ตอนที่ 320 มารดาที่แสนดี
หลีโม่คิดว่าอ๋องเหลียงคงไม่กลับมาเร็วขนาดนั้น จึงพูดกับซูชิงว่า “เช่นนั้นพวกเราไม่ไปเยี่ยมหลิ่วหลิ่วด้วยกันเลยล่ะ”
ซูชิงจึงพูดขึ้นมาว่า “ข้าไปมาแล้ว แต่ถูกเหล่าไท่จุนไล่ออกมา เจ้าไม่เห็นว่าตอนนี้เหล่าไท่จุนไม่ได้สนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว หากต้องจับนางมัดก็จะจับนางมัดขึ้นเกี๊ยวดอกไม้ให้ได้”
หลีโม่คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องมันจะมาถึงขั้นนี้ นางเองก็คิดหาวิธีแก้ไขอะไรไม่ออก "เช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หรือว่าต้องให้หลิ่วหลิ่วออกเรือนไปกับคนที่นางไม่ได้รักอย่างนั้นหรือ?"
ซูชิงจึงพูดขึ้นมาว่า “เจ้ามีวิธีอะไรบ้างหรือไม่? เซียวโธ่เจ้าคนโง่เง่านั่นโตมามีแต่ขนจมูกไม่มีสมอง” ในขณะที่ทั้งสองกำลังกลัดกลุ้มกันอยู่นั้น ก็เห็นอ๋องเหลียงเดินกะโผลกกะเผลกกลับมา
เมื่อเขาเห็นหลีโม่กับซูชิง ก็ยกยิ้มขึ้นมาแล้วพูดว่า “มากันหมดเลยหรือ?”
หลีโม่ตอบไปว่า “ใช่แล้ว รอท่านมาครึ่งค่อนวัน”
อ๋องเหลียงนั่งลง และยังคงยิ้มเหมือนอย่างเคย “ข้าเข้าวัง”
“อืม ข้ารู้แล้ว เมื่อครู่คนในตำหนักท่านบอกข้าแล้ว” หลีโม่มองหน้าเขากลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขามันแปลกไปเล็กน้อย เหมือนรอยยิ้มนั้นมันคือรอยยิ้มที่ฝืนยิ้มออกมา
“ใช่แล้ว” อ๋องเหลียงถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เงยหน้ามองหลีโม่ “เจ้าอยู่ที่นี่ก็ดี ข้าอยากจะพูดเรื่องหนึ่งกับเจ้า ต่อไปเจ้าไม่ต้องมารักษาขาของข้าแล้ว”
หลีโม่มองเขาด้วยความตะลึง “ทำไมกัน?”
อ๋องเหลียงยิ้มบางออกมาแล้วพูดว่า “เช่นนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? คุ้นชินดี แต่จู่ๆ จะให้ข้าเดินได้เหมือนคนปกติ ข้ารู้สึกว่าข้าไม่คุ้นชินเท่าไหร่นัก อีกอย่างเจ้าเองก็เคยบอกว่าการรักษาจะต้องผ่าตัดกระดูใหม่ แค่ข้าคิดข้าเจ็บขึ้นมาแล้ว ข้าไม่ใช่คนที่จะทนกับความเจ็บปวดได้ ยอมไม่รักษาจะดีกว่า ”
ซูชิงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “เจ้านี่นะทนรับความเจ็บปวดไม่ได้? เมื่อก่อนถูกธนูยิง เจ้าไม่ร้องสักแอะ”
หลีโม่มองไปที่เขา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขามันพยายามยิ่งนัก ใบหน้าที่พยายามทำให้ดูดี ทว่ารอยยิ้มของเขากับปกปิดสายตาอันโศกเศร้าคู่นั้นไม่ได้
นางรู้ดีว่าที่ฮองเฮาเรียกเขาให้เข้าวังเพราะต้องการบอกให้เขายอมแพ้
ในใจของหลีโม่เดือดดาลยิ่งนัก เหตุใดฮองเฮาถึงทำเช่นนี้? จะต้องให้เขายอมรับกับความผิดหวังและความเจ็บปวดไปมากเพียงใด? จะให้คนผู้นี้ยิ่งเสียใจไปมากกว่าเดิมเช่นนั้นหรือ?
“สำหรับเรื่องความเจ็บปวด หม่อมฉันคิดหาหนทางได้แล้ว ขอเพียงแค่ท่านยินยอม” หลีโม่มองเขาพร้อมกับพูดออกมา
อ๋องเหลียงโบกมือ “ไม่หรอก เป็นเช่นนี้ก็ดีมากแล้ว จริงสิ ข้าจะแต่งงานแล้วนะ”
เขายิ้มออกมา มองซูชิงด้วยสายตาภาคภูมิใจ “ในที่สุดข้าก็ได้แต่งงานก่อนเจ้า”
ซูชิงถามด้วยความงุนงงว่า “เจ้าจะแต่กับสตรีตระกูลใดหรือ?”
“คุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน ผู้ที่เคยวางแผนจะแต่งงานกับเฉิงเสี้ยงผู้นั้น” อ๋องเหลียงกล่าว
หลีโม่แทบจะหักโต๊ะออกเป็นชิ้นๆ นางยิ้มเย็นชากล่าวว่า “ท่านเห็นด้วยงั้นหรือ?”
เขาไล่คนในจวนออกไปแล้ว ทำจิตใจให้พร้อมรอสตรีที่เขารัก แต่กลับถูกบอกว่าต้องแต่งงานกับคนที่เขาไม่ได้รักงั้นหรือ?
“เหตุใดข้าจะไม่เห็นด้วยล่ะ?” อ๋องเหลียงมองนางด้วยความแปลกใจ “คุณหนูใหญ่ตระกูลหลินเป็นสตรีที่ไม่เลวเลย รูปร่างน่าตาก็ดีมาก ฐานะก็ดี และที่สำคัญมากก็คือคุณหนูใหญ่ตระกูลหลินไม่มีน้องชายหรือพี่ชาย”
ไม่มีบุตรชาย ครอบครัวของภรรยาก็มีไม่มาก ดังนั้นจึงไม่มีทายาทสืบทอด สู่ขอคุณหนูใหญ่ตระกูลหลิน ต่อไปจะไม่มีอะไรมาคุกคามได้
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือตำแหน่งของใต้เท้าหลินไม่สูงนัก แทบจะไม่คุ้มค่าให้ใช้ประโยชน์อะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...