พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 44

ตอนที่ 44 เฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวัง

เดิมที เฉิงเสี้ยงเสี้ยตั้งใจมาเข้าเฝ้าฮองเฮาแต่ก็ไม่ได้เข้าเฝ้าแต่อย่างใด จึงเลยคิดว่าเป็นเพราะฮองเฮากำลังอยู่ในช่วงทรงกริ้วมากอยู่ จึงไปทำการขอเข้าเฝ้าฮองไทเฮาแทน

องครักษ์ด้านหน้าวังพูดขึ้นว่า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง เฉิงเสี้ยงเสี้ยและหมุยเฟยเหนียงเหนียงไปตำหนักโส้อานแล้วพะยะคะ ทรงเชิญฮองไทเฮาเสด็จด้วยพะยะคะ”

ฮองเฮาทรงไม่พอพระทัยอย่างมาก “ก่อแต่เรื่องวุ่นวาย ต้องการเชิญฮองไทเฮาเสด็จด้วย แล้วจะมาขอเข้าเฝ้าเปินกงทำไมกัน?”

ฮองเฮากลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก และตรงไปยังหลีโม่ต่อ

แต่หลีโม่ได้ทำจุดรมยาแล้วเรียบร้อยแล้ว เพื่อทำการรมยาตรงส่วนกระเพาะของอ๋องเหลียง

นางคุกเข่าอยู่ข้างเตียง ใบหน้าจริงจรัง พิถีพิถัน ความกลัวจนหัวหดเหมือนเมื่อครั้งตอนเข้าวังมาใหม่ๆไม่มีอีกแล้ว นางในตอนนี้ คือหมอที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองคนหนึ่งเท่านั้น

ในสายตาเบื้องนางของฮองเฮา ในตอนที่นางกรองน้ำดอกคำฝอยออกมาก็สร้างความขัดเคืองอยู่ภายในใจไม่น้อย หากแต่งงานกับฮ่าวเอ๋อ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย

แต่ขอแค่เพียงผ่านปีนี้ไป ถึงอย่างไร นางก็ได้ถอนหมั้นต่อหน้าทุกคนแล้ว หากนางยอมตกลงเป็นพระชายาของอ๋องเหลียง ต้องถูกทุกคนหัวเราะเยาะเป็นแน่

ฮองเฮาถือโอกาสที่หลีโม่กำลังทำการรมยาเข้าไปนั่งกลึงลูกประคำท่องพระคัมภีร์อยู่ด้านข้าง

การรมควันใช้เวลาค่อนข้างนาน การท่องคัมภีร์พระพุทธศาสนาของฮองเฮาก็ไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะนางเอาแต่คิดถึงคำพูดเมื่อสักครู่ของหลีโม่ตลอดเวลา

ในใจของนางเกิดความสับสนวุ่นวาย ราวกับทั้งรู้สึกชอบทั้งรู้สึกหวาดกลัว นางไม่กล้ารอ แต่ก็ต้องอดทนรอไม่ได้

เมื่อนึกย้อนกลับไปในปีนั้น หมอหลวงได้กล่าวกับนางอย่างโหดร้าย ว่าขาของอ๋องเหลียงร้ายแรงมาก ทำลายส่วนสำคัญของร่างกาย หลังจากนี้อาจจะไม่สามารถมีวิถีแบบมนุษย์ และไม่สามารถมีลูกหลานสืบทอดสกุลได้อีก

เรื่องนี้ ดุจดั่งฟ้าผ่าตอนกลางวัน ทำให้ดวงใจทั้งดวงของนางแตกสลาย

แต่ไหนแต่ไรมาเขามีโอกาสที่จะได้กลายเป็นไท่จื่อมากที่สุด แต่กลับเพราะไม่สามารถใช้วิถีแบบมนุษย์ได้ ความหวังจึงขาดสะบั้น

ตลอดชีวิตนี้ของนาง ฐานะดั้งเดิม ธิดาในตระกูลที่มีชื่อเสียง เข้าวังมาเป็นฮองเฮา มียศฐาบันดาลศักดิ์เหลือนับคนา ชีวิตของนางสมควรที่จะสมบูรณ์แบบ แต่คนๆเดียว ทำให้นางต้องเจ็บปวดตลอดชีวิต

นางที่มีแต่ความหมดหวังมาโดยตลอด จนบัดนี้มีคนมาพูดกับนางว่า เขาสามารถรักษาได้ จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เหมือนกับชายหนุ่มคนอื่นๆ แต่งงานมีครอบครัว มีลูกหลานสืบทอดสกุล

นางไม่กล้าเพ้อฝันเกินตัวเช่นนี้ เมื่อก่อนหวังแค่เพียงให้เขาสามารถเดินได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป อย่างน้อยก็อาจจะไม่โดนล้อว่าเป็นคนพิการก็พอแล้ว

ในตอนที่ซือถูเย้นเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าฮองเฮากำลังกลึงลูกประคำอยู่ในมือ แต่สีหน้าของเขากลับดูประหลาดใจ

เขาตะโกนเรียกพร้อมกับรุดไปข้างหน้า “ฮองเฮาเหนียงเหนียง”

ฮองเฮาได้สติกลับมา จากนั้นก็ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยความลำบากใจ “ท่านอ๋องมาแล้วหรือเพคะ?”

“อื้อ!” ซือถูเย้นมองไปทางนาง ก่อนถามขึ้นว่า “ฮองเฮาไม่เป็นอะไรใช่ไหม? สีหน้าดูไม่ค่อยดีเลย เหนื่อยมากแล้วใช่ไหม? กลับไปพักผ่อนดีไหม ข้าจะอยู่รักษาการที่นี่ต่อเอง”

ฮองเฮาเงยหน้าขึ้นมองไปทางหลีโม่ที่กำลังทำการรมยาให้กับอ๋องเหลียงอยู่ นางไม่ยอมจากไปแน่ๆ ความจริงแล้วนางไม่หวังให้ใครเข้ามาในตอนนี้ด้วยซ้ำ นางมีเรื่องที่สำคัญมากต้องถามหลีโม่

แต่กลับมองไปทางซือถูเย้นโดยไม่แสดงออกอาการใดๆออกมา นางรู้ดีว่าซือถูเย้นและอ๋องเหลียงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก แต่ ฮ่องเต้กำลังป่วยหนัก แต่กลับให้เขาไปสำเร็จราชการแทนพระองค์ ตำแหน่งไท่จื่อจึงต้องว่าง จึงทำให้นางระมัดระวังตัวอย่างมาก

ในกรณีที่ฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ หากซือถูเย้นฉ้อราษฎร์ขึ้นครองบัลลัง ต้องเป็นเรื่องที่ง่ายต่อการจัดการอย่างแน่นอน

ดังนั้น ถึงแม้ว่านางจะคิดว่าซือถูเย้นมีความรักความเมตตาต่ออ๋องเหลียงก็ตาม แต่กลับไม่สามารถหละหลวมการป้องกันได้

แล้วหากเขาแสร้งทำเป็นมิตรสหายที่ดีต่ออ๋องเหลียงละ นั้นต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ

“เปินกงไม่เป็นอะไรเพคะ เพียงแค่อ่อนเพลียเท่านั้น นั่งพักที่นี่ก็น่าจะดีขึ้นแล้วเพคะ” ฮองเฮาเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ แต่ก็ไม่อยาก ตอบคำถามอะไรมากมายนัก จึงตอบแบบขอไปทีเท่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม