พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 552

บทที่ 552 มีชัยชนะเล็กๆ

ลู่กงกงคิดอยู่พักหนึ่ง “งั้นที่ห้องไปให้แม่ทัพจางไปสืบ หลังจากสืบได้ความกลับมาแล้ว จักลงโทษอย่างไร? ฟังจากที่ฮ่องเต้วิเคราะห์แล้ว ดูเหมือน อ๋องหนานหวยจะถูกคนอื่นหลอกเหมือนกัน”

“ไม่เป็นไรยังไงก็ต้องสืบ ธนูพวกนั้น ตกอยู่ในมือของข้าไม่ดีหรือ? ไม่ต้องเสียตังค์สักบาท” ฮ่องเต้ค่อยๆหัวเราะ

“งั้นทีแรกที่ฮ่องเต้จะยกอ๋องหนานหวยให้เป็นไท่เว่ย....” ลู่กงกงถามอย่างสงสัย

ฮ่องเต้โบกมือ “ไม่ เรื่องในคืนนี้เตือนให้ข้าได้รู้ ช่วงนี้ข้าค่อนข้างลำเอียง หากไม่หยุดยั้ง ก็จะสูญเสียความสมดุลย ถ้าคิดว่าตำแหน่งไท่เว่ย ไอ้เก้าก็ทำได้ดีอยู่แล้ว ให้เขาทำต่อไป”

ลู่กงกงหัวเราะ “ไม่ใช่หรอกหรือ? ตอนนี้อ๋องเย่ไปเถลไถลแล้ว ตำแหน่งไท่เว่ยนี้ ทำได้อย่างสบาย”

ฮ่องเต้ค่อยๆสูดลมหายใจเข้า มองดูลู่กงกง “เจ้าคิดว่า ช่วงนี้ข้าใจแคบไปไหม?”

ลู่กงกงหัวเราะพร้อมพูดว่า “สิ่งที่ฮ่องเต้คิดและเป็นห่วง ล้วนทำเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน จะเรียกว่าใจแคบได้อย่างไร?”

“พื้นแผ่นดิน ข้าให้ความสำคัญ ความเป็นพี่น้อง เมื่อก่อนข้าก็ให้ความสำคัญ ตอนนี้...” เขาไม่ได้พูดต่อไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่ให้ความสำคัญ เพียงแต่ในใจมักจะรู้สึกว่า ดูเหมือนเขาจะไม่ได้มีความสำคัญขนาดนั้น

เมื่อก่อนเขาคิดว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่ดูแลงานราชการ ล้วนไม่มีใครเฉลียวฉลาดเท่าเขา แต่มีไอ้เจ็ดสามารถทำได้ และไม่ได้ทำได้เลวร้ายไปกว่าเขา เมื่อตอนที่เขาขึ้นของครองราชย์ ยังต้องอาศัยบรรพบุรุษเพื่อช่วยในการรักษาเสถียรภาพในใจเหล่าขุนนาง ตอนนี้ ภายใต้ความลำบากมากมาย ไอ้เจ็ดยังสามารถหรือยืนได้ไม่ล้ม ซึ่งนี่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจที่สุด

ลู่กงกงเห็นเขาอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด ก็ไม่กล้าส่งเสียง ก้มหัวแล้วยืนอยู่ด้านข้าง

ผ่านไปสักพัก ฮ่องเต้พูดขึ้นว่า “ทางด้านไอ้แปด ให้การตักเตือนหน่อย ครั้งนี้เขาจับกุมตัวอ๋องเหลียง มีคนเห็น หากไม่ทำอะไรเลย ข้าก็จะสูญสิ้นซึ่งความยุติธรรม”

“งั้นก็ต้องรอ แม่ทัพจางค้นหาพวกธนูกลับมาได้แล้วค่อยลงโทษใช่หรือไม่?” ลู่กงกงพูดขึ้น

“อืม” ฮ่องเต้นอนเอนอยู่บนพระแท่นบรรทมของกุ้ยเฟย ภายในใจครุ่นคิดอยู่ยังว้าวุ่น

คิดไปคิดมาแล้วก็พูดว่า “เจ้าไปร่างราชโองการ หากอ๋องซื่อเจิ้งหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ก็ให้ไปเป่ยม่อด้วย หากฮ่องเต้เป่ยม่อไม่ยอมตกลง ก็ให้คนพาพระฉายากลับมา”

“ฮ่องเต้ ทำแบบนี้เพื่ออะไรหรือ?” ลู่กงกงอึ้ง

ฮ่องเต้เงยหัวมองดูเขา “เกรงว่าไอ้เจ็ดคงได้เจอฉินโจวกับอ๋องฉีแต่แรกแล้ว เขาออกมาจากค่ายทหาร ยังไงก็น่าจะเพราะเรื่องนี้ เขาจะวางใจให้เสี้ยหลีโม่ไปเป่ยม่อคนเดียวได้อย่างไร? หากข้าไม่มีราชโองการนี้ เขาจะต้องสร้างเรื่องอีกแน่ ข้าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากชิงไหวชิงพริบกับเขาแล้ว เขาเป็นน้องชายแท้ๆของข้า และมีใจทำทุกอย่างเพื่อต้าโจว ข้าควรที่จะให้เขาได้สมความปรารถนาในเรื่องนี้ อีกอย่าง...อีกอย่างการที่เขาไปเป่ยม่อในครั้งนี้ บางทียังสามารถติดต่อกับพวกยึดมั่นสันติภาพของเป่ยม่อ การศึกในครั้งนี้ หากไม่ต้องสู้รบกันจะเป็นการดีที่สุด”

ลู่กงกงค่อนข้างไม่คาดคิด “ฮ่องเต้ พระองค์ยังมีภารกิจให้กับอ๋องซื่อเจิ้ง?” นี่ เท่ากับว่าฮ่องเต้ยังมีความเชื่อมั่นในตัวอ๋องซื่อเจิ้งใช่ไหม?

“ใช่ ยังไงเขาก็เป็นน้องชายแท้ๆของข้า หากเขาไม่ได้มีใจคิดเป็นอื่น ก็ถือว่าเป็นคนสำคัญของต้าโจว และเสี้ยฮ่าวหรานกับตันชิงเสี้ยนจู่ก็ยังอยู่ในวัง เขารู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อีกอย่าง ทางด้านไอ้แปดจะไม่นิ่งดูดายแน่ ยังไงก็จะสร้างเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมา ถือเป็นการลดความน่าเชื่อถือของเขา หากงานประสบความสำเร็จ ก็เอาความผิดฐานนี้ออกจากค่ายในก่อนหน้านี้ของเขามาลงโทษ ทำผลงานเพื่อลบล้างความผิด ก็เท่ากับไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือใดเพิ่มขึ้น”

ลู่กงกงหัวเราะ “ฮ่องเต้ยังคงมองการได้ไกล”

ลู่กงกงยิ้มไม่ออก พี่น้องกันแท้ๆคิดวางแผนซึ่งกันและกันแบบนี้ สำหรับพวกเขาที่เป็นบ่าวรับใช้ ก็ถือเป็นการทรมานอย่างหนึ่ง

ที่จริงความสามารถของอ๋องซื่อเจิ้งทุกคนเห็นดีกับตา และยังมีความจงรักภักดี ต้าโจวมีเขาอยู่ ก็จะไม่มีทางเกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ แต่หากฮ่องเต้คิดแต่จะกดดันเขา กลับจะไม่เป็นการดี

ถึงแม้ครั้งนี้ จะเป็นการทำตามความปรารถนาของอ๋องซื่อเจิ้ง แต่แผนการเบื้องหลังนี้ใช่ว่าเขาจะไม่ออก หลังจากที่ดูออกแล้ว เกรงว่าในใจก็คงจะเสียใจอยู่ไม่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม