ตอนที่ 51 หมุยเฟยผู้ไม่สนใจในตัวเอง
ซือถูเย้นก็เอ่ยถึงเรื่อง “ ข่าวลือนอกวัง ” ขึ้นมาพูดในเวลานี้อีกครั้งจนได้ “ ท่านแม่ วันนี้ตอนที่ลูกออกไปนอกวัง ก็ได้ยินคนภายนอกกำลังถกเถียงกันเรื่องที่เสี้ยหลีโม่ถูกท่านและฮองเฮาบุกเข้าไปตีถึงในห้องพะยะคะ”
ฮองไทเฮาตื่นตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเฉิงเสี้ยงเสี้ยและหลิงหลงฮูหยิน เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทั้งสองคน และก็มีท่าทางที่ไม่ค่อยมั่นใจ
ฮองไทเฮาก็เข้าใจได้ในทันที
สีหน้าของนางแสดงออกถึงความโกรธเคืองจางๆ พร้อมกับนำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ตั้งแต่ต้นจนจบมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง และนางก็พอจะเดาถึงจุดประสงค์ที่เฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวังมาได้ เขาเข้าวังมาขอรับโทษด้วยความร้อนใจ แสดงความเคารพและร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ จริงๆแล้วก็เพื่อเข้ามาสืบเสาะเรื่องการถอนหมั้นของเสี้ยหลีโม่ในวัง ดังนั้นเขาจึงได้พาหลิงหลงฮูหยินมาลองเชิงก่อน
หากบอกว่า หลี่ซื่อไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนางกล่าวหาจริงๆ งั้น ความคิดของหมุยเฟยก็คุ้มค่าที่จะให้ความสำคัญ
การฉีกคำโกหกตัวโตนี้เพื่อมาพิสูจน์ว่าหลี่ซื่อเป็นหญิงสาวที่มีพฤติกรรมโหดร้าย หากในนั้นไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ นางก็จะไม่เชื่อ
เรื่องที่ฮองไทเฮาเกลียดที่สุดก็คือพี่น้องทะเลาะเบาะแว้งกัน จนเกิดศึกต่อสู้ขึ้นในวัง หากหมุยเฟยมีความคิดอยากให้พระราชโอรสทั้งสามขัดแย้งกันในอนาคตจริงๆ จะทำยังไงถึงจะหยุดความคิดของนางได้ก่อน
ถึงแม้ว่าฮองไทเฮาจะพอเดาออกก็ตาม แต่ก็ยังหวังให้ตัวเองนั้นเดาผิด เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลานชายของตัวเอง
ดังนั้น นางจึงคาดหวังให้ซุนกงกงไปตรวจสอบว่าข้าหลวงผู้นั้นคือใครกัน เมื่อหาเจอแล้วก็นำตัวนางมาซักถาม พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหมุยเฟย
ไม่นานซุนกงกงก็กลับเข้ามา เขาโค้งตัวคำนับแล้วพูดขึ้นว่า :“ไทเฮาพะยะคะ หม่อมฉันไปตรวจสอบมาแล้ว ขันทีหลักในจวนเป็นผู้ที่น่าเคารพของหลี่ซื่อพอดีพะยะคะ เขาเชื่อมั่นว่า ตลอด 10 ปีมานี้ หลี่ซื่อไม่เคยเข้าวังมาเลย หม่อมฉันไม่เชื่อ จึงได้เข้าไปตรวจสอบบันทึกการเข้าเยี่ยมของหมุยเฟยเหนียงเหนียง จึงได้มั่นใจว่าไม่มีพะยะคะ”
ใบหน้าเลือดฝาดของหมุยเฟยถอดสีลงไปทีละนิดๆ นางเพิ่งจะคาดหวังว่า บันทึกการเข้าจวนเมื่อ 10 ปีก่อนนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว ถึงอย่างไรมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ในจวนน่าจะไม่เก็บบันทึกที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้นไว้อีกอย่างแน่นอน
ฮองเฮาหัวเราะเย็นชาออกมา “ไม่ทราบว่าเรื่องที่หมุยเฟยกล่าวถึงนั้นเป็นละครลิงที่ไม่รู้วันรู้เดือนรู้ปีไหมนะเพคะ?”
ฮองไทเฮาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “หมุยเฟย เจ้าบอกมาสิว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หมุยเฟยหลบแววตากระวนกระวายใจนั้นไว้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “ไทเฮา บางทีหม่อมฉันอาจจะจำผิดไปก็ได้เพคะ น่าจะเป็นหม่อมฉันที่ออกจากวังไปยังเฉิงเสี้ยง เพราะถึงอย่างไร เรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนเฉิงเสี้ยงนิเพคะ”
เฉิงเสี้ยงเสี้ยจึงรีบพูดขึ้นว่า: “เมื่อเหนียงเหนียงพูดเช่นนี้ หม่อมฉันก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้พะยะคะ ในปีนั้นเหนียงเหนียงได้ออกจากวังไปยังจวนเฉิงเสี้ยง หลี่ซื่อกำลังโมโหร้าย ครั้งนั้นหลื่ซื่อได้วาดภาพให้เหนียงเหนียงได้ชื่นชม แต่ด้วยความไม่ระวังจึงถูกข้าหลวงที่อยู่ข้างกายเหนียงเหนียงทำน้ำชาหกใส่จนเปียกชื้นไปหมด ตอนนั้นนางบอกว่าจะฆ่าข้าหลวงผู้นั้นด้วยพะยะคะ”
หลีโม่แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ? ตำแหน่งเฉิงเสี้ยงนี้ ได้มาได้อย่างไรกัน? หรือเป็นคนที่มีไอคิวฉลาด ก็สามารถเข้ารับตำแหน่งเฉิงเสี้ยงได้แล้วหรือ?
มิน่าละ ซือถูเย้นจึงได้เกลียดเขา คนเช่นนี้ได้มาอยู่ในราชสำนักสูงส่ง มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก
จริงๆแล้วหลีโม่มองเฉิงเสี้ยงผิดไป เขาไม่ได้โง่เขลา แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ เขาทำได้แค่เพียงสนับสนุนคำพูดของหมุยเฟยเหนียงเหนียงอย่างคนตาบอด เพราะหากทำให้หมุยเฟยเหนียงเหนียงโดดเดี่ยวไม่มีการช่วยเหลือในตอนนี้ หลังจากนี้เขาก็คงจะสูญเสียผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ในวังไป
ดังนั้น เขารู้ว่าคำพูดที่กล่าวออกมานั้นไม่น่าเชื่อถือได้อย่างชัดเจน แต่กลับต้องว่าตามคำพูดของหมุยเฟยต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...