกัน ตอนนี้กลับมาบอกว่าต้องการของรางวัล เห็นได้ชัดว่าจิตใจของนางเทียบเท่าไม่ได้กับจิตใจของหลีโม่ นางกับหลีโม่อยู่คนละชั้นกัน

หลีโม่พาหยางมามาจากไปได้อย่างราบรื่น และเป็นที่แน่นอนว่า หากนางรักษาอ๋องเหลียงไม่หาย หยางมามาก็ต้องกลับวัง และสิ่งที่รอนางอยู่ก็คือทางตายเส้นหนึ่งเท่านั้น

กล่องยาของหลีโม่วางเอาไว้บนรถม้า ดังนั้นหลังจากที่ขึ้นรถม้าไปแล้ว ก็รีบหยิบยาออกมาทาแผลโดนลวกของหยางมามาทันที

หยางมามาน้ำตาคลอเบ้า “พระชายาไม่จำเป็นต้องทำเพื่อบ่าวเลยเพคะ จ่ายความลำบากไปมากมาย บ่าวไม่คู่ควรจะได้รับมันเพคะ”

หลีโม้ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา ทายาต่อ แล้วพูดว่า “เมื่อก่อนมามาตามข้ามาอย่างไม่สนใจสิ่งใด ผ่านความเป็นความตามมาด้วยกัน หากจะให้ข้าทิ้งมามาไปตอนนี้ ข้าเสี้ยหลีโม่ก็เป็นคนต่ำช้าที่พอได้กระต่ายแล้วก็เอาสุนัขล่าเนื้อมาฆ่ากิน”

หยางมามาสูดจมูก “แสดงว่าบ่าวไม่ได้เดาผิดตั้งแต่แรก”

หลีโม่เงยหน้าขึ้นมา มองรอยมือบนใบหน้าของนาง “เพิ่งจะกลับเข้าวังเจ้าก็ถูกนางตบตี เห็นได้ชัดว่าแค่ระบายอารมณ์กับเจ้าเท่านั้น”

“ไม่เป็นไรเพคะ ไม่ต้องเสียทุกใจกับเรื่องของบ่าวเลย ความเจ็บปวดนี้ มันไม่ได้น้อยลงไปกว่าเมื่อก่อนเลยเพคะ”

เมื่อหลีโม่ได้ฟังคำพูดนี้ กลับรู้สึกประหลาดใจมาก “นางตบตีเจ้าด้วยมือของนางเองหรือเรียกให้คนอื่นมาตบเจ้า?”

“นางไม่มีทางลงมือด้วยตัวเองเพคะ ล้วนให้คนอื่นเป็นคนลงมือ แต่เมื่อใดก็ตามที่มีเรื่องไม่สบายใจ ก็จะระบายอารมณ์กับบ่าวรับใช้ในวังเพคะ”

“ข้าเคยคิดนะว่านางมีจิตวิญญาณของการเป็นฮองเฮามากเท่าไร”

เมื่อพูดมาเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าอารมณ์ของฮองเฮาดุร้ายเป็นอย่างมาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม