บทที่ 576 ซูม่อติดเชื้อ
นี่เป็นแค่เพียงสายเชือกเส้นเดียว จะบินขึ้นมาเองได้อย่างไร? นี่จะมีผีหรือ?
หลีโม่ตั้งใจที่จะให้ทุกคนได้เห็น ตัวเองอยู่ที่นี่ไม่มีที่พึ่ง ไม่มีคนติดตาม จึงต้องอาศัยเพียงสายเชือกเตาปาไปหลอกลวงในครั้งนี้ พวกเจาจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีอะไรลึกซึ้งที่ไม่อาจคาดเดาได้
คนเรามักจะเลื่อมใสกับสิ่งอะไรที่ตัวเองไม่รู้
มีความรู้สึกเลื่อมใส ก็จะมีท่าทีเคารพและเกรงขาม
“พระชายา นี่...นี่เป็นของวิเศษอะไรหรือ?” ผู้นำหมู่บ้านที่เป็นคนหูตากว้างไกล ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยแล้วถามหลีโม่
หลีโม่พูดว่า “นี่เป็นอาจารย์ของข้าท่านหมอเวินยี่มอบให้กับไทฮองไทเฮาแห่งต้าโจว แล้วไทฮองไทเฮาก็มอบให้แก่ข้าอีกที อย่ามองว่าเขาหน้าตาไม่ดี แต่นี่ทำมาจากหางหญ้าแห่งหุบเขาเทพ คุณสมบัติน่าสะพรึงและยืดเหนียวแน่น หางหญ้าแห่งหุบเขาเทพคิดว่าทุกคนต่างก็เคยได้ยิน เจริญเติบโตในพื้นที่หุบเขาเทพที่เต็มไปด้วยหิมะ เป็นแหล่งรวมรวบญาณทิพย์ ดูดเอาความล้ำค่าของแสงดวงจันทร์ หลังจากถักทอกลายเป็นเชือกแล้ว ถูกนำไปไว้ในวัดคุ้มครองแผ่นดินสามปี ฟังเสียงสวดมนต์ทุกๆวัน จนมีญาณทิพย์”
หลิงลี่ที่อยู่ด้านข้าง ได้ยินเช่นนี้แล้ว ก็หันตัวเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “พระชายาโม้มากเกินจนไปแล้ว”
หลิ่วหลิ่วหัวเราะ “แต่นางก็พูดอย่างมีหลักการ ใครจะสงสัย? ความสามารถนี้ลึกซึ้งมาก”
ในหมู่บ้านกับเหล่าทหารต่างก็ตกตะลึง ที่จริงพวกเขาเคยได้ยินหางหญ้าแห่งหุบเขาเทพที่ไหนกัน? แต่ว่าในเมื่อพูดว่าดูดญาณทิพย์แห่งฟ้าดิน และยังเอาไว้ในวิหารตั้งสามปี คิดว่ายังไงก็คงเป็นของวิเศษจริงๆ
อีกอย่าง นางเป็นถึงลูกศิษย์ของท่านหมอเวินยี่? หากเป็นเช่นนี้ งั้นก็คงเก่งมากๆ
เวินยี่ได้รับยกย่องให้เป็นหมอเทวดาคนหนึ่งของเจ็ดประเทศ ในทุกๆประเทศต่างมีชื่อเสียงที่โด่งดัง ถึงแม้ผู้คนมากมายจะไม่เคยเห็นเขา กลับต่างก็เคยได้ยินถึงเรื่องราวของนาง
หลีโม่เชิญเวินยี่ออกมาเป็นเกาะกำบังให้กับตัวเองอีกครั้ง ก็เพราะหมดสิ้นหนทางจริงๆแล้ว
ท่าทีซูม่อก็เริ่มสงสัยแล้ว เขามองดูหลีโม่อย่างสงสัย “เจ้าเป็นลูกศิษย์ของท่านหมอเวินยี่จริงๆหรือ? แต่เจ้าเพิ่งอายุน้อยขนาดนี้ ท่านหมอเวินยี่สิ้นแต่แรก....”
หลีโม่รีบพูดดักคำพูดของเขาว่า “หากเจ้ายังสงสัย ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เจ้าสามารถไปทำตามที่ข้าพูด ลงเขา ไปดูให้เห็นกับตา”
กาฬโรคแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว เพราะฮ่องเต้เมินเฉยต่อสถานการณ์โรคระบาดนี้ คิดว่าน่าจะรวดเร็วกว่าที่นางคิดไว้ด้วยซ้ำ แต่ว่าตัวเลขกรมฮุ่ยหมินกับเหล่าสำนักงานในทุกๆที่รายงาน จริงเท็จแค่ไหน ข้อนี้นางไม่รู้
เพราะฉะนั้น นางให้ซูม่อไปดู ส่วนหนึ่งเพื่อนางจะได้รู้ ส่วนที่สองซูม่อก็ควรที่จะยอมรับความจริงได้แล้ว
อ๋องเจิ้นโก๋จะต้องล้างสมองของเขาแล้วแน่ ไม่อย่างนั้น เขาจะไม่มีทางสงสัยในตัวนางแบบนี้
ซูม่อมองดูสายเชือกเตาปา ภาพเมื่อกี้ หากเกิดขึ้นบนตัวของเขา งั้นก็จะต้องแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
หากนางมีใจคิดเป็นอื่นจริง เมื่อกี้ที่อยู่ในห้อง ก็สามารถฆ่าเขาได้แล้ว แล้วก็หลอกลวงทุกคนต่อไป
“ข้าเชื่อพระชายา” หลี่ฝูพูดขึ้นมาก่อน
หลี่ฝูพูดเช่นนี้แล้ว ทุกคนต่างก็พูดตาม “ข้าก็เชื่อพระชายา”
“ข้าก็เชื่อพระชายา”
“ตั้งแต่พระชายามาถึงที่หมู่บ้านมู่จ้าย ก็ทำการรักษาคนในหมู่บ้านอยู่ตลอด หลายวันมานี้ถึงไม่ได้กินดีอยู่ดี ข้าเชื่อพระชายา”
ทุกคนต่างก็พูดออกมาอย่างจริงใจ หลีโม่ได้ยินคำพวกนี้แล้ว ความโกรธในใจค่อยผ่อนลงหน่อย อย่างน้อยก็รู้สึกว่าที่ตัวเองลำบากไม่ได้สูญเปล่า
หมอกรมฮุ่ยหมินไม่ได้แสดงทีท่าอะไร และก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเมื่อกี้ที่หลีโม่แสดงให้เห็น ทำให้พวกเขากลัวแล้วจริงๆ
สุดท้ายซูม่อเลือกที่จะลงเขา เพื่อพิสูจน์คำพูดของหลีโม่ เขาพาคนไปด้วยสามคนลงจากเขา เพื่อไปเป็นพยานร่วมกัน
ยังไงเขาก็ยังคาดหวังว่า ที่หลีโม่พูดไม่ใช่ความจริง โรคระบาดไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น
เขาขี่ม้าไป ภายในหนึ่งวัน ไปถึงเมืองอาวุธ หลัวเซี่ยนกับเมืองอานทั้งสามแห่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...