บทที่ 578 ทำไมถึงเรียนหมอ
หลังจากจับดูชีพจรแล้ว หลีโม่พูดว่า “เจ้ารอข้าแป๊บหนึ่ง ข้าจะกลับไปเอาของหน่อย”
นางกลับไปเอาเครื่องฟังกับเข็มวัดไข้กลับมา
เขามีไข้ต่ำๆ แต่สัมผัสผ่านมือไม่ค่อยมั่นใจ จึงเอาเข็มวัดไข้มาวัดเขา
“พระชายานี่คือสิ่งของอะไร?” ก่อนหน้านี้ซูม่อก็เคยเห็นนางเอาออกมา แต่ก็ไม่เคยได้มีโอกาสถาม
“เจ้าเอาใส่ไว้ใต้รักแร้ ข้าให้เจ้าเอามาแล้วค่อยเอาออกมา” หลีโม่พูด
“ครับ” ซูม่อหันตัวไปอย่างเกรงใจ แล้วเอาเข็มวัดไข้สอดเข้าไปในรักแร้
หลังจากหันมาแล้ว หลีโม่ใช้เครื่องฟังตรวจฟังดูปอด เขามีอาการไอ
ที่นี่ไม่สามารถใช้เครื่องมือในสมัยปัจจุบันตรวจดูว่าเขาติดเชื้อกาฬโรคหรือไม่ ทำได้เพียงวินิจฉัยไปตามอาการเท่านั้น
ตรงปอดไม่มีเสียงแทรกซ้อน แต่ตรงคอมีอาการอักเสบ
หลังจากเอาเข็มวัดไข้ออกมาแล้ว สามสิบเจ็ดจุดสามองศา มีไข้ต่ำๆ
ดวงตาแดงๆ เขาบอกว่าก่อนหน้านี้มีอาการเคลื่อนไส้อยากอาเจียน อาการพวกนี้ ล้วนเป็นอาการเริ่มต้นของกาฬโรค
“เจ้ารู้สึกเคลื่อนไส้อยากอาเจียน?” หลีโม่ถาม
“ใช่ แต่เพราะว่าข้อน้อยได้เห็นศพมากมายพวกนั้น ศพพวกนั้นเน่าเปื่อยอย่างน่ารังเกียจ...” ซูม่อเอามือกุมหน้าอก ไม่ต่อไปไหว อาการเคลื่อนไส้ตีขึ้นมา เขาเกือบแทบอ้วกออกมาแล้ว
หลีโม่ค่อยๆถอนหายใจ เป็นช่วงเวลาที่ต้องการคนช่วย หากซูม่อติดเชื้อ จะต้องหัวฟูแน่
ซูม่ออดทนต่อความเคลื่อนไส้ เห็นสีหน้าหลีโม่ที่เปลี่ยนไป ตัวเองก็เริ่มกลัวแล้ว “พระชายา ข้าน้อยคงไม่?”
หลีโม่พูดว่า “ตอนนี้ยังวินิจฉัยไม่ได้ แต่เจ้าต้องกักตัว เจ้าอยู่แต่ในห้อง ไม่ต้องออกไปไหน”
กักตัว ไปเขตตะวันตกไม่ได้ เขตตะวันตกเป็นผู้ป่วยที่วินิจฉัยว่าติดเชื้อแล้ว ไม่สามารถกักตัวไว้ทางเขตทิศใต้ ถึงแม้ทางเขตทิศใต้ต่างก็มีอาการ แต่หวังว่าภูมิคุ้มกันของซูม่อจะแข็งแรงพอ ขอให้เขาเป็นแค่ไข้หวัด
สีหน้าซูม่อเปลี่ยนไป “ข้าน้อยติดเชื้อแล้วจริงๆหรือ?”
เขาค่อนข้างกลัว เขาเคยเห็นคนที่ติดเชื้อพวกนั้นตายไป ตายอย่างทรมาน และก็ไม่สง่างาม
“ยังไม่ต้องเป็นห่วง ดูตัวเองก่อนว่าเป็นตุ่มสีแดงหรือยัง” หลีโม่ถามด้วยเสียงเบา
ซูม่อถอยหลังไปหลายก้าว “พระชายารีบไปเถอะ หากข้าน้อยติดเชื้อ จะแพร่เชื้อไปสู่พระชายาไม่ได้เด็ดขาด”
หลีโม่พูดว่า “เจ้าวางใจเถิด ข้าดื่มยาแล้ว”
“ยานั้น สามารถป้องกันการติดเชื้อได้จริงๆหรือ?” ซูม่อถามขึ้น
“ไม่สามารถอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์...ไม่สามารถรักษาได้อย่างเด็ดขาด แต่ได้ผลอยู่ อีกอย่างสำหรับคนที่เริ่มเป็นกาฬโรคก็มีผลช่วยรักษา เดี๋ยวข้าจะให้คนเอามาให้ เจ้าทานวันล่ะสองครั้ง”
“ขอบพระทัยพระชายา” ซูม่อพูดอย่างซาบซึ้ง
หลีโม่มองดูซูม่อ “เจ้าต้องรีบหาย ข้าต้องการผู้ช่วย”
ในใจซูม่อทรมานมาก เขาเกลียดตัวเอง ไม่ว่าก่อนหน้านี้ที่หวาดระแวงพระชายา หรือว่าตอนนี้ที่ตัวเองอ่อนแอจนป่วย เขารู้สึกตัวเองไม่ได้เรื่องเลย หลีโม่พูดแบบนี้ ทำให้ตาของเขาแดงขึ้นมา
หลังจากที่หลีโม่พูดปลอบไปหลายคำ แล้วก็กลับไป
การติดเชื้อของซูม่อ ทำให้ในใจหลีโม่เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอีกหนึ่งชั้น
ถึงแม้เจ้าเจ็ดพวกเขาจะได้ดื่มยาก่อนลงเขา แต่ก็ได้ดื่มเพียงครั้งเดียว ประสิทธิผลของยานั้นก็มีไม่มาก หากเกิดอะไรขึ้น ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ข้างกายพวกเขา ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงจริงๆ
อีกอย่างนักรบอย่างซูม่อ ปกติภูมิคุ้มกันจะดีมาก ยังโชคร้ายติดเชื้อจนได้ เห็นทีโรคระบาดในครั้งนี้ร้ายแรงมาก
ไม่ได้ นางจะต้องปรับเปลี่ยนสูตรยาอีก
มามากับเย็นเอ๋อร์มาถึงใกล้ค่ำในวันนั้น หลีโม่ไม่ให้พวกนางเข้ามา ให้พวกนางกลับไปยังตำหนักองค์หญิงอาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...