บทที่604 มีทหารเป็นผู้เก่ง
ผู้ป่วยกาฬโรคมีอาการแย่ลง แต่ยากลับมีน้อย หลีโม่ผู้ชาญฉลาดก็ไม่สามารถช่วยได้ หากไม่มีข้าวจะทำอาหารได้อย่างไร
โชคดีที่มีสมุนไพรมากมายในภูเขาแห่งนี้ และหลิงลี่บอกว่านางได้ติดต่อกับท่านอ๋องแล้ว แต่เดิมทีท่านอ๋องกลับที่ไป แคว้นต้าเหลียงแล้ว ตั้งแต่ที่เขามาบอกทางแก้ปัญหาให้กับหลีโม่ เขาก็กลับไปที่ต้าเหลียงเพื่อซื้อยาและสมุนไพรจำนวนมาก
ในเวลาเดียวกัน หลิ่วหลิ่วส่งจดหมายไปหาเหลาไท่จุน ขอให้นางส่งยาและสมุนไพรมาที่แคว้นต้าโจว
เพียงแต่ต้องใช้เวลาและผู้ป่วยกาฬโรคก็ต้องผ่านบททดสอบนี้ก่อนจึงจะรอยาและสมุนไพรเพื่อช่วยชีวิตได้
หลีโม่ศึกษาใบสั่งยาซ้ำๆ ใบสั่งยานี้มียามากกว่าหนึ่งโหลที่ผสมผสานและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทำให้หลีโม่ตกตะลึง คนที่ใช้ยานี้มีความสามารถและความกล้าหาญมาก
โรคระบาดไม่ใช่เรื่องง่ายในการรักษา ทางการแพทย์ที่ทันสมัยสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคระบาดต้องใช้ยาปฏิชีวนะเป็นจำนวนมากและหลังจากการรักษาจะทำให้อวัยวะต่างๆในร่างกายถูกทำลายในระดับที่แตกต่างกันออกไป
ความร่วมมือของฉินโจวยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยของภูเขาหางหมาป่า
เพราะว่าฉินโจวนำผู้คนมากว่า30คนมาที่นี่ หลีโม่ระดมคนเหล่านั้นเพื่องลงจากเขายังเมืองหลวง เพื่อที่จะซื้อยาและสมุนไพร
แต่ว่าเนื่องจากช่วงแรกของการแพร่ระบาด รัฐบาลได้ส่งยาและสมุนไพรไปยังพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว ดังนั้นที่เมืองหลวงจึงมียาไม่เพียงพอ
หลีโม่จึงทำได้เพียงรวบรวมสมุนไพรในภูเขา แม้ว่าจะมีไม่กี่ชนิดแต่ก็ยังพอมีทางเลือก นางหวังว่าจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
มีข่าวดีอีกเรื่องในตอนเย็น นั่นคือแม่ทัพใหญ่หลงยินดีที่จะร่วมมือกับไอ้เจ็ดและจะมีความคิดริเริ่มที่จะติดต่อกับพวกยึดมั่นสันติภาพ
เมื่อหลีโม่นำข่าวมาบอกฉินโจว ฉินโจวไม่ได้มีการแสดงออกใดๆ เพียงแต่พูดเบาๆว่า “ขอให้เขาทำจริงๆเถอะ”
พวกยึดมั่นสันติภาพนั้นไม่เล็กแต่เนื่องจากมันกระจัดกระจายและไม่เหนียวแน่น จึงต่างจากพวกยึดมั่นทำสงคราม กองกำลังทั้งสามฝ่ายของพวกยึดมั่นทำสงครามคือกองกำลังที่ทรงพลังทั้งหมด ท่านอ๋อง ฉินโจวและฉาวฮองเฮา ทั้งสามคนเป็นนักเคลื่อนไหว ปราบปรามพวกยึดมั่นสันติภาพด้วยพลังที่แข็งแกร่ง ถ้าหากพวกยึดมั่นสันติภาพมีคนจำนวนมากเช่นเดียวกับคนของอ๋องฉี สถานการณ์ก็จะมีความแตกต่าง
อ๋องฉีทำงานหนักมาหลายปี แต่น่าเสียดายที่ความสามารถของเขามีจำกัด แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวกับนิสัยของเขา เขาเป็นคนอ่อนโยนและไม่เด็ดขาด ดังนั้น ทุกคนจึงไม่เชื่อเขา
และตอนนี้สิ่งที่เร่งด่วนมากขึ้น ก็คือผู้ประสบภัยจากภัยพิบัติที่ฉาวจี๋กักตัวไว้ที่เมืองอาน
ตอนนี้ฉินโจวเป็นคนเดียวที่สามารถระดมพลในเมืองหลวงและต่อสู้กับฉาวจี๋ได้
คืนนี้ หลีโม่กำลังสนทนากับฉินโจว โหรวเหยา หลิงลี่และซูม่อ
เพราะผู้ประสบภัยในเมืองอานจะต้องได้รับอาหารและยา มิฉะนั้นภายในไม่กี่วันทุกคนก็จะตาย
มีเพียงฉาวจี๋เท่านั้นที่สามารถสั่งไม่ให้ใครเข้าไป ดังนั้นอยากส่งอาหารและยาก็ไม่สามารถส่งได้ จึงทำให้ไม่มีอาหารและยา
“ผู้ที่สกัดกั้นผู้ประสบภัยที่ประตูเมืองก่อนหน้านั้นเป็นคนของข้าทั้งหมด แต่หลังจากถูกกักตัวที่เมืองอาน ฉาวจี๋ก็ใช้หน่วยลาดตระเวนและทหารในเมืองหลวง และอพยพคนของข้าทั้งหมด ดังนั้นหากเจ้าต้องการควบคุมสถานการณ์การป้องกันใน เมืองอาน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นคนของข้า”
“เจ้ามั่นใจว่าเจ้าทำได้ใช่หรือไม่?” หลีโม่ถาม
ฉินโจวดูหยิ่งยโส “คนเหล่านั้นเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า อยู่กับข้ามาหลายปี ในสายตามีเพียงข้าไม่ใช่ฮ่องเต้ เจ้าคิดว่าข้าสามารถทำได้หรือไม่?”
หลีโม่กลอกตา ตั้งแต่ที่ฉินโจวตัดสินใจให้ความร่วมมือ ความเย่อหยิ่งของนางก็ปรากฏออกมา
“ดี ในเมื่อแม่ทัพใหญ่ฉินบอกว่าทำได้ ถ้าเช่นนั้น ตอนนี้ยังเหลือคำถามอีกหนึ่งคำถาม ยาเอาจากที่ไหน? อาหารเอาจากที่ไหน?” หลิ่วหลิ่วถาม
แน่นอนว่านี่คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุด ไม่มีอาหาร ไม่มียา ไม่มีอะไรเลย ผู้ประสบภัยที่เมืองอาน ไม่มีอะไรตกถึงท้องพวกเขาเลย
ริมฝีปากของซูม่อขยับ แต่ก็หันไปมองที่ฉินโจวอย่างลังเลและไม่กล้าพูด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...