พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 51

สรุปบท ตอนที่ 51 หมุยเฟยผู้ไม่สนใจในตัวเอง: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

อ่านสรุป ตอนที่ 51 หมุยเฟยผู้ไม่สนใจในตัวเอง จาก พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

บทที่ ตอนที่ 51 หมุยเฟยผู้ไม่สนใจในตัวเอง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 51 หมุยเฟยผู้ไม่สนใจในตัวเอง

ซือถูเย้นก็เอ่ยถึงเรื่อง “ ข่าวลือนอกวัง ” ขึ้นมาพูดในเวลานี้อีกครั้งจนได้ “ ท่านแม่ วันนี้ตอนที่ลูกออกไปนอกวัง ก็ได้ยินคนภายนอกกำลังถกเถียงกันเรื่องที่เสี้ยหลีโม่ถูกท่านและฮองเฮาบุกเข้าไปตีถึงในห้องพะยะคะ”

ฮองไทเฮาตื่นตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางเฉิงเสี้ยงเสี้ยและหลิงหลงฮูหยิน เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของทั้งสองคน และก็มีท่าทางที่ไม่ค่อยมั่นใจ

ฮองไทเฮาก็เข้าใจได้ในทันที

สีหน้าของนางแสดงออกถึงความโกรธเคืองจางๆ พร้อมกับนำเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ตั้งแต่ต้นจนจบมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง และนางก็พอจะเดาถึงจุดประสงค์ที่เฉิงเสี้ยงเสี้ยเข้าวังมาได้ เขาเข้าวังมาขอรับโทษด้วยความร้อนใจ แสดงความเคารพและร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ จริงๆแล้วก็เพื่อเข้ามาสืบเสาะเรื่องการถอนหมั้นของเสี้ยหลีโม่ในวัง ดังนั้นเขาจึงได้พาหลิงหลงฮูหยินมาลองเชิงก่อน

หากบอกว่า หลี่ซื่อไม่ได้เป็นอย่างที่พวกนางกล่าวหาจริงๆ งั้น ความคิดของหมุยเฟยก็คุ้มค่าที่จะให้ความสำคัญ

การฉีกคำโกหกตัวโตนี้เพื่อมาพิสูจน์ว่าหลี่ซื่อเป็นหญิงสาวที่มีพฤติกรรมโหดร้าย หากในนั้นไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ นางก็จะไม่เชื่อ

เรื่องที่ฮองไทเฮาเกลียดที่สุดก็คือพี่น้องทะเลาะเบาะแว้งกัน จนเกิดศึกต่อสู้ขึ้นในวัง หากหมุยเฟยมีความคิดอยากให้พระราชโอรสทั้งสามขัดแย้งกันในอนาคตจริงๆ จะทำยังไงถึงจะหยุดความคิดของนางได้ก่อน

ถึงแม้ว่าฮองไทเฮาจะพอเดาออกก็ตาม แต่ก็ยังหวังให้ตัวเองนั้นเดาผิด เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับหลานชายของตัวเอง

ดังนั้น นางจึงคาดหวังให้ซุนกงกงไปตรวจสอบว่าข้าหลวงผู้นั้นคือใครกัน เมื่อหาเจอแล้วก็นำตัวนางมาซักถาม พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหมุยเฟย

ไม่นานซุนกงกงก็กลับเข้ามา เขาโค้งตัวคำนับแล้วพูดขึ้นว่า :“ไทเฮาพะยะคะ หม่อมฉันไปตรวจสอบมาแล้ว ขันทีหลักในจวนเป็นผู้ที่น่าเคารพของหลี่ซื่อพอดีพะยะคะ เขาเชื่อมั่นว่า ตลอด 10 ปีมานี้ หลี่ซื่อไม่เคยเข้าวังมาเลย หม่อมฉันไม่เชื่อ จึงได้เข้าไปตรวจสอบบันทึกการเข้าเยี่ยมของหมุยเฟยเหนียงเหนียง จึงได้มั่นใจว่าไม่มีพะยะคะ”

ใบหน้าเลือดฝาดของหมุยเฟยถอดสีลงไปทีละนิดๆ นางเพิ่งจะคาดหวังว่า บันทึกการเข้าจวนเมื่อ 10 ปีก่อนนั้นได้ถูกทำลายไปแล้ว ถึงอย่างไรมันก็ผ่านมานานหลายปีแล้ว ในจวนน่าจะไม่เก็บบันทึกที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้นไว้อีกอย่างแน่นอน

ฮองเฮาหัวเราะเย็นชาออกมา “ไม่ทราบว่าเรื่องที่หมุยเฟยกล่าวถึงนั้นเป็นละครลิงที่ไม่รู้วันรู้เดือนรู้ปีไหมนะเพคะ?”

ฮองไทเฮาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม: “หมุยเฟย เจ้าบอกมาสิว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

หมุยเฟยหลบแววตากระวนกระวายใจนั้นไว้ ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “ไทเฮา บางทีหม่อมฉันอาจจะจำผิดไปก็ได้เพคะ น่าจะเป็นหม่อมฉันที่ออกจากวังไปยังเฉิงเสี้ยง เพราะถึงอย่างไร เรื่องนี้เกิดขึ้นในจวนเฉิงเสี้ยงนิเพคะ”

เฉิงเสี้ยงเสี้ยจึงรีบพูดขึ้นว่า: “เมื่อเหนียงเหนียงพูดเช่นนี้ หม่อมฉันก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้พะยะคะ ในปีนั้นเหนียงเหนียงได้ออกจากวังไปยังจวนเฉิงเสี้ยง หลี่ซื่อกำลังโมโหร้าย ครั้งนั้นหลื่ซื่อได้วาดภาพให้เหนียงเหนียงได้ชื่นชม แต่ด้วยความไม่ระวังจึงถูกข้าหลวงที่อยู่ข้างกายเหนียงเหนียงทำน้ำชาหกใส่จนเปียกชื้นไปหมด ตอนนั้นนางบอกว่าจะฆ่าข้าหลวงผู้นั้นด้วยพะยะคะ”

หลีโม่แทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ? ตำแหน่งเฉิงเสี้ยงนี้ ได้มาได้อย่างไรกัน? หรือเป็นคนที่มีไอคิวฉลาด ก็สามารถเข้ารับตำแหน่งเฉิงเสี้ยงได้แล้วหรือ?

มิน่าละ ซือถูเย้นจึงได้เกลียดเขา คนเช่นนี้ได้มาอยู่ในราชสำนักสูงส่ง มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก

จริงๆแล้วหลีโม่มองเฉิงเสี้ยงผิดไป เขาไม่ได้โง่เขลา แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ เขาทำได้แค่เพียงสนับสนุนคำพูดของหมุยเฟยเหนียงเหนียงอย่างคนตาบอด เพราะหากทำให้หมุยเฟยเหนียงเหนียงโดดเดี่ยวไม่มีการช่วยเหลือในตอนนี้ หลังจากนี้เขาก็คงจะสูญเสียผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ในวังไป

ดังนั้น เขารู้ว่าคำพูดที่กล่าวออกมานั้นไม่น่าเชื่อถือได้อย่างชัดเจน แต่กลับต้องว่าตามคำพูดของหมุยเฟยต่อไป

หลิวหลงฮูหยินไม่เข้าใจว่าทำไมฮองไทเฮาถึงได้เปลี่ยนไปเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว แล้วฮองไทเฮาก็ยังกล่าวว่านางเทียบเท่ากับหลี่ซื่อไม่ได้อีกด้วย เรื่องนี้นางยอมรับไม่ได้ จึงพูดขึ้นด้วยเสียงที่สูงขึ้นเรื่อยๆว่า :“ฮองไทเฮาเพคะ ถึงหม่อมฉันจะไม่ฉลาด แต่กลับไม่ได้ชั่วช้าสามัญเทียบเท่ากับหลี่ซื่อนะเพคะ หม่อมฉันไม่ยอมรับนางว่าเป็นฮูหยิน เพราะนางไม่มีจิตใจและปณิธานที่จะเป็นฮูหยินของจวนเฉิงเสี้ยงเพคะ หม่อมฉันไม่ชอบนาง แม่สามีก็ไม่ชอบนาง ผู้มีอาวุโสของตระกูลเสี้ยก็ล้วนแล้วแต่ไม่ชอบนาง เช่นนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ไม่มากพอว่าพฤติกรรมของนางมีปัญหาหรือเพคะ?”

ซือถูเย้นหลุดขำออกมา “หลิงหลงฮูหยิน เชื่อหรือไม่ว่าในตำหนักก็ไม่มีคนชอบเจ้าสักคนเดียว ขอถามหน่อย พฤติกรรมของเจ้ามีปัญหาหรือไม่อย่างไร? ”

วันนี้ซือถูเย้นไม่พูดอะไรมากมาย แต่เพียงแค่สองประโยคก็ล้วนแล้วแต่แสดงออกถึงความเกลียดชังหลิงหลงฮูหยินทั้งสิ้น นี่จึงทำให้หลิงหลงฮูหยินแสดงสีหน้าสุดจะทนออกมา และก็แสดงออกถึงความโกรธเคืองไม่พอใจด้วย นางมักจะทำตัวหยิ่งผยองอยู่ในวังจนเคยตัว บัดนี้จึงได้แสดงความขุ่นเคืองออกมา จนลืมกาลเทศะไป ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ท่านอ๋องพูดเช่นนี้ ก็เพื่อต้องการให้พ่อแม่เป็นคนจัด พ่อสื่อเป็นคนดำเนินงานเรื่องการแต่งงาน ท่านอ๋องมีความประสงค์จะแต่งงานกับหลีโม่ จึงยังต้องการคำตอบรับจากหม่อมฉันที่ทำหน้าที่เป็นแม่ผู้นี้”

หลีโม่จึงรีบพูดตักเตือนขึ้นว่า “ฮูหยิน แม่ผู้ให้กำเนิดของหม่อมฉันยังไม่สิ้นพระชนม์เพคะ การเป็นฮูหยินของจวนเฉิงเสี้ยง เรื่องการแต่งงานของเสี้ยโล่เยว่จึงยังต้องผ่านการยินยอมจากนาง แต่เรื่องการแต่งงานของหม่อมฉัน ท่านไม่มีสิทธิ์แต่อย่างใด”

เฉิงเสี้ยงเสี้ยจึงอดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่อีกต่อไป “พอได้แล้ว นางคือแม่เลี้ยงของเจ้า เจ้าพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?”

ฮองเฮาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แม่เลี้ยง? ทำไมถึงเรียกว่าแม่เลี้ยง? แม่เลี้ยงก็คือเมียน้อยของผู้เป็นพ่อ ในจวน ตำแหน่งเมียน้อยต่ำกว่าบุตรที่เกิดโดยตนเองที่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเพียงแค่สถานะที่ครึ่งข้าหลวงครึ่งเจ้าคนนายคน ตอนไหนกันที่เรียกสิ่งที่เป็นเจ้านายก็ไม่เชิง เป็นทาสก็ไม่เชิงว่าเป็นลูกของภรรยาหลวง? การสั่งสอนของท่านอ๋อง เพิ่งจะพบได้ในเรื่องนี้”

คำพูดของฮองเฮานี้ ไม่มีการไว้หน้าให้กับเฉิงเสี้ยงเสี้ยและหลิงหลงฮูหยินแต่อย่างใด สีหน้าของเฉิงเสี้ยงเสี้ยเดี๋ยวแดงฝาดเดี๋ยวซีดเผือด ปมคิ้วขมวดเข้าหากัน แต่กลับไม่กล้าแสดงความขุ่นเคืองหมองใจออกมา การอบรมสั่งสอนของเขา กฎระเบียบในจวนเฉิงเสี้ยงของ สามารถให้คนอื่นใส่ร้ายป้ายสีได้โดยง่ายเลยอย่างนั้นหรือ?

หลิงหลงฮูหยินโกรธแค้นจนน้ำตาไหล นางได้ให้กำเนิดบุตรโอรสและบุตรธิดาทั้งสองพระองค์ภายในจวน อาศัยอยู่ในตำแหน่งของฮูหยินของจวน จนบางครั้งนายหญิงแก่ถึงต้องปล่อยให้นาง บัดนี้เมื่อเข้าวังมา เดิมทีคิดว่าไทเฮาและฮองเฮานั้นก็เหมือนกับคนอื่นๆ นางเป็นฮูหยินขงจวนเฉิงเสี้ยง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าฮองเฮาจะไม่ไว้หน้านางถึงเช่นนี้ จนกระทั่งถึงกับพูดว่านางเป็นเมียน้อยออกมา

ภายใต้ความโกรธเคืองนี้ นางได้ยืนขึ้น แล้วหันไปถามหลีโม่ด้วยความแค้นเคืองว่า “พูดมา เจ้าพูดเรื่องไม่ดีเกี่ยวกับตัวข้าให้แก่ฮองเฮาเหนียงเหนียงฟังใช่หรือไม่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม