พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 52

ตอนที่ 52 เหล่าไท่เฮาพยายามไกล่เกลี่ย

ซุนกงกงตะโกนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า: “บังอาจ ต่อหน้าพระพักตร์ของฮองไทเฮาในตำหนักโส้อาน กล้าดีอย่างไรมาพูดจาล่วงเกินหยาบคายเช่นนี้?”

เมื่อหลิงหลงฮูหยินเห็นข้าหลวงคนหนึ่งกล้าตำหนินาง จึงได้บันดาลโทสะออกมา “เจ้าอยู่ในสถานะไหน? ถึงได้กล้ามาตะโกนใส่ข้า”

หมุยเฟยนึกไม่ถึงว่าหลิงหลงฮูหยินจะไม่รู้ถึงขนาดนี้ มันน่าแค้นเคืองใจจริงๆ จนเหยียบย้ำเข้าไปในโคลนตม ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

สีหน้าของฮองไทเฮาแสดงออกถึงความโกรธเคือง ในขณะที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นั้น ก็ได้ชำเลืองมองไปทางหมุยเฟย ก่อนจะค่อยๆอดกลั้นลง จากนั้นก็พูดตะโกนออกไปว่า: “เอาละ เฉิงเสี้ยงและฮูหยินที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจงออกไป หลังจากนี้หากไม่มีการอนุญาตจากอายเจีย ก็ห้ามเข้ามาเหยียบย้ำในวังแม้แต่ก้าวเดียวโดยเด็ดขาด”

หลิงหลงฮูหยินตื่นตระหนกตกใจไปในทันที จากนั้นก็รีบคุกเข่าลงพร้อมหมอบคลานลงไปกับพื้น “ไทเฮาเหนียงเหนียงโปรดอภัยโทษ หม่อมฉันเพียงแค่พลั้งปากพูดไป.......”

“จะพลั้งปากหรือว่าจะเป็นนิสัยเดิมแท้ อายเจียไม่อยากรับรู้ทั้งนั้น อายเจียเองก็เอือมระอาที่จะต้องพูดคุยกับเจ้าเช่นนี้แล้วเหมือนกัน เรื่องการถอนหมั้น ดูเหมือนจะเป็นความดีความชอบของหลีโม่เอง อายเจียจะสืบเสาะแล้ว พวกเจ้าออกจากวังไปเถอะ” ฮองไทเฮาออกคำสั่งขับไล่ในที่สุด

ชอบขึ้นมาในใจ “หุบปาก เจ้ายังเสียหน้าไม่พออย่างนั้นหรือ?”

หลิงหลงฮูหยินอึ้งไปชั่วขณะ ตั้งแต่ที่นางเดินเข้าประตูจวนเฉิงเสี้ยงมา เขาไม่เคยพูดจาเสียงดังเช่นนี้กับนางมาก่อน

เฉิงเสี้ยงเสี้ยโค้งตัวคำนับด้วยใบหน้าซีดขาว: “ไทเฮาเหนียงเหนียง หม่อมฉันกล่าวทูลลา!”

ในเมื่อฮองไทเฮาไม่คิดจะสืบเสาะเรื่องการถอนหมั้นแล้ว เขาเองจึงไม่อยากพัวพันไปมากกว่านี้อีก จึงทำได้เพียงแค่รีบถอยออกไป หลีกเลี่ยงไม่ให้หลิงหลงหญิงสาวโง่เขลาผู้นี้พูดอะไรผิดพลาดออกมา ให้ฮองไทเฮาทรงโกรธเคืองไปมากกว่านี้อีกแล้ว

เฉิงเสี้ยงเสี้ยเดินขึ้นมา แล้วมองไปทางหลีโม่ด้วยสายตาสับสน หลีโม่จ้องมองเขาอย่างไม่มีความเกรงกลัวสักนิด ในสายตาของพ่อลูกทั้งสองคนได้ฉายแววขุ่นเคืองผสมผสานกันสู่ภายนอก คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างก็เห็นแววตาของทั้งคู่

ฮองเฮาขมวดคิ้ว พร้อมกับเกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมาอยู่ในใจ จึงไม่สามารถให้เสี้ยหลีโม่ออกจากวังได้ในเร็วๆนี้ ถึงแม้ว่านางจะมีสถานะเป็นหมอก็ตาม แต่จะออกไปต่อสู้กับเฉิงเสี้ยงเสี้ยและนายหญิงแก่ที่มีกลอุบายแยบยลลึกซึ้งได้อย่างไรกัน?

อีกอย่าง ในเวลานี้ทั้งสองคนก็ได้เกลียดกันอย่างเป็นทางการแล้ว ในจวนเฉิงเสี้ยงแห่งนี้ มันไม่ง่ายสำหรับเสี้ยหลีโม่อีกแล้ว

เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ นางก็หันไปส่งสายตาให้กับหยางมามา พร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา หยางมามาเป็นอันเข้าใจ จากนั้นก็โค้งคำนับถอยออกไป

ซือถูเย้นเห็นภาพตรงหน้า จึงค่อยๆกระตุกยิ้มมุมปาก หลิงหลงฮูหยินคงได้อยู่อย่างสบายๆแล้วละ

ฮองไทเฮามองไปทางหมุยเฟย ก่อนพูดขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า :“อายเจียอ่านความคิดในใจของเจ้าออกอย่างชัดเจน หากยังไม่ถือโอกาสนี้โผล่หางออกมา งั้นก็รีบซ่อนมันไว้ซะ อายเจียไม่อยากเห็นมันอีกในครั้งต่อไป ”

นางที่เพิ่งจะอดกลั้นอารมณ์ได้ เพื่อไว้หน้าแก่พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ ผ่านไปอีก2-3ปี พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว จึงไม่อยากให้คนภายนอกมาเห็นว่าแม่ของเขาไม่ดีในเวลานี้

สีหน้าของหมุยเฟยซีดเผือดลง “หม่อมฉันไม่มีความคิดอะไรเลยเพคะ ไทเฮาอย่าได้เข้าใจผิดหม่อมฉัน เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ หม่อมฉันเองก็ถูกทำให้เข้าใจผิดเพคะ แต่หม่อมฉันจะระมัดระวังมากกว่านี้ หากไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกันหม่อมฉัน หม่อมฉันจะไม่ขอข้องเกี่ยวเพคะ”

ฮองไทเฮาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “พระราชโอรสทั้งสามพระองค์ต้องได้รับการศึกษาที่ดี สั่งสอนเขาให้ดีๆ จากนี้เจ้าถึงจะมีความสุข เขาเป็นบุตรชายของฮ่องเต้ เป็นหลานของอายเจีย ต้องไม่มีใครที่เอาผิดกับเขา หากแม่อย่างเจ้าไม่เข้าใจความสุขีเพื่อเขา ต่อไปเจ้าย่อมต้องทำร้ายเขาอย่างแน่นอน อายเจียจะไม่มีวันยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเด็ดขาด เจ้าจะได้ไม่ตำหนิคำพูดนี้ของอายเจียในวันข้างหน้าได้”

หมุยเฟยก้มหน้าลง รู้ว่าอธิบายไปก็ไร้ประโยชน์ไทเฮาเองก็ไม่เชื่อคำพูดของนางอีกแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ก้มหน้าลง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า: “หม่อมฉันรับทราบเพคะ หม่อมฉันทูลลา!”

หมุยเฟยมองไปทางหลีโม่ที่ยืนอยู่ด้านหน้า เขาไม่รู้จริงๆว่าทำไมอ๋องซื่อเจิ้งถึงได้ยอมสู่ขอแม่นางที่ชื่อว่าหลีโม่ผู้นี้มาเป็นภรรยา นางรู้ว่าตัวเองนั้นเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงแก่ความเจริญของบุตรชาย เสี้ยหลีโม่ผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆอย่างแน่นอน

หลังจากที่หมุยเฟยเหนียงเหนียงจากไป ฮองไทเฮาก็ถอดถอนใจออกมา “ทำไมฮ่องเต้ถึงได้ทรงประชวรนานขนาดนี้? ความคิดของคนเหล่านี้ก็ได้ถูกเปิดโปงออกมากันแล้ว แค่ตำหนิไท่จื่อเป็นกลางเกินไป ขุนนางท่านทั้งหลายต่างก็มีความคิด คอยส่งเสริมให้นางสนมให้กำเนิดบุตรชาย ใครๆต่างก็คิดที่จะเป็นขุนนางช่วยสร้างประเทศ ตอนนี้ฮองเฮาต้องสั่งสอนไท่จื่อให้ดีๆซะแล้ว มิเช่นนั้นตำแหน่งไท่จื่อผู้นี้จะถูกคนช่วงชิงไปได้ ฮองเฮาอย่างเจ้าก็คงจะร่ำไห้จนสิ้นชีวาอย่างแน่นอน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม