พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 50

ตอนที่ 50 หมุยเฟยทำดีได้ดีทำช่วยได้ชั่ว

หมุยเฟยพูดขึ้นอย่างไม่งดงามแต่อย่างใด “ผ่านไปหลายปีขนาดนั้น เปิ่นกงเองก็ลืมชื่อของข้าหลวงผู้นั้นไปแล้วอีกทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าข้าหลวงผู้นั้นไปอยู่ที่ไหน หากยังอยู่ในวังก็ยังพอเป็นไปได้”

หลิงหลงเห็นเสี้ยหลีโม่ทำให้หมุยเฟยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จึงได้แทรกพูดตำหนิขึ้นมาสนที่สุด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางเหมือนกับแม่คนหนึ่ง “หลีโม่ ถึงแม้ว่าข้ากับเจ้าจะพูดกันน้อยมากก็ตาม แต่เรื่องที่พูดขึ้นมาต่อหน้าพระพักตร์ย่อมสำคัญมาก การวางตัวในวังของหมุยเฟยเหนียงเหนียง ทุกคนต่างรู้ดี แต่คนที่เปิดเผยตรงไปตรงมาอย่างจริงใจ เจ้าพูดเล่นนี้ แสดงว่ากำลังกล่าวหาว่าหมุยเฟยกุเรื่องขึ้นมาเองอย่างนั้นหรือ? นี่เป็นความผิดโทษฐานไม่เคารพร้ายแรง ถึงแม้ว่าแม่ของเจ้าจะไม่เคยสอน แต่ข้าก็เตือนเจ้า ทำไมเจ้าถึงไม่จำ แล้วทำไมถึงได้ก่อเรื่องวุ่นวายซ้ำวซ้ำเล่าเช่นนี้อีก?”

หลี่โม่พูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวสักนิดว่า “ไม่ ข้าไม่ได้กล่าวหาว่าหมุยเฟยกุเรื่องขึ้นมาเอง แต่ข้าพูดจริงๆ ว่าหมุยเฟยเหนียงเหนียงกุเรื่องขึ้นมาเอง เรื่องนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”

หมุยเฟยเดือดดาลขึ้นมาทันใด “เสี้ยหลีโม่ เจ้าช่างบังอาจนัก กล้าใส่ร้ายป้ายสีว่าเปิ่นกงกุเรื่องขึ้นมาเอง?

ถึงแม้ว่าฮองไทเฮาจะทัศนะต่อหลีโม่เปลี่ยนไปแล้วก็ตาม แต่ภายใต้ที่ไม่มีการพิสูจน์แต่อย่างใด แล้วบ่งชี้ว่าเฟยจื่อกุเรื่องขึ้นมาเป็นการไม่เหมาะสมอย่างมาก จึงได้แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ขึ้นมา “หลีโม่ อย่าพูดจาเหลวไหล หมุยเฟยเหนียงเหนียงไม่มีทางโกหกได้”

พฤติกรรมของหมุยเฟย ฮองไทเฮาเชื่ออย่างสนิทใจ นางเข้าวังมาในตอนปลายอายุ 20 ปี ถึงนางไม่พูดอย่างมีคุณธรรมก็ตาม แต่กลับปฏิบัติตัวปรนนิบัติฮ่องเต้อย่างเคร่งครัด ให้กำเนิดพระธิดาและพระราชบุตรออกมาให้กับฮ่องเต้ จึงไม่มีทางถูกคนภายนอกใส่ร้ายป้ายสีได้โดยง่าย

ฮองไทเฮากลับไม่รู้ ว่าหมุยเฟยในตอนนี้ ไม่ใช่หมุยเฟยเหมือนแต่ก่อนแล้ว หลังจากที่ฮ่องเต้ป่วยหนัก นางก็เริ่มวางแผน เพื่อแม่ เพื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของนาง ถึงแม้ว่าจะดูไม่เหมาะสม แต่มันก็เป็นเช่นนี้

หลี่โม่กำลังจะพูด เมื่อได้ยินเสียงขันทีตะโกนเสียงสูงอยู่ด้านนอกตำหนัก “อ๋องซื่อเจิ้งเสด็จ!”

เมื่อสิ้นสุดคำพูด ฮองไทเฮายังไม่ได้เอื้อนเอ๋ยคำใดออกมา ก็เห็นซือถูเย้นก้าวเท้าเดินเข้ามาแล้ว

เมื่อเข้ามาถึงกลางตำหนัก จึงขมวดคิ้วมองไปทางหมุยเฟย “หมุยเฟยเหนียงเหนียง ข้าได้ยินเสียงเจ้าอาละวาดอยู่ด้านนอก ใครที่ทำให้หมุยเฟยเหนียงเหนียงผู้อ่อนโยนผู้นี้ทรงกริ้วราวกับสายฟ้าแลบเช่นนี้? ลงโทษ!”

เมื่อพูดจบ จึงโค้งตัวไปด้านหน้า “เข้าเฝ้าเสร็จแม่พะยะคะ”

ฮองเฮาพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก “เจ้าไม่รีบไปทำธุรกิจของเจ้า มาวนเวียนในวังในทำไม?”

ในขณะที่ปากกำลังพูด กลับตบไปเก้าอี้ข้างกาย “นั่งลงเถอะ”

ซือถูเย้นมองไปทางหลีโม่ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ลูกอยากมาดูสะใภ้ของตัวเองนะสิ”

สีหน้าของหลีโม่แดงขึ้นมาทันใด จากนั้นก็ก้มหน้าลง

เฉิงเสี้ยงเสี้ยและหลิงหลงฮูหยินจ้องหน้ากัน ท่าทางแทบจะกระโดดเข้าหากันมันหมายความว่าอะไรกัน?

หลิงหลงฮูหยินใบหน้าซีดเผือด นี่มันเป็นไปไม่ได้ เสี้ยหลีโม่อยากแต่งงานกับอ๋องซื่อเจิ้งหรือ? อ๋องซื่อเจิ้งจะขอนางแต่งงานได้ยังไงกัน?ใครจะยอมให้เสี้ยหลีโม่แต่งงานกัน? ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าหรือลูกหลานมหาดเล็กในวังหลวงก็ต่างไม่ยอมรับการแต่งงานของเสี้ยหลีโม่ทั้งนั้น อ๋องซื่อเจิ้งหมายความว่าอย่างไรกัน?

ฮองไทเฮาหุบยิ้มทันใด “อายเจียยังไม่มีพระราชโองการ เจ้ามาพูดว่าเป็นสะใภ้ ไม่ละอายบ้างหรือ?”

ซือถูเย้นมองไปทางหลี่โม่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มอย่างสุขสม แต่นัยน์ตากลับไม่ได้ฉายแววยิ้มแต่อย่างใด “หลีโม่ เมื่อสักครู่เจ้ากล่าวโทษหมุยเฟยเหนียงเหนียงใช่ไหม? ขอโทษเหนียงเหนียงซะ”

ใบหน้าของหมุยเฟยเองก็ซีดเผือดไปเล็กน้อย “ท่านอ๋อง ท่านกับหลีโม่?”

อ๋องซื่อเจิ้งพูดขึ้นว่า “อื้อ เรื่องนี้หรือ ข้าพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เสด็จแม่กล่าวหา ข้าว่าไม่มียางอายอีก เจ้าถามเสด็จแม่เองเถอะ”

ฮองไทเฮาถูกเขาหยอกล้อ “เอาละ ออกไป ก็ไม่ต้องละอายละ”

ฮองเฮาไม่มีกระจิตกระใจมากทะเลาะด้วย นางมองไปทางหลีโม่ ”ที่เจ้าพูดว่า หมุยเฟยกุเรื่องขึ้นมา เจ้าพิสูจน์ได้ไหม? ว่าคำพูดทั้งหมดของมุยเฟย จะหาข้าหลวงชื่นี้ไม่พบ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม