พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 314

ตอนที่ 314 อ๋องเหลียงดีขึ้นแล้ว

หลีโม่แต่งเข้าตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งมาสองเดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปถวายพระพรไท่กุ้ยเฟยเลย

ซือถูเย้นบอกมาแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องไป และแน่นอนว่าไท่กุ้ยเฟยเองก็ไม่อยากพบหน้านางเช่นเดียวกัน

และแน่นอนว่านางไม่มีทางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าทุกอย่างสงบสุข เพียงแค่ทุกคนต่างกำลังอดทนกันอยู่ทั้งนั้น

ในตำหนักหลังใหญ่แห่งนี้นอกจากจิ่นเฉิงแล้ว หลีโม่ค่อนข้างชอบสองคนที่เข้ามาใหม่อย่างชิงโม่กับชิงเฉิน พวกเขาสองพี่น้องอยู่ในตำหนักมาก็สามสี่ปีแล้ว

เมื่อก่อนพวกเขาคอยรับใช้อยู่ในเรือนไม้เซียวเซียงมาโดยตลอด เรือนไม้เซียวเซียงก็คือเรือนของซือถูเย้น ทว่าพวกเขาไม่สามารถเข้าไปในห้องนอนของซือถูเย้นได้ ได้แต่ช่วยจุดไฟให้ในที่ต่างๆ เท่านั้น

เรือนไม้เซียวเซียงไม่มีสตรี หลังจากหลีโม่แต่งเข้ามาก็มีเพียงเย้นเอ๋อร์กับหยางมามา ทว่าซือถูเย้นยังคงห้ามสตรีเข้าไปในห้องนอนของเขาอยู่ ต่อมาหลีโม่ขึงพูดกับเขาว่าถ้าเขาไม่เก็บกวาดทำความสะอาดเอง นางก็จะเป็นคนไปเก็บกวาดให้ เขาคิดเรื่องนี้อยู่หลายคืน ถึงได้ยอมให้หยางมามากับเย้นเอ๋อร์เข้าไปในห้องนอนของเขา

เขาไม่ชอบทำความสะอาด และไม่เต็มใจที่จะให้หลีโม่เข้าไปเก็บกวาด ได้แต่ยอมถอยประนีประนอมเท่านั้น

เมื่อก่อนทุกเรื่องในตำหนักจะมีซือจู๋กูกูเป็นคนดูแล ตอนนี้ซือจู๋กูกูไม่อยู่แล้ว ก็จะเป็นอาฝูที่ดูแลแทน เมื่อตอนนี้หลีโม่แต่งเข้ามาแล้ว นางเป็นฮูหยินใหญ่ เรื่องในตำหนักย่อมเป็นนางที่จัดการดูแล นางจึงเลื่อนตำแหน่งชิงเฉินสองพี่น้องขึ้นมา

อำนาจของอาฝูจึงถูกหลีโม่ควบคุมไปโดยปริยาย

และต้องไปสะกิดต่อมโมโหของไท่กุ้ยเฟยอย่างแน่นอน

หลีโม่ไม่คิดจะอ่อนข้อให้ เพราะว่า บางทีหากเป็นก้าวแรกที่เจ้าเป็นฝ่ายก้าวออกไปเองมันย่อมดีกว่าการถูกคนบังคับให้เจ้าก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าว

ตำแหน่งของรองพระสนมซุนในตอนนี้ค่อนข้างอึดอัดจนวางตัวไม่ถูก หลีโม่ไม่ได้พบนาง ซือถูเย้นเองก็ไม่ได้พบนางเช่นเดียวกัน แม้แต่กุ้ยไท่เฟยก็ไม่ต้องการจะพบนาง

ช่วงนี้นางกลับไปจวนของมารดา ทางนั้นก็ถามถึงความเคลื่อนไหวของตำหนักอ๋องซื่อเจิ้ง นางก็ไม่รู้จะตอบเช่นไร เมื่อก่อนยังพอมีข่าวคราวอยู่บ้าง แต่ตอนนี้นางไม่รู้อะไรเลย

นางเองก็กังวลใจไม่น้อย แต่ยังไม่มีที่ให้ลงมือ บ่าวรับใช้ในตำหนักต่างก็มีบรรทัดฐานในการดูแลแล้ว นางอยากจะสืบข่าวสักหน่อยมันก็เป็นเรื่องยากมาก

โชคดีที่ช่วงนี้หลีโม่เริ่มออกมาแต่เช้าแล้วกลับไปช่วงเย็น นางถึงได้เริ่มวางแผนอำนาจของตัวเองอีกครั้ง

ฮองเฮาไม่รู้ว่าต้องใช้วิธีการใด จึงพูดโน้มน้าวอ๋องเหลียงให้นางรักษาเขาต่อ และแน่นอนว่าไม่เพียงรักษาโรคลมบ้าหมูและอาการเจ็บเข่าเท่านั้น

ส่วนอื่นๆ ไม่มีใครพูดถึงมัน ทุกคนล้วนไม่พูดถึงมัน

หลายวันมานี้ นางศึกษาการฝังเข็มแบบเฟยอย่างหนัก แม้กระทั่งบนตัวของจิ่นเฉิงและชิงโม่ชิงเฉินสองคนก็เคยศึกษามาแล้ว การฝังเข็มแบบเฟยไปที่ศีรษะ มีหลายจุดที่ส่งผลต่อการรักษา จนถึงวันนี้หลีโม่ก็ยังไม่เข้าใจหลักการของมันมากนัก เพราะนางฝังเข็มไปบนตำแหน่งร่างกายที่ตรงกัน แต่ไม่มีผลต่อโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ของอ๋องเหลียงมากนัก ทว่ามันกลับบังเอิญมีประสิทธิภาพอย่างมาก

เพราะว่าหลังจากรักษามาได้แปดวัน นางเห็นสีหน้าของอ๋องเหลียงเริ่มไม่เครียดอย่างเห็นได้ชัด

วันที่เก้า นางจึงมาแต่เช้าตรู่

วันนี้ซือถูเย้นก็มากับนางด้วย วันนี้ไม่มีราชการเช้าจึงไปตำหนักอ๋องเหลียงกับนาง

ตอนที่อยู่บนรถม้า นางก็ถามหลีโม่ขึ้นมาว่า “คิดว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะใกล้ได้ผล?”

หลีโม่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “หากเมื่อวานข้าเดาไม่ผิดพลาด น่าจะหลังสามถึงห้าวัน ก็จะได้ผลแล้วล่ะ”

“จริงหรือ?” ซือถูเย้นรู้สึกประหลาดใจ ถึงอย่างไร โรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้ของอ๋องเหลียงมีเพียงเขา ฮองเฮาและไท่ฮองไท่เฮาเท่านั้นที่รู้ เขาหวังมาตลอดว่าเขาจะสามารถหายดีเป็นปกติได้ และให้กำเนิดบุตรได้เหมือนกับคนปกติ

“ประมาณนี้ล่ะ” อันที่จริงหลีโม่ไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนนัก ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ไม่ได้กำหนดก็ยังสามารถเห็นผลได้

วันนี้อ๋องเหลียงเองก็ตื่นแต่เช้าเหมือนกัน เมื่อก่อนหลีโม่ต้องมาปลุกเขาที่ตำหนักเสมอ เขาถึงจะยอมตื่น ทว่าวันนี้เขามารอหลีโม่ตั้งแต่เช้า

เมื่อเห็นซือถูเย้นก็มาด้วย เขาก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย “เสด็จลุงก็มาด้วยหรือ?”

“วันนี้ข้าว่าง เลยมาเยี่ยมเจ้าหน่อย” ซือถูเย้นมองเขาครู่หนึ่ง จึงพูดอย่างเคืองใจว่า “เจ้าเหมือนไม่ดีใจที่ข้ามาเลยนะ”

“ยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับเป็นอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ” อ๋องเหลียงรีบขึ้นมามาทันที ทว่ารอยยิ้มนั้นมันแข็งทื่อเกินไป

หลีโม่กล่าวว่า “พวกท่านคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวข้าจะเอาเข็มเข้าไปฆ่าเชื้อก่อน”

ตอนนี้หลีโม่มีเข็มอยู่หลายชุด เมื่อฝังเข็มให้อ๋องเหลียงก็ใช้ชุดใหม่ แต่ก็ใช่ว่าทุกวันจะทิ้งชุดหนึ่ง แม้จะไม่สุขอนามัยเท่าไหร่ ทว่านางยังคงต้องการเข็มเป็นอย่างมาก และเข็มเหล่านี้มันก็ไม่เหมือนกับที่ขายอยู่ด้านนอก เพราะให้คนหลอมโลหะชนิดพิเศษขึ้นมา ดังนั้น คนหนึ่งใช้ชุดหนึ่งนางจึงสามารถทำได้ หลังจากอ๋องเหลียงดีขึ้นแล้ว เข็มชุดนี้ก็สามารถเอาทิ้งได้

อ๋องเหลียงกับซือถูเย้นคุยกันพักหนึ่ง ก็เข้ามาแล้ว

ตอนแรกซือถูเย้นก็อยากเข้ามาด้วย ทว่าอ๋องเหลียงกลับห้ามเขาเข้ามา

เขาจึงทำได้แค่รออยู่ด้านนอกอย่างจำใจ

แต่ว่า ไม่ได้รอนานมากนัก หลีโม่ก็ถูกไล่ให้ออกมา

ซือถูเย้นเห็นหลีโม่สะพายกล่องยาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ขึงตะลึงงันเล็กน้อย “เร็วขนาดนี้เชียวหรือ?”

หลีโม่ขำก๊ากออกมาทันที “ไปกันเถอะ”

“ไปหรือ? เร็วเกินไปหรือไม่? แต่ก่อนหน้านี้จิ่นเฉิงเคยบอกว่าเจ้าอยู่ตำหนักอ๋องเหลียงตั้งครึ่งวัน แค่ประเดี๋ยวเดียวก็ไปได้แล้วหรือ? เช่นนั้นเมื่อก่อนเจ้าไปที่ไหน?” ซือถูเย้นมองนางอย่างสงสัย

หลีโม่ลากเขาเดินออกไป “ไปเถอะ ขึ้นรถม้าแล้วจะบอกเจ้าเอง”

อ๋องเหลียงร้องคำรามอยู่ในห้อง “เสี้ยหลีโม่ เจ้ากล้าพูดจาเหลวไหล ข้าจะฆ่าเจ้า”

ซือถูเย้นร้อง “เอ๊ะ” ขึ้นมาพร้อมกล่าวด้วยความโมโหว่า “เจ้าเด็กคนนี้จะก่อกฎแล้ว!”

หลีโม่ดึงสามีของตนออกไปอย่างมีความสุข “ไปกันเถอะ”

เมื่ออยู่บนรถม้า ซือถูเย้นถามหลีโม่ด้วยความสับสนว่า “มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เหตุใดเขาถึงไล่เจ้าออกมา?”

หลีโม่กระซิบข้างหูเขาสองประโยค ซือถูเย้นร้อง “อ๋า” ออกมา ถามอย่างตื่นตระหนกว่า “เจ้าเห็นหรือไม่?”

“ข้าเห็น แม้เสื้อผ้าของเขาจะดูหลวม แต่ก็สามารถเห็นส่วนที่โด่ขึ้นมาได้อย่างชัดเจน”

ใบหน้าของซือถูเย้นค่อยๆ ยิ้มออกมาอย่างชัดเจน “เช่นนี้ มันดีหรือไม่?”

“อย่างน้อยก็ได้ผลแล้ว”

“เขาก็ไม่น่ารีบไล่เจ้าออกมา” ซือถูเย้นแค่นเสียงเย็นชา

“ก็เข้าใจเขาหน่อยดีหรือไม่?” ในใจของหลีโม่นั้นดีใจมาก นอกจากจะดีใจที่อ๋องเหลียงสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพของบุรุษให้กลับมาเป็นปกติได้แล้ว และดีใจกับความมหัศจรรย์ของการฝังเข็มแบบเฟยอีกด้วย

ซือถูเย้นเอื้อมมือไปจับมือนางเอาไว้ กล่าวอย่างซาบซึ้งใจว่า “ข้าเป็นห่วงเขามาโดยตลอด ตอนนี้เขาดีขึ้นมาแล้ว ข้าดีใจมากจริงๆ”

หลีโม่เห็นว่าความซาบซึ้งใจของเขาไม่เพียงเพราะว่าอ๋องเหลียงสามารถเป็นชายชาตรีได้แล้ว แต่มันเหมือนกับมีความหมายแฝงที่มากกว่านั้น

นางครุ่นคิดถึงบางอย่าง “ท่านคิดว่า อ๋องเหลียงจะเป็นรัชทายาทได้หรือไม่?”

“มีตรงไหนที่เป็นไปไม่ได้? ในบรรดาองค์ชาย เขาโดดเด่นมากที่สุด แน่นอนว่าดูจากตอนนี้ย่อมเป็นเช่นนั้น ถึงอย่างไร องค์ชายองค์อื่นก็ยังอายุน้อยเกินไป ต่อไปก็ไม่แน่ว่าเมื่อเติบใหญ่แล้วจะโดดเด่นขึ้นมา ทว่าอย่างน้อยเขาก็ดีกว่าองค์รัชทายาทปัจจุบันมาก”

“ช่วงนี้ฮองเฮาไม่พอใจท่านมาก” หลีโม่กล่าวเตือน

“ไม่ต้องสนใจนางหรอก ไม่ว่าข้าจะทำอะไร นางก็ไม่มีทางเห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะข้ายังอยู่ในตำแหน่งนี้ นอกจากองค์รัชทายาทจะบริหารบ้านเมืองเอง นางถึงจะพอใจ” ซือถูเย้นกล่าวอย่างเรียบเฉย

หลีโม่ผายมือออก “ช่วงนี้ดูสงบมาก แต่พวกเราก็รู้ว่าวันดีๆ ยังอยู่อีกไกล”

ซือถูเย้นเอื้อมมือไปลูบรอยมีดบนแขนของนาง “เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนางหรอกนะ เมื่อมีรอยมีดเล่มนี้อยู่ นางไม่กล้าแตะต้องเจ้าหรอก พวกเราแอบระวังตัวเงียบๆ ให้มากขึ้นก็พอแล้ว”

รอยมีดนี้เหมือนกับไท่ฮองไท่เฮามาถึงด้วยตัวเอง และขุนนางทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตาม แม้แต่ฮองเฮาก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม