พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 42

สรุปบท ตอนที่ 42 อ๋องเหลียงใจกว้าง: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอนที่ 42 อ๋องเหลียงใจกว้าง – ตอนที่ต้องอ่านของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอนนี้ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 42 อ๋องเหลียงใจกว้าง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 42 อ๋องเหลียงใจกว้าง

หลีโม่หันกลับไปใช้นิ้วก้อยปาดยาขึ้นมา เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ทำให้เกือบบิดคอกลับมาในทันที

นางเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเข้ากับหยางมามากำลังมองมาที่นางด้วยแววตาตักเตือนอยู่ในสายตา

หลีโม่เข้าใจได้ในทันที คำพูดเรียบๆ ของซือถูเย้นที่ฟังดูเหมือนว่าทุกอย่างมันจะผ่านไป แต่ในความเป็นจริงแล้วเปรียบเสมือนปลายมีดที่ซ่อนเร้น เขาแค่ลองหยั่งเชิงนางเท่านั้น

จิตใจที่เพิ่งจะผ่อนปรนลงของหลีโม่ ก็กลับอึดอัดไม่สบายใจอีกครั้ง

ใช่ ถึงแม้ว่านางจะช่วยอ๋องเหลียงไว้ได้ แต่ก็ไม่สามารถลบความเสียหายของสัญญาแต่งงานที่นางมีต่ออ๋องเหลียงต่อราชวงศ์ได้ มันสามารถมองออกได้ ตั้งแต่อ๋องซื่อเจิ้งรักษาการณ์อยู่ที่นี่ในสองวันนี้ เขาแคร์อ๋องเหลียงมาก

เขาให้ความสำคัญกับครอบครัว โดยการปกป้องคุ้มครองครอบครัวนี้ไว้

ประโยคนี้ ดูเหมือนเป็นการถามด้วยคำพูดราบเรียบ ไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์ความรู้สึกใด ๆออกมาด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่าหลีโม่จะตอบไปว่าถอนหมั้นหรือไม่ถอนหมั้น มันก็ผิดทั้งนั้น

หากนางตอบรับ ก็ยิ่งทำให้มองไม่ออกถึงความแค้นเคืองของอ๋องเหลียงแต่อย่างใด หากนานงไม่ตอบรับ ฮองไทเฮาก็จะทรงประทานให้แต่งงานกัน นางมีสิทธิ์อะไรจะไม่ตอบรับละ? นั้นเท่ากับค้านพระราชกฤษฎีกาอย่างไม่เคารพนะสิ

เมื่อพูดพึมพำกับตัวเองสักพัก หลีโม่ก็พูดขึ้นว่า “สองวันมานี้หม่อมฉันดูแลแต่อาการป่วยของอ๋องเหลียง จึงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน ตอนนี้หม่อมฉันก็คิดแค่แผนการการรักษาอ๋องเหลียงครั้งต่อไปได้แล้ว นั้นคือการระบายน้ำหนองออกเรื่อย ๆ ซึ่งมันอาจมีอันตรายอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้กระดูกที่หักของอ๋องเหลียง ได้รับการรักษาเพคะ”

ซือถูเย้นหัวเราะอย่างเยือกเย็นออกมา “เมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็จงทำอย่างเต็มที่”

“สถานะของหม่อมฉันในตอนนี้คือการเป็นหมอของอ๋องเหลียงเตี้ยนเซี่ยเพคะ ในความคิดทั้งหมดย่อมเกี่ยวกับอาการป่วยของอ๋องเหลียง ไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องอื่นหรอกเพคะ”

ซือถูเย้นยืนขึ้นทันใด จากนั้นก็หันกลับไปจ้องมองหลีโม่ใกล้ๆ ด้วยแววตาแผดเผา หลีโม่ตกใจถอยหลังทันใด จากนั้นก็มองไปทางเขาด้วยความระแวดระวัง

ซือถูเย้นยื่นนิ้วออกไป เชยคางของนางขึ้นมา พร้อมเดินขึ้นหน้า ร่างกายที่สูงชะลู่ได้ก่อเกิดความรู้สึกคุกคามอย่างแรงกล้าต่อหลีโม่ “งั้น ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าสามารถคิดพิจารณาได้”

หลีโม่ไม่กล้ามองตาของเขา หากดวงตาคู่นั้นเปรียบเสมือนไฟ น้ำ ธนูเย็น ที่อยู่รวมกันมากเกินไป มันก็จะกลับกลายเป็นภาพลวงตา สถานะที่สูงเกินไปของคนผู้นี้ทำให้หลีโม่ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองนั้นไม่ได้เป็นคู่ปรับของเขาแต่อย่างใด

การเป็นหน่วยงานลับที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนมาหลายปีทำให้นางเข้าใจเหตุผลข้อหนึ่ง นั้นคืออย่าเล่นกลอุบายกับคนที่มีฐานันดรสูงผู้นี้ เพราะทุกคำพูดและการกระทำของเจ้าจะทำให้เขาสืบเสาะเข้าไปในจิตใจของเจ้าได้ ดังนั้นจึงต้องเปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างซื่อสัตย์เท่านั้น

ในช่วงเวลากลางวัน ได้ทำการระบายน้ำหนองอีกครั้ง ครั้งนี้ หมอหลวงทุกคนต่างก็มาดูกันอยู่ที่นี่ เมื่อเห็นหลีโม่ใช้วิธีการรักษาด้วยการฝังเข็มและการกดจุดอย่างชำนาญ ทุกคนต่างก็เกิดความคิดที่แตกต่างกัน

ท่านหมอหลวงหลิวที่ถูกใต้เท้ารองหย้วนพ่านสำเร็จโทษก็มาด้วย เขาไม่ยอมรับโทษ จึงถูกฮองไทเฮาเรียกไปตำหนิยกใหญ่

หลังจากที่หลีโม่ทำการระบายน้ำหนองเสร็จเรียบร้อย ก็ไปล้างมือ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่หมอหลวงหลิวเดินเข้าไปพอดี จากนั้นก็ใช้น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงพูดกับนางว่า “คุณหนูมีวิชาการแพทย์ที่สูงมาก”

เมื่อหลีโม่เงยหน้าขึ้น ก็เห็นแววตาที่ฉายความเกลียดชังและความอิจฉาออกมาจากในสายตาของเขา “ถ้าเหมือนกับคนที่ใจแคบเช่นเจ้า การพัฒนาวิชาทางการแพทย์ก็คงจะหยุดอยู่ที่เดิมไม่ก้าวไปข้างหน้านะสิ”

หมอหลิวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ใช่หรือ? ข้าชักอยากดูแล้วสิ ว่าเจ้าจะมีความชำนาญมากแค่ไหน”

หลีโม่ไม่สนใจเขา จนกระทั้งเดินออกไป

หมอหลวงที่อยู่ในที่แห่งนี้ ไม่มีใครชื่นชมนางจากใจจริงเลย เว้นเสียแต่ใต้เท้าหย้วนพ่าน

สีหน้าที่แสดงออกถึงความเคารพต่อนาง เพียงเพราะนางได้รักษาอ๋องเหลียงเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง จึงได้รับคำชื่นชมจากฮองไทเฮา

ในราชวงศ์นี้ มีแต่สถานที่ที่แปลกประหลาดจริงๆ เป็นหมอ ไม่ศึกษาร่ำเรียนวิชาหมอให้ดี ๆ แต่กลับกระโจนเข้าหาการแก่งแย่งอำนาจกัน มิน่าล่ะพวกหมอหลวงถึงได้มีพื้นฐานกัน

และก็แปลก คำว่าหมอมีเพียงแต่ราษฎร์พื้นเมืองที่ใช้เรียกกัน แต่ในวัง กลับเรียกว่าหมอหลวง อย่างเป็นทางการ แต่หากในกรณีที่สนใจแต่สถานะมากกว่าหน้าที่ตน มันก็จะเสื่อมเสีย อำนาจก็จะย่อมเหนือกว่าวิชาหมอไปโดยสิ้นเชิง

อ๋องเหลียงหันข้างไปมองนาง เมื่อเห็นผมของนางที่ดูรวบขึ้นให้ดูทะมัดทะแมง นั้นได้ร่วงหล่นลงมาสองถึงสามเส้นนางกลับมีเสน่ห์ปรากฏออกมาจากความสามารถในการทำงานนั้น จึงอดที่จะพูดขึ้นไม่ได้ว่า “เสี้ยหลีโม่ดูงดงามกว่าเสี้ยโล่เยว่เสียอีก”

หลีโม่จึงพูดขึ้นว่า “เอาข้าไปเปรียบเทียบกับนาง ถึงแม้ว่าจะพูดโอ้อวดว่าข้าเป็นดั่งเทพบนสรวงสวรรค์นั้น ข้าไม่คิดว่านั้นเป็นการชื่นชมสรรเสริญหรอก”

อ๋องเหลียงหุบยิ้มทันใด “เจ้านิหยิ่งยโสโอหังมากเสียจริง”

หลีโม่มองไปทางเขา ริมฝีปากเหมือนจะเอื้อนเอ๋ยออกมา แต่กลับอัดอั้นตันใจเอาไว้ยากจะพรรณนาออกมาได้

อ๋องเหลียงมองออก จึงได้ถอดถอนใจออกมา “มีอะไรก็พูดออกมา เจ้าช่วยชีวิต ข้าไว้ ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรผิด ข้าก็จะไม่ตำหนิเจ้า”

หลีโม่เอ๋ยเบาๆออกมาว่า “ขอประทานอภัยเพคะ”

อ๋องเหลียงอึ้งงันไป พร้อมกับมองไปทางนางด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะนึกว่านางจะพูดอธิบายถึงเรื่องการถอนหมั้น เพราะเขาเองก็กำลังรอฟังคำอธิบายและความรู้สึกอึดอัดใจครั้งใหญ่อยู่

แต่กลับพูดแค่คำว่าขอโทษ?

อ๋องเหลียงยิ้มออกมาบางๆ “ ข้าให้อภัยเจ้า”

“ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ไม่ถือโทษโกรธหม่อมฉัน” หลีโม่ยิ้มอย่างสดใสออกมา แต่รอยยิ้มนี้ ไม่ได้แสดงออกถึงการผ่อนคลายแต่อย่างใด นางเองก็ไม่กล้าหวังจะให้อ๋องเหลียงให้อภัยนางเช่นกัน

อ๋องเหลียงจัดการท่านอนเล็กน้อย จิตใจดูสงบ “จริงๆแล้ว ข้าโกรธมาก ถึงขึ้นเกิดความรู้อยากฆ่าเจ้าขึ้นมาในใจเลยทีเดียว แต่หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้ว กลับรู้ว่าไม่ควรโทษเจ้า เจ้าเองก็ถูกใช้ประโยชน์เช่นกัน ข้าจึงไปขอคำปรึกษาจากพ่อแม่ของเจ้า ถึงเรื่องของ เสี้ยโล่เยว่น้องสาวของเจ้า”

หลีโม่นึกไม่ถึงว่าอ๋องเหลียงจะมีความยุติธรรมและสมเหตุสมผลเช่นนี้ เรื่องนี้ แม้แต่คนธรรมดาทั่วไปก็ไม่อาจมองเห็น เขามีสถานะถึงรัชทายาทของกษัตริย์ มีความน่าเคารพอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ มีสิทธิ์ที่จะควบคุมตัดสินความผิดพลาดของผู้อื่น แต่กลับให้อภัยนางอย่างสบายๆ?

หลีโม่รู้สึกว่าข่าวลือด้านนอกนั้นไม่น่าเชื่อถือขึ้นมาอีกครั้ง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม