บทที่ 585 ท่านอ๋องอยู่ด้วยตลอด
คนนั้นเป็นหมอสังกัดกรมฮุ่ยหมิน เดิมทีหลีโม่ได้มัดพวกเขาไว้แล้ว แต่ว่ามีคนแอบเข้ามาปล่อยตัวเขาไป
หมอหลี่ร้องไห้พูดว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยแซ่หลี่ เป็นหมอของกรมฮุ่ยหมิน อ๋องเจิ้นโก๋วส่งตัวมาให้ช่วยเหลือพระชายาอ๋องซื่อเจิ้ง แต่ไม่คิดว่า พระชายาคนนั้นไม่ได้มาเพื่อรักษาโรค แต่นางจะมาทำร้ายชาวเมืองเป่ยม่อของเรา ท่านแม่ทัพ ท่านต้องแจ้งเรื่องให้ฮ่องเต้นะ”
ฉินโจวให้คนไปช่วยพยุงเขาลุกขึ้น พูดว่า “เจ้าอย่าเพิ่งร้องไห้ไป ตอนนี้เจ้าปลอดภัยแล้ว ค่อยๆเล่าให้ข้าฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ”
หมอหลี่ค่อยๆลุกขึ้น แล้วเช็ดน้ำตา “เรียนท่านแม่ทัพ ก่อนหน้านี้ พวกข้าได้รับคำสั่งของอ๋องเจิ้นโก๋วให้มารักษาที่หมู่บ้านมู่จ้าย ตอนนั้นพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งของแคว้นต้าโจวได้มาอยู่ที่นั่นแล้ว พวกเราก็ช่วยรักษาอยู่หลายวัน พบว่าผู้ป่วยไม่เพียงไม่ลดลง แต่ยังเพิ่มจำนวนขึ้นด้วย ตอนนั้นข้าก็รู้สึกแปลกใจ ก็เลยร่วมมือกับหมอหลายๆคนช่วยกันดูตัวยาที่ใช้รักษา พบว่า ตัวยาไม่ใช่ยาหรับรักษาโรค แต่จะทำให้ร่างกายอ่อนแอ ตอนนั้นข้าเอายาไปให้นางดู เพื่อจะถามนาง แต่กลับคนของนางทุบตี”
“คนของนางหรือ? นางเอาคนไปด้วยกี่คน? แล้วชาวบ้านในหมู่บ้านเล่า? ติดโรคหมดเลยหรือ? ซูม่อก็อยู่ในหมู่บ้านไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ไปขอความช่วยเหลือเขา? ” ฉินโจวเห็นว่าแปลกๆ เลยถามขึ้นมา
หมอหลี่ก็โมโหขึ้นว่า “นางบอกกับชาวบ้านว่า นางเป็นลูกศิษย์ของหมอที่รักษาโรคระบาด นางมีวิชาการแพทย์สูงส่ง ถ้าคนที่ติดโรคไม่ได้ยาของนางก็จะต้องติดโรคกันหมด ใต้เท้าซูม่อจะช่วยข้าได้อย่างไร? เขาเองก็ติดโรคด้วย ทหารในหมู่บ้านหลายคนก็ติด”
“ซูม่อติดโรคหรือ?” ฉินโจวโมโหมาก ดูเหมือนว่า คำที่อี๋เฟยบอกจะเป็นเรื่องจริง ซือถูเย้นและพระชายาไม่ได้มาดี
หมอหลี่กล่าว “ใช่ วันนั้นนางให้คนมาทุบตีข้าแล้วก็จับมัดไว้ ต่อมาก็มีชาวบ้านแอบมาช่วย ถึงได้รอดมา นางก็รู้ว่าข้าหนีออกมา แล้วก็สั่งให้คนตามมา ข้าไม่กล้ากลับเมืองหลวง กลัวว่านางจะส่งคนตามมา ก็เลยหนีมาอยู่กับน้องข้า”
ถ้าเป็นเมื่อก่อน คำพูดของหมอหลี่ไม่อาจจะหลอกฉินโจวได้ แต่ว่า ฉาวฮองเฮาพูดเกริ่นเรื่องมาก่อน แล้วยังได้เห็นจดหมายของอี๋เฟยอีก แล้วยังมีทหารมาบอกเพิ่มอีก นางก็เลยตัดสินใจเชื่อว่าหลีโม่มีจิตใจไม่ดี อยากจะทำร้ายแคว้นเป่ยม่อ
นางโมโหมาก แล้วให้ทหารพาหมอหลี่กลับเมืองหลวง นางจะเดินทางไปหมู่บ้านมู่จ้ายด้วยตัวเอง
เพื่อไปหาเสี้ยหลีโม่
องครักษ์แนะนำว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านไปคนเดียวมันอันตรายมากนะ ให้ข้าไปส่งท่านเถิด”
ฉินโจวตอบ “ไม่ต้องหรอก ที่นี่คือแคว้นเป่ยม่อ ไม่ใช่แคว้นต้าโจว ข้าจะกลัวอะไร?”
พูดจบ ก็ขึ้นม้า ควบม้าออกไป
ทางฝั่งเสี้ยหลีโม่ก็กำลังยุ่งกับการทดลองยา เรียกได้ว่ายุ่งกันทั้งวันเลยทีเดียว
เมื่อวานนี้ซูม่อมีอาการไข้ขึ้นสูง แต่พอใช้ยาไป ไข้ก็ลดลง แสดงว่ายามีผลต่อผู้ที่ติดโรคในระยะแรก
แต่ว่า ยาชนิดเดียวกันพอมาใช้กับผู้ที่มีอาการหนักกลับไม่ได้ผล
ตอนแรกคิดว่าเกี่ยวกับปริมาณยา ก็เลยเพิ่มปริมาณเข้าไป แต่ก็ยังได้ผลน้อยมาก
แสดงว่า จะต้องไปหาตัวยาที่ชื่อว่ากุญแจทอง
“หลีโม่ มีนกพิราบสื่อสารส่งมา ” โหรวเหยาเข้ามา ในมือถือจดหมายเข้ามาด้วย
หลีโม่ก็กำลังหัวยุ่ง พอได้ยินว่ามีจดหมายส่งมา ก็ยื่นมือรับไว้ “จดหมายหรือ? ไอ้เจ็ดส่งมาหรือ?”
“ไม่ใช่ แต่กาวเฟิ่งเทียนส่งมา หลิงลี่ให้มา” โหรวเหยากล่าว
หลีโม่รีบเปิดดู ก่อนหน้านี้ให้กาวเฟิ่งเทียนช่วยไปดูสถานการณ์ที่แคว้นต้าโจว ว่ามีโรคระบาดเข้าไปในเมืองหรือไม่
กาวเฟิ่งเทียนบอกว่า ทางฝั่งชายแดนยังไม่มีโรคระบาด ทุกอย่างปกติดี
ไม่มีโรคระบาดออกไป ก็ทำให้หลีโม่วางใจขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...