บทที่ 614 เพลิงไฟ
หลีโม่ไม่รู้ว่านางมีเหตุผลอะไรทำไมถึงไม่แต่งงาน แต่ตอนนี้ชีวิตของตัวเองยังต้องเพิ่งนาง จึงพูดปลอบว่า “ให้ทุกอย่างเป็นไปตามความรู้สึก จะแต่งงานก็ต้องเจอกับคนที่ตัวเองรัก ถึงจะคิดที่อยากจะแต่งงาน หากไม่เจอ จะแต่งกับใครอย่างขอไปทีไม่ได้”
“ชาตินี้ข้าจะไม่แต่งงาน” ฉินโจวพูดขึ้นอย่างเยือกเย็น
เย็นในหุบเขาที่เยือกเย็นพัดผ่านใบหน้าของฉินโจว บนใบหน้าที่มุ่งมั่นและกล้าหาญแสดงให้เห็นถึงความเยือกเย็น เอวของนางยึดตรงมาก ความเป็นทหารครอบงำนิสัยใจคอของนางไปแล้วทั้งหมด ก่อนอื่นนางให้ความสำคัญกับการเป็นทหาร ลำดับต่อไปถึงค่อยเป็นผู้หญิง
“ไม่จำเป็นต้องพูดถึงขนาดนี้ ตอนนี้เจ้ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ ต่อไปเมื่อเจอแล้ว ก็อาจจะแต่งงานก็เป็นได้”
คนเราอย่าพูดอะไรเด็ดขาดขนาดนั้น
ฉินโจวกลับเน้นย้ำอีกครั้งว่า “ข้าจะไม่แต่งงาน ชาตินี้ข้าไม่มีทางเจอคนที่รู้ใจ ต่อให้ข้าชอบคนอื่น คนอื่นก็ไม่มีทางชอบข้า”
หลีโม่อึ้งไปแปบหนึ่ง “ที่จริงตอนนี้เจ้ามีคนที่ชอบแล้ว ใช่ไหม? อีกฝ่ายไม่ชอบเจ้า?”
“คนคนนั้นแต่งงานแล้ว และชาตินี้ก็จะไม่มีทางชอบข้า” ฉินโจวพูดขึ้นอย่างเย็นชา
หลีโม่ถอนหายใจเบาๆ คิดไม่ถึงว่าฉินโจวที่กล้าหาญเช่นนี้ก็มีความอ่อนโยนที่กล้าหาญเช่นกัน
“ข้ารู้จักคนคนหนึ่ง เขายืนหยัดเฝ้ารอคอยความรักของเขา แต่คนที่เขารัก แต่งงานมีลูกแรก...”
“เจ้าหมายถึงอ๋องอานชินแห่งประเทศต้าโจว? คนที่เขารักก็คือแม่ของเจ้าไม่ใช่หรือ?” ฉินโจวดักคำพูดของนาง
หลีโม่คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวของอ๋องอานได้เลื่องลือมาถึงเป่ยม่อแล้ว จึงไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ใช่เขา แต่ที่จริงข้าไม่เห็นด้วยกับการที่เขากระทำเช่นนี้ ใช้ทั้งชีวิตรอคอยความรักที่สิ้นหวัง”
“แต่เขาก็รอจนสมหวังแล้ว ไม่ใช่หรือ? แม่ของเจ้ากับพ่อของเจ้าหย่ากัน พ่อของเจ้าก็ตายแล้ว พวกเขาก็สามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว”
หลีโม่ไม่รู้จะพูดยังไงต่อขึ้นมาทันที ที่แรกก็คิดเพียงอยากที่จะพูดโน้มน้าวฉินโจว แต่ตัวเองกลับตบปากตัวเอง เสี้ยหลีโม่ ทำเป็นฉลาด
ทั้งสองคนเงียบไปสักพัก ฉินโจวเปลี่ยนท่านั่งใหม่ ใช้มือประคองตัวนางไว้ แล้วขยับถอยออกไปหน่อย
เนินนาน เสียงเบาๆของฉินโจวก็ลอยมา สดใสเหมือนดั่งลมในหุบเขานี้ “เสี้ยหลีโม่ ชั่วชีวิตของเจ้าไม่มีทางเข้าใจว่าในใจข้าคิดอะไรอยู่”
หลีโม่รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย ในหัวสมองมีอารมณ์ความรู้สึกแปลกๆ นางครุ่นคิดไปคิดมา สุดท้ายก็พูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “เจ้าชอบไอ้เจ็ดจริงๆ”
“หุบปาก” ฉินโจวพูดเสียงต่ำ เหมือนดั่งเสียงฟ้าผ่า ทำให้หลีโม่ตกใจจนหดตัว
“มีเพียงเจ้าคนเดียวที่เห็นซือถูเย้นสุนัขจิ้งจอกนั่นมีค่า ไม่อยู่ในสายตาข้าหรอก เซียวโธ่คนนั้น ยังดีกว่าซือถูเย้น”
เนิ่นนาน หลีโม่พูดขึ้นพึมพำว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะชอบเซียวโธ่”
ฉินโจวกัดฟัน อยากที่จะผลักหลีโม่ลงจากม้าไป
หลีโม่ก็พูดขึ้นด้วยเสียงเบาอีกว่า “เซียวโธ่แต่งงานแล้ว นิสัยหลิ่วหลิ่วก็ไม่ธรรมดา...”
“หุบปาก” คิ้วตาฉินโจวเฉียบคม
หลีโม่กลืนน้ำลายไปหนึ่งที ฉินโจวคนนี้หากโหดขึ้นมา ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“ได้ ข้าไม่พูดแล้ว”
ที่แรกฉินโจวประคองนางไว้ แล้วค่อยๆเปลี่ยนเป็นอุ้มไว้ ในใจหมดหวังอย่างบอกไม่ถูก
สิ่งที่เจ้าขอ ชั่วชีวิตนี้ก็จะไม่มีทางได้มา ถึงแม้ต่อไป เจ้าได้เป็นฮ่องเต้ สูงส่งเสียดฟ้า มีอำนาจในมือ แต่สิ่งที่เจ้าอยากได้ ฟ้าสวรรค์ก็ไม่มีทางประทานให้เจ้า
“ข้าไม่เคยเป็นเหมือนตอนนี้ เกลียดตัวเองที่มีร่างกายเป็นผู้หญิง”
นางพูดอย่างขมขื่น
หลีโม่รู้ว่านางจะต้องมีเรื่องในใจแน่ แต่คิดถึงนิสัยที่เปลี่ยนไปได้อย่างมากมายของนางแล้ว จึงไม่พูดอะไรอีก
ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันอีก เดินไปประมาณครึ่งชั่วโมง ฉินโจวหยุดม้า
“เจ้าได้กลิ่นอะไรไหม?” ฉินโจวถามขึ้นอย่างกะทันหัน
หลีโม่สูดดมดู แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไป “กลิ่นควันไฟ กลิ่นควันไฟไหม้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...