พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 559

บทที่ 559 องค์หญิงเป่ยอาน

พื้นที่แพร่โรคระบาดอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มจากทิศตะวันออกซิ่งซานตลอดจนถึงเมืองอาน

เมืองอานเป็นเมืองที่อยู่ด้านนอกเมืองหลวงของแคว้นเป่ยม่อออกไปไม่ถึงห้าสิบลี้ ด้านข้างติดกับเมืองอาวุธและหลัวเซี่ยนเมืองอาวุธและเมืองอานอยู่ในแนวเส้นเดียวกัน ดังนั้น จึงเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และก็เป็นพื้นที่ที่มีผู้ประสบภัยมากที่สุด

เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และมีการส่งเจ้าหน้าที่ทหารบางส่วนกลับสู่เมืองหลวง ดังนั้นโรคระบาดจึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

ซือถูเย้น หลีโม่และคนอื่นๆออกเดินทางแต่เช้าตรู่ เมื่ออ๋องฉีไปถึงซีหยางก่วน ในซีหยางก่วนว่างเปล่าผู้คนออกไปหมดแล้ว

ถามพ่อบ้านแล้ว ถึงทราบว่าแท้จริงแล้วซือถูเย้นได้พาพระชายาออกไปแต่เช้าตรู่แล้ว

หลัวเซี่ยน เมืองอาวุธ เมืองอานล้วนแล้วแต่เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติอย่างหนัก เมืองอานเป็นเพราะอยู่ในบริเวณอาณาเขตใกล้เมืองหลวง ผู้ประสบภัยเพื่อดึงดูดความสนใจของราชสำนัก จึงเหมือนกองทัพผึ้งที่ปะทะเข้ามา แน่นอนว่า เมืองหลวงไม่สามารถรับกลุ่มผู้ประสบภัยที่เยอะขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเกิดการระบาดของโรคระบาดขึ้น ผู้คนที่มาพึ่งพิงด้านการแพทย์มีการควบคุมได้ไม่ดีพอ พวกไหนที่รับเชื้อโรคระบาด พวกไหนที่ไม่ได้รับเชื้อโรคระบาด ก็ไม่มีใครทราบได้ฉาวฮองเฮาออกคำสั่ง ประตูเมืองอนุญาตให้ออกแต่ไม่อนุญาตให้เข้า

ซึ่งนั่นหมายความว่า ปิดล๊อกเส้นทางสู่โลกภายนอก แบ่งแยกสวรรค์และนรก

ซือถูเย้นและคนอื่นๆเดินมาตลอดทาง ได้เห็นกับตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่น่าเศร้า ถึงแม้จะอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองหลวงก็ตาม แต่ว่าฮ่องเต้ก็ไม่เห็น ขุนนางก็ไม่เห็น รวมทั้งราษฎรในเมืองหลวงก็ไม่เห็น

มองเห็นแต่ยังคงไม่เห็นใจ ถ้ามองไม่เห็น ก็ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?

หลีโม่อยากไปเขตพื้นที่โรคระบาด แต่ว่า จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ของราชสำนักพาไป ถึงจะสามารถเข้าร่วมและช่วยรักษา

แต่ว่า ทางอ๋องฉีดูเหมือนว่าจะอ่อนข้อลง พวกเขาต้องหาทางออกด้วยตัวเอง

ดังนั้น วันนี้ พวกเขาทั้งคณะเดินทาง ได้นำของบรรณาการพิเศษจากแคว้นต้าโจว ก็เดินทางมาถึงยังตำหนักองค์หญิงอานหยาง

องค์หญิงอานหยาง หรือที่รู้จักกันในชื่อองค์หญิงอาน ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆของฮ่องเต้ เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา

องค์หญิงอานหยางท่านนี้ เป็นคนแปลกๆ

คนในแคว้นเป่ยม่อเขาพูดกันแบบนี้

นางไม่แต่งงาน และก็ไม่ไปพบเจอผู้ชายเพื่อดูใจกัน มีคุณชายหลายคนที่ตระกูลใหญ่ๆที่มีชื่อเสียงหอบแก้วแหวนเงินทองมาคุกเข่าต่อหน้าก็เพื่อที่จะได้เห็นหน้าตาที่สวยงามสักครั้งของนาง นางรับของกำนัลแล้ว แต่ก็ไม่ได้เห็นแม้เงา

ในแคว้นเป่ยม่อมีคนตระหนี่ถี่เหนียวที่มีชื่อเสียงอยู่สองคน คนหนึ่งคือลู่ไท่เฟย ลู่ไท่เฟยเป็นแม่บังเกิดเกล้าของอ๋องฉี ตอนนี้ก็อาศัยอยู่ในตำหนักอ๋อง

ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น ก็คือองค์หญิงอานหยาง

นางเป็นคนที่ตระหนี่ถี่เหนียวมาก รวยขนาดนั้น ชีวิตในตำหนักก็ดำเนินด้วยความประหยัดมัธยัสถ์ ทาสรับใช้ก็มีไม่กี่คน เวลาออกจากตำหนักก็ใช้แต่ล่อเป็นพาหนะในการเดินทาง แม้กระทั่งรถม้าก็ยังไม่มีเตรียมไว้ นางบอกว่าเลี้ยงม้าเสียดายเงิน

ค่าตอบแทนของทาสรับใช้ ราชสำนักเป็นผู้จ่ายให้ ดังนั้นนางจึงเก็บทาสรับใช้ไว้ไม่กี่คนเท่านั้น

ตามหลักแล้ว ตำหนักองค์หญิงที่เป็นที่เคารพนับถือ ในตำหนักอย่างน้อยก็ต้องมีทาสรับใช้หลายร้อยคนคอยอารักขา แต่นางไม่ใช่ มีเพียงสาวรับใช้ใกล้ตัวไม่กี่คน คนดูแลสวนดอกไม้หนึ่งคน แม่ครัวหนึ่งคน ซักล้างอีกสองคน คนรับใช้ทั้งตำหนัก ไม่มีคนเฝ้าประตูแม้แต่คนเดียว

องครักษ์? ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ดั่งเช่นซือถูจิ้งในแคว้นต้าโจวมีองครักษ์ลับจำนวนมาก? ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก่อนอื่นยังไม่ต้องพูดถึงว่าใครจะจ่ายค่าตอบแทน นี่มันต้องเสียเงินค่าข้าวสักเท่าไรกัน?

ในตำหนักมีอะไรที่หรูหราบ้างไหม? ไม่มี

ไม่มีเลยสักชิ้น

ฮ่องเต้ไม่ได้พระราชทานให้หรือ? ไม่มีใครให้ของกำนัลแก่นางบ้างหรือ? ไม่ พระราชทานให้และให้ของกำนัล แต่ว่านางเอาไปขายหมด องค์หญิงคิดว่า ในโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เป็นมิตรสนิทเท่ากันเงินแล้ว ญาติตายจากกันได้ คนรักเปลี่ยนใจได้ เงินเท่านั้นที่จะเป็นลูกชายของตัวเองเสมอ

อย่างไรก็ตาม นางก็ได้ซ่อนวัตถุโบราณไว้บางส่วน จะซ่อนไว้ที่ไหนนั้น ไม่มีใครรู้

เนื่องจากมีผู้ร้ายมาจากเมืองหลวงรู้ว่าในตำหนักขององค์หญิงไม่มีองครักษ์ จึงเข้ามาขโมยของ แต่หาไปทั่ว ตำหนักใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีแม้แต่สิ่งของมีค่าเลย

ขโมยคนนี้โกรธมาก คิดว่า จะเอาเสื้อสักตัวกลับไปขายแล้วหาอะไรกินให้อิ่มหนําสําราญสักมื้อหนึ่ง แต่ปรากฏว่า เปิดตู้เสื้อผ้าออกมา ขโมยคนนั้นก็ร้องไห้เดินออกไป

เสด็จย่าของนางยังสวมใส่เสื้อผ้าดีกว่านางเสียงอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม