ตอนที่ 33 คำสั่งเสียของอ๋องเหลียง
กุ้ยไท่เฟยอดเอ่ยถามหย้วนพ่านไม่ได้ “อ๋องเหลียงไม่ได้เป็นโรคลมชักหรอกหรือ ไฉนจึงรุนแรงได้เพียงนี้ ข้าเคยได้ยินโรคลมชัก ประชาชนทั่วไปก็เป็นกันแยะ”
โรคลมชักนี้ถึงแม้ไม่เจอบ่อยนัก แต่ว่าประชาชนทั่วไปเองก็ได้ยินเป็นปกติ ไม่น่าจะสาหัสได้ขนาดนี้กระมัง
หย้วนพ่านเอ่ยอธิบาย “เรียนกุ้ยไท่เฟย ยามที่โรคลมชักกำเริบหากว่าจัดการได้ดี ย่อมไร้อุปสรรคเป็นธรรมดา แต่ถ้าหากจัดการไม่ดี มักจะมีอาการพ่วงต่อมากมาย และในความเป็นจริง ผู้ป่วยสามัญจำนวนมากที่โรคลมชักกำเริบ มีบางส่วนที่ตายลงเพราะหายใจไม่ออก ส่วนรัชทายาทสาหัสขนาดนี้นั้น เป็นเพราะว่าภายในระยะเวลาสั้นๆ กำเริบติดต่อกัน...” เขาชะงักลงเล็กน้อย นึกถึงคำของหลีโม่ขึ้นมา ก่อนกล่าว “ยิ่งยามที่อ๋องเหลียงกำเริบ มีเสมหะหรือไม่ก็เลือดไหลเข้าสู่หลอดลม เข้าไปในส่วนปอดทำให้เกิดอาการติดเชื้อในปอด ไม่อาจหายใจได้ จึงร้ายแรงได้ขนาดนี้”
ด้านนอกตำหนัก หลีโม่เฝ้าอยู่ข้างกายอ๋องเหลียง นวดเท้าทั้งสองแก่เขา ยามที่โรคลมชักกำเริบ ร่างกายจะแน่นขนัด กล้ามเนื้อไม่ได้รับการผ่อนคลาย ผ่านการนวดคลึงอย่างเหมาะสม ก็สามารถผละคลายความไม่สบายนี้ได้
การหายใจของอ๋องเหลียงยังคงติดขัด หลีโม่นึกอยากจะดึงเข็มออกมาจากกล่องเพื่อฝังเข็มให้เขาอยู่หลายครั้ง ทว่าติดอยู่ที่ซือถูเย้นไม่ยังเห็นด้วย ดังนั้นนางจึงไม่กล้าเร่งรัด อย่างไรเสีย ปัจจุบันนี้มีเพียงซือถูเย้นที่สนับสนุนนาง
นางแอบเหลือบมองซือถูเย้นแวบหนึ่ง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ถ้ายซือที่อยู่ด้านนอกศาลา ด้านข้างของเขาดูเย็นชายิ่งนัก โครงเส้นชัดเจน มองเห็นท่าทีไม่ชัด แต่ว่าเขาไม่ได้มองแม้แต่ทวารตำหนัก หลีโม่คาดเดา เขาไม่ได้สนใจเลยสักนิดว่าไทเฮากับฮองเฮาอภิปรายอะไรกันอยู่ด้านใน เนื่องจาก เขาได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่อาจแปรเปลี่ยนได้
“เสี้ยหลีโม่!” อ๋องเหลียงสูดลมหายใจ เรียกนางออกมา
เสี้ยหลีโม่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาพัดเอื่อยๆ อยู่ด้านข้างเขา “รัชทายาท ข้าน้อยอยู่นี่”
“เจ้า...” อ๋องเหลียงกลืนเสมหะ นึกอยากผงกศีรษะขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ว่า ลำคอถูกยึดไว้ เขาไร้หนทางผงกขึ้น ทำได้เพียงใช้มือสองข้างกำขอบเตียงแน่น บังคับขยับศีรษะเบาๆ “เจ้าล่มงานแต่ง เป็นเพราะว่า...รังเกียจข้าใช่หรือไม่”
หลีโม่ส่ายหน้า “ไม่ ข้าน้อยไม่รู้จักท่านอ๋อง จะรังเกียจท่านอ๋องได้อย่างไรเล่า ข้าน้อยเพียงแต่ไม่สบายใจที่ถูกคนหลอกใช้”
นางสามารถพูดตรงๆ กับอ๋องเหลียงได้ เพราะว่าเรื่องการถอนงานแต่งเกิดขึ้นแล้ว นางแก้ต่างมากเกินไป ก็รังแต่จะทำให้คนรู้สึกว่านางเสแสร้งเท่านั้น โดยเฉพาะอ๋องซื่อเจิ้งยังฟังอยู่ด้านข้าง
ศีรษะของอ๋องเหลียงจมลงไป ใบหน้าซีดเซียวค่อยๆ ผุดรอยยิ้มหนึ่งขึ้น เป็นรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ “เช่นนั้นก็ดี ข้าอภัยให้เจ้า”
หลีโม่มองเขาอย่างงงงวย เขาบอกว่าอภัยให้นาง? เรื่องถอนงานแต่งนี้เล่นงานเขารุนแรงขนาดนี้ ทำให้เขาเสียหน้าอย่างหนัก เขาบอกว่าอภัยให้นาง?
อ๋องเหลียงที่ดุดัน บ้าบิ่น โหดร้ายตามตำนานกล่าวจะสามารถพูดถ้อยคำเช่นนี้ได้?
“ข้าจะตายหรือไม่” อ๋องเหลียงเอ่ยถามอีก แต่ว่าในดวงตาราวกับว่าไม่ได้มีความใส่ใจเท่าไรนัก
ตอนที่อ๋องเหลียงเอ่ยประโยคนี้นั้น ซือถูเย้นเองก็หันหน้ามากลับมามอง เขาจ้องหลีโม่ ปรายตามีอารมณ์อันค่อนข้างซับซ้อน
หลีโม่เอ่ยจริงจัง “ในฐานะหมอของท่าน ข้าจะพยายามให้ถึงที่สุด ใช้ทุกวิถีทางทำให้ท่านมีชีวิตอยู่ต่อไป”
“ดี!” อ๋องเหลียงไม่ถามอีก เขาไม่ได้แสดงความเชื่อมั่นต่อหลีโม่ ทำเพียงราวกับเป็นเหมือนคนที่ใกล้ตายทุกๆ คนแบบนั้น ล้วนโอบกอดความหวังแห่งชีวิต ต่อให้ความหวังนี้จะอยู่ในแบบตอนที่เขาเองก็รู้ดี ว่าไม่อาจเป็นไปได้
ดวงตาของเขาค่อยๆ ปิดลง เขากล่าวประโยคนี้อย่างงึมงำ น้ำเสียงผะแผ่ว แทบจะไม่ได้ยิน
แต่ว่าหลีโม่ได้ยินแล้ว ได้ยินประโยคนี้ สะเทือนไปถึงขั้วหัวใจอย่างป้องกันไม่ทัน กระแทกไปยังส่วนที่เจ็บร้าวที่สุดในหัวใจนาง นางแทบจะกลั้นหยาดน้ำตาไม่อยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...