ตอนที่ 48 เย็นเอ๋อร์มีหลักฐาน
ฮองไทเฮาขมวดคิ้ว “นี่เป็นกฎระเบียบของวัง จะมั่วได้อย่างไรกัน? หากมีนางในที่มียศต่ำกว่าหมุยเฟยมาเรียกว่าเหลียงซื่อ เจ้าจะรู้สึกดีใจหรือไม่?”
เหลียงซื่อคือชื่อสามัญของหมุยเฟย!
หมุยเฟยเองก็รู้ว่าไทเฮาเป็นคนที่เคร่งครัดกับกฎระเบียบมาก จึงไม่กล้าโต้แย้งใดๆอีก จากนั้นก็หันไปตำหนิหลิงหลงฮูหยิน “เจ้าไม่ต้องตื่นเต้น เห็นไหมว่าใช้คำเรียกในวังเป็นเช่นนี้ ยุ่งวุ่นวายมากแค่ไหน?”
หลิงหลงฮูหยินแสดงสีหน้าน้อมรับคำสอน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนว่า “เพคะ หม่อมฉันจะทรงระมัดระวังเพคะ”
ฮองเฮาหันไปพูดกับซุนกงกงว่า “เจ้าไปตามเด็กน้อยเย็นเอ๋อร์ผู้ซึ่งคอยอยู่ข้างกายหลีโม่มาสิ หากอาการบาดเจ็บของนางยังไม่ดีขึ้น ก็หามมา”
“เพคะ!” ซุนกงกงพูดขึ้น
เฉิงเสี้ยงเสี้ยนึกถึงเด็กน้อยผู้นั้นที่ถูกพามา แต่ตัวเองก็อยู่ที่นี่ด้วย เด็กน้อยผู้นั้นไม่กล้าพูดจามั่วซั่วอย่างแน่นอน จึงได้ปล่อยให้ซุนกงกงไป
หลังจากที่ซุนกงกงจากไป เขาก็ได้ถอดถอนใจ “ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นเช่นไร ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันยินยอมรับสารภาพพะยะคะ”
บัดนี้ เขาได้แสดงความกังวลออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ฮองเฮากลับไม่ยอมรับ จึงได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งทื่อว่า “เรื่องนี้ ใครผิดก็คนนั้นผิด คนทำผิดต้องรับผิดชอบ หากเฉิงเสี้ยงต้องโทษ เปิ่นกงจะเป็นหญิงผู้ไม่ยุติธรรม หากหลี่ซื่อเป็นคนบงการจริง เปิ่นกงก็ย่อมลงโทษหลี่ซื่ออย่างแน่นอน”
เฉิงเลี้ยงเสี้ยพูดขึ้นว่า “พะยะคะ หม่อมฉันยินดีที่จะรับโทษพะยะคะ”
หลีโม่ที่อยู่ด้านนอกตำหนัก ได้ยินถึงบทสนทนาเหล่านี้ ในใจเกิดความรู้สึกเยาะเย้ยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของแม่ของนาง พวกเขาช่างไร้เดียงสามากเกินไปจริงๆ!
เฉิงเสี้ยง ไม่มีจิตใจที่ละอายต่อบาปเลยสักนิด และได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติทั้งสามของนางไปอย่างสิ้นเชิงจริงๆ
นางไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมวันนั้นหลี่ซื่อถึงให้นางแต่งงาน ถึงจะอยู่ในยศฐาบันดาศักดิ์สูงส่ง แต่กลับไม่มีน้ำใจอย่างบุรุษเลยสักนิด ไม่มีหัวใจดั่งนายพลทหาร ทำได้เพียงแต่เอาตัวรอดไปวันๆ เห็นแก่เงิน เอาแต่แย่งชิงอำนาจ ผู้ชายเช่นนี้ พูดตรงๆก็คือชายอย่างเฉิงเสี้ยงผู้นี้ นอกจากได้บุญบารมีจากบรรพบุรุษคอยปกปักรักษาแล้ว ก็เป็นเพราะความโชคดีล้วนๆ
ซุนกงกงก็ได้พาเย็นเอ๋อร์เข้ามาในที่สุด เย็นเอ๋อร์ยังไม่สามารถลงจากเตียงได้ จึงทำได้เพียงแค่พึ่งข้าหลวงคอยประคองเข้ามาเท่านั้น
เมื่อ เย็นเอ๋อร์เห็นหลีโม่จากด้านนอก กำลังจะอ้าปากถามขึ้น หลีโม่ก็รีบยกมือขึ้นมาทาบปาก ไม่ให้นางส่งเสียงออกมา
เย็นเอ๋อร์เข้าใจทันใด ก้มนางลงแล้วเดินเข้าไปข้างในกับข้าหลวงทั้งสอง
ฮองไทเฮาไม่เคยพบเห็นเย็นเอ๋อร์มาก่อน และก็ไม่รู้ด้วยว่าเด็กน้อยจะบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่างกายในตอนที่เข้าวังมา อีกทั้งอาการบาดเจ็บก็สุดแสนจะน่าเวทนาด้วย จึงได้ถามขึ้นด้วยความเดือดดาลว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เด็กคนนี้ยังอายุไม่ถึง13ปี ใครกล้าลงมือได้อย่างโหดร้ายเช่นนี้?”
หลิวหลงฮูหยินกลับพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่โดยไม่รู้ตัวว่า “รายงานฮองไทเฮาเพคะ เด็กคนนี้คือคนที่คอยปรนนิบัติรับใช้หลีโม่ เพราะทำผิดจึงถูกมหาดเล็กพาไปโบยเพคะ”
บ้านไหนมีการโบยเด็ก ในวังก็ย่อมมี อีกทั้งยังลงมือค่อนข้างรุนแรงมากขึ้นอีกด้วย ในวันที่นางเข้าวังมาน้อมทักทายหมุยเฟย ก็ได้พบกับข้าหลวงที่หมุยเฟยรับสั่งให้มาโบยอย่างเจ็บแสบ โบยจนเหลือลมหายใจโรยริน ไม่มีแม้แต่แรงจะเอ๋ยคำใด
อีกทั้ง นางก็ยังได้ยินข่าวมาว่าฮองเฮาเป็นผู้ที่เข้มงวดมาก และมักจะด่าทอว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กๆอยู่บ่อยครั้ง เข้มงวดนิดหน่อย ก็ทรงประทานความตายมาให้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...