สรุปตอน ตอนที่ 40 ตบตาจวนรัฐ – จากเรื่อง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง
ตอน ตอนที่ 40 ตบตาจวนรัฐ ของนิยายโรแมนซ์เรื่องดัง พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดยนักเขียน ใบไม้แดง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 40 ตบตาจวนรัฐ
ทางฝั่งวังกัลปาสุข ไทเฮาได้ทำการวางแผนที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ว่า ในใจยังหลงเหลือความหวังเล็กๆ ถึงแม้ตัวนางเองก็รู้ว่าความหวังนี้ช่างริบหรี่นัก แต่อ๋องเหลียงเป็นหลานชายที่นางเอ็นดูที่สุด นึกว่าเขาต้องตายไป ในใจราวกับถูกกรีดแทงด้วยด้ามมีดแล้ว
ขณะที่กำลังเศร้าโศก ก็เห็นซุนกงกงวิ่งเข้ามาตามถนน ในปากกล่าวงึมงำ “ไทเฮา ไทเฮา อ๋องเหลียงดีขึ้นมากแล้ว อ๋องเหลียงดีขึ้นมากแล้ว”
ไทเฮาหยัดกายพรวดขึ้น สีพักตร์ปรีติเป็นอย่างยิ่ง “จริงหรือ?”
“จริงเจ้าค่ะ” ซุนกงกงตรงดิ่งมาคุกเข่าลง “ข้าน้อยเห็นด้วยตา สีหน้าก็ดีขึ้นมาก อีกทั้งการหายใจก็ราบรื่นนัก เห็นว่าหลับสนิทไปแล้วก็ไม่ปาน”
ไทเฮารีบตรัส “เร็วเข้า ไปเตรียมเสลี่ยงมา ข้าจะไปดูเสียหน่อย”
ตรัสพลาง นางก็กล่าวต่อกุ้ยไท่เฟย “เจ้าเองก็ไปพร้อมกัน ดูท่าเสี้ยหลีโม่คนนั้นจะมีความสามารถหลายขนัดอยู่จริงๆ”
สีหน้ากุ้ยไท่เฟยซีดขาว สำหรับเรื่องนี้ ผลลัพธ์ใดๆ นางก็ล้วนไม่ปรีดาทั้งสิ้น เนื่องจากถ้าหากเสี้ยหลีโม่รักษาอ๋องเหลียงหายดี ก็หมายความว่าจะต้องแต่งงานกับซือถูเย้น
แต่ถ้าหากเสี้ยหลีโม่รักษาอ๋องเหลียงไม่ได้ ก็จะลำบากมาถึงซือถูเย้นได้
ดังนั้น สภาพจิตใจของกุ้ยไท่เฟยในตอนนี้ขัดแย้งกันอย่างมาก ลูกสะใภ้ที่นางคาดหวังไว้นอกจากจะมีฐานันดรสูงศักดิ์แล้ว ยังต้องเมตตากรุณา และยังสามารถทำให้ซือถูเย้นได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวนางได้อีกด้วย
แต่ว่า เสี้ยหลีโม่ล้วนไม่มีคุณสมบัติทุกกระเบียดนิ้ว ข้อแรก นางเคยแต่งงานกับอ๋องเหลียง ชื่อเสียงเสื่อมเสียแล้ว ข้อสอง นางอยู่จวนรัฐไม่เป็นที่โปรดปราน เป็นบุคคลที่เสี้ยเฉิงเสี้ยงสละได้ตามอำเภอใจ ดังนั้นต่อให้แต่งกับอาเย้น ก็ไม่อาจได้รับการสนับสนุนจากเฉิงเสี้ยงได้อย่างจริงใจ สุดท้าย สตรีนางหนึ่งขอเพียงเรียนการบ้านงานเรือนก็พอแล้ว ผู้หญิงที่สามารถร่ำเรียนทักษะการแพทย์ จะต้องไม่ใช่พฤติกรรมที่ดีแน่
นางไม่สามารถยอมรับลูกสะใภ้เช่นนี้ได้
ดังนั้น เสี้ยหลีโม่ต้องตายไปเสีย นางตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว
เสลี่ยงยกมาถึงตำหนักยืนยาว ยังไม่ทันเข้าสู่ประตู ไทเฮากลับตรัสขึ้น “วางลงเสีย ข้าจะเดินเข้าไปเอง”
ซุนกงกงพยุงนางลงมา คนยังไม่ทันได้ยืนมั่น ก็เดินเข้าไปข้างในเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เสด็จแม่ ไฉนท่านจึงมาด้วยองค์เอง” ฮองเฮารีบออกมาต้อนรับ
ไทเฮาทอดเนตรมองเบื้องหน้า อ๋องเหลียงตื่นขึ้นหลังจากที่ซุนกงกงออกไป หลีโม่เพิ่งจะช่วยเขาเช็ดหน้าเสร็จ หลีโม่ยังช่วยเขาโกนหนวดเคราจนเกลี้ยงเกลา เห็นได้ชัดว่าคนทั้งคนมีชีวิตชีวาขึ้น ชะล้างกลิ่นอายของความเจ็บป่วยออก
เมื่อไทเฮาได้เห็น ขณะนั้นน้ำตาก็หลั่งรินลงมา “ดีเหลือเกิน ดีเหลือเกิน”
นางลูบมือของซุนกงกง “เร็วเข้า ประคองข้าเข้าไป”
ซุนกงกงกล่าวพลางยิ้ม “ช้าหน่อยเจ้าค่ะ ระวังขั้นบันได”
หลีโม่คุกเข่าลง “ข้าน้อยเสี้ยหลีโม่เข้าเฝ้าไทเฮา”
“เจ้าลุกขึ้น เจ้าทำความดีความชอบ รีบลุกขึ้นมา” ไทเฮาดีพระทัยอย่างกับอะไรดี ล้วนลืมเลือนไปแล้วว่าคืนวานปฏิบัติต่อหลีโม่อย่างไร
หลีโม่กล่าวขอบพระทัย หยัดกายขึ้นมายืนคอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง
ไทเฮานั่งบนแท่นนอน ทอดมองอ๋องเหลียง อ๋องเหลียงนึกอยากผงกหน้าขึ้น แต่กลับถูกหลีโม่เอ่ยห้ามหรามเอาไว้ “ไม่อาจเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้”
อ๋องเหลียงกลอกตาขาว “อย่ามากเรื่อง พูดเหลวไหลยิ่ง”
ไทเฮากล่าวเตือน “ไม่อนุญาตให้พูดมากความ จะต้องฟังคำของไต้เท้า”
ฝูงชนมองไทเฮาอย่างงงงวย แทบจะคิดว่าตัวเองหูเฟื่อนไปแล้ว
อ๋องเหลียงหัวเราะฮ่าๆ ออกมา “เสด็จย่า อย่าคิดว่าหลานไม่ได้ยินคำพูดที่พวกท่านพูดกันเมื่อวาน”
หรือจะกล่าวอีกอย่างคือ อ๋องเหลียงได้ยินคำพูดเมื่อวานที่นางด่าทอหลีโม่หมดแล้วนั่นเอง
ช่วงเวลาที่หลีโม่ทำการรักษาอ๋องเหลียง จื่นเฉิงก็มาหาซือถูเย้น “ท่านอ๋อง เมื่อครู่มีองครักษ์เข้าเวรบอกกับข้าน้อยว่า คนในจวนรัฐมีสืบถามสาเหตุที่คุณหนูใหญ่อยู่ในวังอยู่ตลอด”
ซือถูเย้นเพิ่งกลับมาจากห้องโถงใหญ่ วันนี้เสี้ยเฉิงเสี้ยงขอลาไม่ทำกิจรุ่ง เขาก็รู้ว่าคนผู้นี้แสร้งทำ
ในดวงตากลับผุดแววเย็นเยียบขึ้น “หาคนไปบอกพวกเขา บอกว่าไทเฮากับพระนางฮองเฮากำลังสอบสวนเรื่องการถอนงานแต่งของเสี้ยหลีโม่และจวนรัฐ ส่วนเสี้ยหลีโม่ ได้ถูกส่งเข้าวังเย็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
จื่นเฉิงนิ่งงัน “นี่เพื่ออันใดเล่า”
“ดูละคร” ท่าทางของซือถูเย้นนั้นไม่อาจคาดเดาได้ จื่นเฉิงล้วนดูไม่ออกว่าเขามาไม้ไหนกันแน่
“แต่ว่า พระนางหมุยเฟยอยู่ที่นี่ เกรงว่าจะมีข่าวคราวแพร่ออกไป” จื่นเฉิงกล่าว
ซือถูเย้นกล่าวเบาๆ “นับแต่เสี้ยหลีโม่เข้าวัง จนมายังตำหนักยืนยาว ล้วนถูกปิดกั้นเรื่อยมา รอบข้างไม่อาจเข้ามาได้ ส่วนคนที่เฝ้าปรนนิบัติอยู่ในตำหนัก ก็ได้รับคำสั่งเด็ดขาด ไม่อนุญาตให้ใครรู้ว่าเสี้ยหลีโม่รักษาอาการให้อ๋องเหลียง ฝั่งหมุยเฟยเองก็ไม่อาจได้รับข่าวสารได้เลย”
“แต่ว่า หมอหลวงหลิวและวังหมุยเฟยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน กลัวแต่ว่าหมุยเฟยจะได้รับข่าวสารจากหมอหลวงหลิวทางนั้น”
“เช่นนั้นก็ทำให้หมอหลวงหลิวเองยังต้องคิดว่าเสี้ยหลีโม่ถูกขังไว้ในวังเย็นด้วยสิ” ซือถูเย้นกล่าวเบาๆ
จื่นเฉิงถึงแม้ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่ว่าฟังดูช่างน่าสนุกยิ่งนัก ก่อนกล่าว “ดี ข้าน้อยจะไปทำตามนี้”
ซือถูเย้นแสยะเรียวปากขึ้น แย้มรอยยิ้มซุกซน
ประจวบกับที่หลีโม่หันหน้ามาพอดี มองเห็นรอยยิ้มนั้นของเขา แน่นิ่งด้วยไม่รู้ตัว ในใจก็อดยอมรับไม่ได้ อันที่จริงเขาไม่ได้มีหน้าเดียวเสมอไป ไม่ได้มีสีหน้าเย็นชาอย่างเดียว แต่ยังดูเข้ากับคนได้ดี
ไร้สติอย่างนิ่งทื่อ จนซือถูเย้นเองก็มองตอบนาง แต่ไม่ได้ยื่นมือไปโบกเรียกนางคืนสติ
หลีโม่ละสายตา เดินเข้าไปหาอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก “ท่านอ๋อง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...