พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 613

บทที่ 613 เป็นผู้หญิงแล้วจำเป็นต้องแต่งงานด้วยหรือ

ฉินโจวเห็นนางเงียบ นักว่านางรู้สึกว่าตัวเองบ้าบอ จึงพูดขึ้นอย่างเยือกเย็นว่า “ที่แท้ก็มีความคิดเห็นทางโลก ข้าก็นึกว่าเจ้าจะไม่เหมือนกับคนอื่น”

หลีโม่โบกมือ “ไม่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น ความจริงแล้ว ข้าอยากให้เจ้าเป็นฮ่องเต้ คำพูดนี้ถึงจะฟังดูเนรคุณ แต่ประชาชนเป่ยม่อต้องการฮ่องเต้ที่มีคุณธรรม”

ความคิดของฉินโจว ที่จริงก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบ เพียงแค่ตอนนั้นเกิดมีความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมากะทันหันเท่านั้น

นางหวังว่าอ๋องฉู่โยว่จะเป็นคนดั่งที่นางคาดหวัง เป็นฮ่องเต้ที่ประชาชนต้องการ จะได้ไม่เป็นการเสียทีที่นางถูกตั้งข้อหาเป็นกบฏในวันนี้

หลีโม่ไม่รู้ในใจนางคิดยังไง เห็นนางยังเงียบอยู่ ก็นึกว่านางไม่เชื่อคำพูดของตัวเอง จึงพูดต่อว่า “ที่จริงที่เจ้าพูดว่าตั้งแต่สมัยก่อนจนถึงปัจจุบัน ไม่มีจักรพรรดิหญิง ไม่เป็นความจริง อย่างน้อยที่ข้ารู้มียุคสมัยหนึ่งเคยมีจักรพรรดิหญิงองค์หนึ่ง”

“ไม่มี” ฉินโจวรอบรู้ประวัติศาสตร์เป็นอย่างดี รู้ว่าหลีโม่โกหกนาง

“มี ฉินโจว โลกใบนี้กว้างใหญ่มาก สถานที่เจ้าเคยเดินผ่าน ไม่ถึงเศษในพันของโลกใบนี้เลย นอกจากประเทศต้าโจว แคว้นต้าเหลียง แคว้นเป่ยม่อแล้ว ยังประเทศอื่นๆอีกมากมาย ข้ามมหาสมุทร เดินต่อไปเรื่อยๆ ยังมีอีกหลายร้อยประเทศที่ตอนนี้เรายังไม่สามารถไปถึงได้ ที่นั่น มีประเทศหนึ่งที่ของพวกเราที่เราไม่ไปไม่ถึง เรียกว่าราชวงศ์ถัง มีฮ่องเต้บูเช็กเทียนองค์หนึ่ง พระองค์เป็นหญิง...”

หลีโม่มีสติขึ้นมาไม่น้อย ความเจ็บปวดตรงบาดแผลบรรเทาลง จึงเล่าเรื่องราวของบูเช็กเทียนให้นางฟัง

ฉินโฉวได้ฟังเรื่องราวของบูเช็กเทียนแล้ว ความคิดเป็นบวกขึ้น “ผู้หญิงคนหนึ่ง กลายเป็นฮ่องเต้และยังสามารถปกครองบ้านเมืองได้เหมือนอย่างผู้ชาย?”

“ใช่ อย่างน้อย ในรัชสมัยของฮ่องเต้บูเช็กเทียน สร้างผลงานทางการเมืองตั้งมากมาย ฮ่องเต้มากมายยังสู้พระองค์ไม่ได้...”

ฉินโจวถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง “หากข้าสามารถได้พบกับฮ่องเต้บูเช็กเทียนคนนี้ จะดีมากเลย เจ้าลองเล่ามาสิ พระองค์มีผลงานทางการเมืองอะไรบ้าง?”

หลีโม่มองดูแววตาที่เป็นประกายของฉินโจว ก็อดไม่ได้ที่จะแอบขำ แต่ก็พูดอธิบายว่า “ลดภาษี、สงบสงคราม、ลดแรงทาสต่างๆสนับสนุนด้านการทำเกษตรตามฤดูกาล ในช่วงครึ่งศตวรรษที่พระองค์มีอำนาจ เศรษฐกิจของราชวงศ์ถังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ผลผลิตก็อุดมสมบูรณ์มาก”

“ลดภาษี、สงบสงคราม、ลดแรงทาส?” ฉินโจวพูดบ่นพึมพำ

ผู้ชายประเทศต้าโจว ล้วนไปสู้รบหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถทำการเกษตรได้ตามฤดูกาล เสบียงอาหารแคว้นเป่ยม่อไม่เพียงพอมาหลายปี จะต้องยืมหรือซื้อเสบียงอาหารจากประเทศรอบๆ เป็นแบบนี้มาตลอดทุกปี ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่า ขอเพียงยึดครองประเทศนั้นๆ อย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปยืมเสบียงอาหารอีก ถึงตอนนั้น ทุกๆอย่างก็จะเป็นของเป่ยม่อแล้ว

“ช่างเถอะ” ฉินโจวโบกมือขึ้นมาในทันใด “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ข้าไม่อยากเป็นฮ่องเต้”

หลีโม่ไม่พูดอะไร แต่นางรู้ว่าฉินโจวจะต้องแย่งชิงบัลลังก์แน่

เพราะนางมีความทะเยอะทะยานนี้ ฉินโจวเป็นแม่ทัพที่ทำศึกออกรบมานานหลายปี มีอำนาจอย่างไร้เทียมทานในเป่ยม่อ เป็นปรปักษ์กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้อย่างสบาย หากไม่ใช่เพราะในใจมีความคิดที่จะกบฏต่อฮ่องเต้ แค่นางพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถทรยศต่อฮ่องเต้กับฉาวฮองเฮาได้ในทันใดได้อย่างไร?

ฮ่องเต้ไม่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เผาผู้ติดเชื้อโรคระบาด ถือเป็นข้ออ้างอย่างหนึ่งให้กับนาง ข้ออ้างที่สามารถปลอมใจตัวเองแล้วต่อคนในโลก

แน่นอน เรื่องนี้ทำให้นางโกรธมากจริงๆ และก็เพราะแบบนี้ หลีโม่ยิ่งคิดว่านางจะต้องเป็นฮ่องเต้ เพราะนอกจากนางจะมีความทะเยอะทะยานแล้วนางยังมีประชาชน

หลีโมมั่นใจ วันนี้ที่นางเกิดมีความคิดเช่นนี้ ความคิดนี้ก็จะหยั่งรากและเติบโตอย่างดุเดือด

หลายปีผ่านไป ฉินโจวจะนั่งบนที่สูง คิดถึงตอนนี้ที่ได้พูดคุยกับเสี้ยหลีโม่ นางจะต้องอมยิ้ม แล้วก็พูดด้วยเสียงเบาว่า “ลดภาษี、สงบสงคราม、ลดแรงทาสข้าทำได้จริงๆแล้ว ไม่เสียทีที่ผ่านเรื่องลำบากด้วยการทำด้วยใจ”

นางจะนึกถึงผู้หญิงสดใส และเข้มแข็งคนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า คิดถึงป่าเขาลำเนาไพร คำพูดที่เคยคุยกับนางเกี่ยวกับเรื่องราวในประเทศ

เพียงแต่ ตอนนี้ฉินโจวยังไม่สามารถละทิ้งความปลดภาระของการเป็นขุนนาง นางยังคงคิดที่จะสนับสนุนให้อ๋องฉู่โยว่ขึ้นครองราชย์

แต่บางทีนางอาจจะคิดไม่ถึง สรรพสิ่งในโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อ๋องฉู่โยว่คนนั้น สุดท้ายแล้วจะไม่มีบุญได้เป็นฮ่องเต้ตามที่นางวางแผนไว้

แต่อ๋องฉู่โยว่จะกลายเป็นบันไดให้นางได้ไต่ขึ้นไปเป็นฮ่องเต้ นางยังคงคำนึงถึงเขาเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม