ตอนที่ 411 ยัยหมาแก่กับไอ้บ้านนอก
ฮูหยินแก่สวมชุดสีแดงนั่งอยู่ใจกลางห้องโถง โน้มตัวเล็กน้อย กำลังคุยกับเหาเย๋
นางมีอายุมากแล้ว บนใบหน้ามีแต่รอบเหี่ยวย่น บนศีรษะประดับด้วยเครื่องหยกเครื่องมุกต่างๆ แล้วยังแต่งกายเป็นสีมงคลด้วย ราวกับวันนี้นางเป็นเจ้าสาว แต่ไม่ใช่แขก
“สินสอดไม่ต้องมากมาย ประมาณ 10 กว่าตำลึงก็พอ ส่วนทรัพย์สินฝั่งเจ้าสาวนั้น.......” นางหันหน้าไปหาเฉินไท่จูนที่อยู่ด้านข้าง “ยัยหมาแก่ บ้านเรามีเงินทองเท่าไร?”
เฉินไท่จูนรักสมบัติ นี่เป็นเรื่องจริง หลายปีมานี้เขาหาเงินได้ไม่น้อย เมื่อพูดถึงสินสอด นางก็ไม่อยากจะลดให้ เพราะสมบัติฝั่งเจ้าสาวนั้นมีมาก
ได้ยินฮูหยินแก่พูดว่า 10 ตำลึง ถูกจนแทบจะให้ฟรี นางสีหน้าไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินฮูหยินแก่เรียกนางว่าหมาแก่ นางหน้าเสียเลย แต่ต้องรักษามารยาท นางก็ยังตอบอย่างมีมารยาทว่า “บ้านเรามีคนเยอะ ค่าใช้จ่ายสูง ก็ไม่มีสมบัติอะไรมากมาย ก็ประมาณ......” นางยกนิ้วมือขึ้นมานับ ประมาณว่าสินสอด10ตำลึง ให้สมบัติฝ่ายหญิงมาตั้งตัว 100 ตำลึงก็พอ
ฮูหยินแก่พยักหน้า แล้วพูดกับเซียวเหาเย๋อย่างดีใจว่า “สมบัติฝ่ายเจ้าสาว พวกเราให้1หมื่นตำลึง”
เฉินไท่จูนคว้ามือนาง “ไม่ๆ ฮูหยินแก่ พวกเราให้ได้แค่........”
“หมื่นตำลึง?” ฮูหยินแก่ตาโต “เจ้ามีเงินมากขนาดนั้นหรือ? ดีนักนะเจ้า ยัยหมาแก่ เจ้าเก็บไว้เยอะขนาดนั้นหรือ?”
หลีโม่พุ่งขำออกมา แล้วเห็นสายตาอาฆาตของเฉินไท่จูนมองมา นางก็รีบหันหน้าไปหลบที่หน้าอกของซือถูเย้น
ซือถูเย้นเหมือนจะชินแล้ว ก็เลยไม่รู้สึกตลกอะไร
หลีโม่ถามเบาๆว่า “ทำไมถึงเรียกเฉินไท่จูนแบบนั้น?”
“พ่อเลี้ยงของเฉินไท่จูนแซ่โก่ว(พ้องเสียงกับคำที่แปลว่าหมา) ประเพณีของบ้านฮูหยินแก่คือถ้าหญิงสาวแต่งงานแล้ว ต้องเติมคำว่า เหล่า ที่แปลว่า แก่ ไว้หน้าแซ่ด้วย เช่นเจ้า แซ่เสี้ย ก็เป็น เหล่าเสี้ย แม่เจ้า เหล่าหลี่ ” ซือถูเย้นอธิบาย
นางก็เข้าใจดี เพราะปัจจุบันบางพื้นที่ก็ใช้แบบนี้
“เฉินไท่จูนแซ่โก่วหรือ? ไม่ได้แซ่เฉินหรอกหรือ? ” หลีโม่จำได้ว่าเฉินไท่จูนแซ่เฉิน ตอนนั้นก็ยังเคยถามว่าทำไมสามีภรรยาล้วนแซ่เฉินเหมือนกัน
“พ่อเลี้ยงแซ่โก่ว จากนั้นก็ใช้แซ่ตามพ่อแท้ๆ”
“มีพ่อเลี้ยงแล้วพ่อแท้ๆ ฟังแล้วน่าจะเป็นคนที่มีเรื่องราวชีวิตที่น่าสนใจนะ” หลีโม่กล่าว
ซือถูเย้นหัวเราะเล็กๆ “เรื่องราวเฉินไท่จูนหรือ? เล่า3วัน3คืนก็ไม่หมด”
ทางฝั่งห้องนั้น กำลังตกลงเรื่องสินสอดอย่างเมามัน แต่เซียวเหาเย๋ไม่พูดแทรกสักคำ มีแต่เฉินไทจูนและฮูหยินแก่ที่พูดกันสองคน
สุดท้าย ฮูหยินแก่ก็ถูกนางพูดจนโมโห เอามือตบโต๊ะ “ยัยหมาแก่ เจ้ายังกล้าปีนเกลียวคนแก่อย่างข้าหรือ? เจ้าก็รู้ดีอยู่ หลิ่วหลิ่วของพวกเราแต่งงานออกไปก็นับเป็นเรื่องดีแล้ว เจ้ายังอยากจะเอาสินสอดอีกสักเท่าไรกัน? แถมเงินให้ก็แถมไป พวกเราไม่มีปัญญาให้เงินหรือ?”
เฉินไท่จูนเห็นฮูหยินแก่โมโห ก็เลยไม่กล้าพูดอีก เพราะว่าฮูหยินแก่โมโหจนหอบแล้ว นางร่างกายไม่ค่อยดี ถ้าโกรธจัดจะเป็นลม ถึงแม้จะไม่พอใจด้วยแต่ก็อดทนไว้
ส่วนเซียวโธ่ก็สะกิดหลังเซียวเหาเย๋ แล้วพูดเบาๆว่า “ท่านปู่ ให้เยอะๆหน่อย สมบัติฝ่ายเจ้าสาวของพวกเขาเยอะมาก ยังมีอาวุธอีกตั้ง 18 ชนิดด้วย”
เซียวเหาเย๋ก็โมโหหันมาจ้องเขา “เจ้าจะรู้อะไร? หลบออกไป”
เซียวโธ่ก็ก้มหน้าอยู่ข้างหลัง พูดบ่นๆว่า “ตอนนี้พี่ใหญ่จะแต่งกับองค์หญิงแล้ว ต้องใช้เงิน ทำไมขี้เหนียวขนาดนี้? ให้เยอะหน่อยจะเป็นไรไป? ไม่ได้ขูดเลือดขูดเนื้อเสียหน่อย”
หลีโม่ลากซือถูเย้นออกมา นางไม่เคยเห็นการตกลงเรื่องสินสอดแบบนี้ ก็หัวเราเยาะ
ตอนกำลังจะออกมา นางได้ยินฮูหยินแก่โมโหถามเฉินไท่จูนว่า “จะบอกชัดๆ สินสอดเท่าไร? ถ้าเยอะไปเขาไม่เอาจะทำอย่างไร? 10ตำลึงยอมไหม? ถ้ายอมก็เป็นอันตกลง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...