พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 621

บทที่ 621 ตื่นขึ้น

ฉินโจวเมื่อพบทั้งสามคนที่กำลังสนทนากันอยู่ ก็เอ่ยขึ้น “พวกเจ้าคุยกันไปก่อน ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่”

หลีโม่กลับเอ่ยถามขึ้น “ท่านแม่ทัพใหญ่ฉิน ท่านคิดว่าจะทำอย่างไรดี?”

ฉินโจวเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มอันเย็นเยียบ “อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เอง”

หลีโม่คุ้นเคยกับลักษณะการพูดปิดบังมีเงื่อนงำของคนโบราณไปแล้ว คำพูดแต่ละคำไม่เคยจะพูดอย่างตรงไปตรงมา ต้องให้คาดเดาเอาเองตลอด

นางเอ่ยอย่างหมดแรง “ได้ ข้าจะรอดู”

ฉินโจวหันกายเดินออกไป

หลิ่วหลิ่วจดจ้องเงาหลังของฉินโจว รอจนม่านไม้ไผ่ตกลงจึงนั่งลงข้างๆ หลีโม่พลางเอ่ยขึ้น “ฉินโจวผู้นี้ช่างเย็นชายิ่งนัก ดูแล้วช่างน่ากลัวนัก”

หลีโม่คิดถึงช่วงที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับฉินโจวไม่กี่วันที่ผ่านมา พลางแย้มยิ้มขึ้น “นางก็เพียงแค่เย็นนอกร้อนใน ไม่มีอะไรหรอก”

“แต่ก็ไม่ได้เห็นความร้อนรุ่มของนางเลยนะ” หลิ่วหลิ่วกระซิบกระซาบ

ความสนใจทั้งหมดของหลีโม่มาอยู่บนใบหน้าของหลิงลี่ ผ้าคลุมหน้าสีดำแม้จะไม่โปร่งจนเห็นใบหน้า แต่ก็เห็นรอยสีชมพูอยู่ใต้ขอบตาได้

“อย่ามองข้าแบบนั้น ข้าไม่เป็นอะไร ใช้เวลาสองวันเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง” หลิงลี่เอ่ยขึ้นเมื่อหลีโม่มักจะจ้องมองมายังนาง

หลีโม่รู้ว่านางเป็นคนมีเรื่องราวในอดีต จึงไม่ถามอะไรต่อ พลางเอ่ยขึ้น “หลิงลี่ เจ้าเห็นจิ่งพาตัวโหรวเหยาไปใช่ไหม?”

หลิงลี่เอ่ย “ข้าก็ไม่ได้เห็นชัดเจน มีควันปกคลุมไปทั่ว และตอนนั้นสถานการณ์ก็วุ่นวายไปหมด ข้าเอาแต่พาผู้คนหนีออกมา เพียงเห็นไกลๆ เห็นโหรวเหยาช่วยคนเจ็บ จิ่งก็วิ่งเข้าไป แล้วก็เห็นจิ่งอุ้มคนคนนึงวิ่งไป”

ขอบตาหลิ่วหลิ่วแดงขึ้น “โหรวเหยาจะตายไม่ได้นะ พวกเรามีคนมามากมายเท่าใด ก็ต้องกลับไปจำนวนเท่านั้น”

หลีโม่กอดหลิ่วหลิ่วไว้ครู่หนึ่ง ไร้คำพูดใดๆ

หลิงลี่เอ่ยขึ้น “แม่ทัพซูชิงมีจดหมายมา ข่าวว่าตอนนี้พวกเขาอยู่บนเส้นทางไปเมืองหลวง กำลังเร่งรุดไป”

หลี่โม่คลายกอดหลิ่วหลิว “จริงหรือ?”

“จริง!” หลิงลี่ตอบ

“อย่างนั้นก็ดีเลย!” สายตาหลี่โม่ปรากฏแววอาฆาต “ชีวิตคนกว่าห้าพันชีวิต ต้องค่อยๆ คิดบัญชีกับมัน”

หลิ่วหลิ่วเอ่ยขึ้นอย่างเจ็บปวด “ข้าเติบใหญ่มาจนถึงป่านนี้ นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดที่ข้าเคยพานพบ”

หลีโม่ลูบศีรษะนาง เอ่ยปลอบ “ไม่เป็นไร เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“ฟ้ามืดดินหม่น ควันพวยพุ่งไปทุกที่ ไฟแผดเผาทุกทาง ราวกับหมาป่าผู้หิวโหยคร่าเหล่าทหารสิ้น...” หลิ่วหลิ่วกระซิบกระซาบต่อไป “แม้แต่เด็กๆ ก็ไม่ละเลย...”

จบคำ ก็ปล่อยโฮออกมา

นางอดทนมาเนิ่นนานแล้ว อยากจะร่ำไห้มานาน แต่กลับกลัวว่าคนอื่นจะมองว่านางแม้เป็นหญิงแต่งงานแล้วกลับไม่มีความอดทน ยิ่งไปกว่านั้นหลิงลี่ยังไม่เคยหลั่งน้ำตาแม้สักหยดเดียว นางจึงไม่อาจร้องไห้ได้ กักเก็บไว้ในใจมาหลายวัน ประกอบกับที่หลีโม่เอ่ยถึงเรื่องราวในคืนนั้น จึงอดทนต่อไปไม่ไหว

นางตัดสินใจแล้ว นางต้องปล่อยโฮสักครั้ง แล้วจากนี้จะค่อยๆ เติบโตขึ้น

ก็เหมือนกับบรรดาคนที่ตั้งใจมั่นกู่ร้องจะลดน้ำหนักทุกวัน เมื่อถึงเวลาที่จะลดน้ำหนักจริงๆ อย่างไรก็จะขอกินให้เต็มที่ก่อนสักหนึ่งมื้อเพื่อทำลายความอยากที่มี

ดังนั้น การร่ำไห้ครั้งนี้จึงสะเทือนไปทั้งฟ้าดิน

หลีโม่ที่แท้ก็เจ็บปวดเหมือนกัน แต่เมื่อเห็นนางร่ำไห้จนน้ำตาผสมน้ำมูกไหลเป็นทาง เสียง “ซี้ด” ดังขึ้น นางกลับสูดน้ำมูกนั้นกลับเข้าไป

น้ำตาของหลีโม่ถึงกับนิ่งค้าง มองนางด้วยสายตาตื่นตะลึง และก็ไม่รู้ว่าจะปลอบนางอย่างไร เพียงคิดอยากเอาผ้าไปอุดไว้ที่จมูกของนาง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม