สรุปเนื้อหา บทที่ 629 เรื่องงานแต่งของฉินโจว – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง
บท บทที่ 629 เรื่องงานแต่งของฉินโจว ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 629 เรื่องงานแต่งของฉินโจว
นางเก็บก้อนหินเล็กๆ ที่อยู่บนพื้นขึ้น ขว้างมันออกไปในแม่น้ำ หินก้อนนั้นส่งเสียงจ๋อมๆ กระเพื่อมบนผิวน้ำชั่วครู่ก็จมลง รอยน้ำวงเป็นวงกลมกระเพื่อมต่อไปเรื่อยๆ แต่ทุกสิ่งก็กลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีใครถามข้าว่าชอบหรือไม่ เหลาไท่ไท่บอกว่าแม่ทัพใหญ่หลงชอบตัวข้า นับเป็นโชคดีของข้าแล้ว” น้ำเสียงของฉินโจวดูลำบากใจยิ่งนัก
“ย่าทวดของเจ้า?”
“ใช่แล้ว” ฉินโจวเงยหน้าขึ้น ขอบตาคมยาวดูโดดเด่นให้ความรู้สึกลึกล้ำ “ข้าถามเจ้าแล้วหลายครั้ง สตรีจำต้องแต่งออกไปหรือ แต่ราวกับเจ้าไม่เคยตอบข้าอย่างจริงใจสักครั้ง”
ในใจหลีโม่รู้สึกหมดแรง ที่จริงแล้วนางเคยตอบไปแล้ว แต่ว่าออกมาจากใจหรือไม่ เห้อ...
“ข้าเคยพูดแล้ว ต้องทำตามใจ” หลีโม่ตอบ
“ทำตามใจ?” ฉินโจวพยายามทำความเข้าใจความหมายของคำพูดนาง “พูดราวกับง่าย แต่ทำจริงๆ นั้นแสนยากเย็น”
นางเงยหน้าขึ้นในที่สุด มองไปยังหลีโม่ “ฮองเฮาถามเจ้าใช่หรือไม่ ว่าระหว่างข้ากับฮ่องเต้มีความสัมพันธ์อะไรกันหรือเปล่า?”
หลีโม่ตะลึงไปครู่หนึ่ง “เจ้า...ฮองเฮาไม่ได้เอ่ยตรงเช่นนี้”
นางเดาออกได้อย่างไร?
สีหน้าของฉินโจวราบเรียบ “หากไม่พูดตรงอย่างนั้นก็นับว่าเป็นเช่นนั้นแล้ว เรื่องการแต่งงานครั้งนี้ จริงๆ แล้วเป็นนางที่เอ่ยขึ้น ในครั้งที่แม่ทัพใหญ่หลงได้รับแต่งตั้งเป็นป๋อโหว นางไปหาแม่ทัพใหญ่หลง พลางเอ่ยถึงเรื่องงานแต่งนี้”
“ฮ่องเต้เห็นเป็นอย่างไร?” หลีโม่กลับสนใจเรื่องนี้มากกว่า ฮองเฮาจะคิดอะไรไม่สำคัญ ฮ่องเต้มองอย่างไรสำคัญกว่า
“ฮ่องเต้ยังไม่รู้” ฉินโจวเอ่ย
หลีโม่ถึงกับขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นอ๋องอิงจุ้นท่านใหม่ เรื่องงานแต่งของเจ้า ฮ่องเต้จะไม่รู้ได้อย่างไร?เขายังไม่รู้ป๋อโหวกลับจะสู่ขอเจ้าแล้ว?”
“ยังไม่นับว่าสู่ขออย่างเป็นทางการ เพียงแค่เหลาไท่ไท่เอ่ยออกมาเท่านั้น เหลาไท่ไท่ชอบมาก”
หลีโม่ทดลองเอ่ยถาม “เจ้ารู้สึกกับฮ่องเต้...”
“หยุดเลย ไม่มีเรื่องอย่างนั้น” ฉินโจวรีบเอ่ยตัดบทเสียงค่อย สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ในใจเจ้า ไม่มีคนที่ถูกใจหรือ?” หลีโม่ฟังเสียงเอะอะที่ดังมาจากด้านหน้า ฮ่องเต้กำลังพูดคุยหัวเราะอยู่กับเหล่าขุนนาง สร้างความสัมพันธ์อันดี
ไอ้เจ็ดก็ถูกอ๋องฉีและแม่ทัพใหญ่หลงลากไป
ฉินโจวประกายตาแวววาว “มี!”
“ใครกัน?” หลีโม่เอ่ยถาม กลับรู้สึกว่าแววตานางแปลกประหลาดนัก ในใจกลับหนักอึ้ง
“ซือถูเย้น!” ฉินโจวเอ่ย
หลีโม่ถอนหายใจเบาๆ “ฉินโจว!”
ฉินโจวหัวเราะออกมา “เอาหล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้ว พูดถึงเจ้าดีกว่า เจ้าชอบซือถูเย้นมากไหม?ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าคงตื่นเต้นน่าดู?”
หลีโม่ก็นั่งลงเช่นเดียวกัน มือเท้าคาง คิดอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่อาจปิดบังความรู้สึกผ่านสายตาได้ “ตอนแรกที่แต่งกับเขา ก็ถูกบังคับให้ขึ้นเกี้ยว วุ่นวายไปหมด ไม่ราบเรียบ แต่เมื่อตอนนี้กลับไปคิดกลับรู้สึกโชคดีที่มีเขา ที่เจ้าบอกว่าตื่นเต้นน่าสนุก กลับไม่มีหรอก ที่จริงแล้วกลับเป็นความเรียบง่ายมากกว่า”
“เรียบง่ายหรือ แล้วเจ้าก็มีความสุขดี?” ฉินโจวหัวเราะอย่างเย็นชา “เกรงว่าจะไม่เรียบง่าย เจ้าเพียงแต่ไม่อยากบอกข้ามากกว่า?”
“ก็ไม่ได้มีอะไรที่บอกเจ้าไม่ได้ ความเรียบง่ายก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง ต้องดูว่าเจ้าอยากได้อะไร” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ราวกับบุปผาแรกแย้ม
ฉินโจวนิ่งค้าง ไม่อาจละสายตาไปได้
ฉินโจวรีบกดเก็บความรู้สึกไว้ในใจ เรื่องบางเรื่อง แม้ชั่วชีวิตก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้
พูดเรื่องสัพเพเหระอีกหน่อย ทั้งสองก็กลับไป
ทั้งสองกลับมายังตำหนักกวางหมิง กลับเห็นเสียงหัวเราะรื่นเริงพลันหายไป บรรยากาศชอบกลนัก
ฮ่องเต้ที่นั่งบนบัลลังก์ร่างกายเอนลงเล็กน้อย ในมือถือแก้วชาอยู่ สีหน้าแดง
ชุดมังกรที่เขาสวมใส่ทำให้เขาดูยิ่งใหญ่สมอำนาจ ผมสีดำขลับขับใบหน้าจนเหมือนฮ่องเต้พระองค์ก่อน ริมฝีปากบางเรียบเม้มแน่น เขามองไปยังแม่ทัพใหญ่หลงที่คุกเขาอยู่บนพื้น
ฮองเฮาหวางมาถึงแล้ว นั่งลงเคียงข้างฮ่องเต้ สีหน้ายิ้มแย้มมองไปยังฮ่องเต้ แต่ทว่า สายตากลับมีแววเย็นชาปนอยู่
หลีโม่ก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน
เพิ่งได้ตำแหน่งฮองเฮาไม่นาน ก็สงสัยในตัวขุนนางคนสนิทของฮ่องเต้ และยังจัดการสร้างฉากแสดงอย่างนี้ต่อหน้าบรรดาขุนนาง ช่างโง่เง่าเสียจริง
แม่ทัพใหญ่หลงและฉินโจวต่างเป็นคนกุมอำนาจทหารไว้ในมือ ฮ่องเต้อยากจะแยกเขาทั้งสองคนออกจากกันให้เร็วที่สุด จะพระราชทานพิธีสมรสให้พวกเขาทำไมกัน?
และไม่รู้ว่าที่เหลาไท่ไท่ตระกูลฉินตัดสินใจอย่างนี้มีแผนอะไรอยู่ พูดตามเป็นจริงแล้วเหลาไท่ไท่ผู้ชาญฉลาดเช่นนี้ จะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้แน่
เพียงแต่ว่า ท่าทีของฮ่องเต้ช่างน่าสงสัย เขาดูโกรธเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่ควรมีท่าทีโกรธเคืองให้เห็น อย่างน้อย ค่ำคืนแห่งการสังสรรค์นี้เป็นเวทีของเขา เขาต้องซื้อใจบรรดาขุนนางทั้งหลาย แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับงานแต่งครั้งนี้ แต่ก็ไม่ควรจดจ้องแต่ฉินโจวอย่างไม่ลดละ
หลีโม่มองออกไป กลับเห็นขุนนางข้างกายฮ่องเต้ผู้หนึ่งกำลังรินเหล้าถวายให้ฮ่องเต้ เมื่อรินแล้วก็หันกายกลับไป เงาร่างและท่าทางนั้น ช่างดูคุ้นตานัก
หลีโม่นิ่งงันไปครู่หนึ่ง กลับได้ยินเสียงฮ่องเต้เอ่ยขึ้นเรียบๆ “อ๋องอิงจุ้น เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
ฉินโจวหัวเราะขึ้น เดินขึ้นไปพยุงแม่ทัพใหญ่หลงให้ลุกขึ้นยืน “แม่ทัพใหญ่หลง รีบลุกขึ้นเถิด คืนนี้เป็นคืนเฉลิมฉลองให้กับอ๋องซื่อเจิ้งและพระชายา พวกเราจะทำตัวเป็นแขกสำคัญได้อย่างไร?”
ขณะที่นางพยุงแม่ทัพใหญ่หลงขึ้น กลับกระซิบข้างหูแม่ทัพใหญ่หลง “ระวังจะถูกคนหลอกใช้”
แม่ทัพใหญ่หลงนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง มองไปยังสีหน้าของฮ่องเต้ ใจพลันกระตุกวูบ
เขาก็เหมือนกับฉินโจว มีเพียงความคิดด้านการศึก ยิ่งไปกว่านั้นความคิดของเขายังเรียบง่ายยิ่งกว่าฉินโจวอีกด้วย ไม่เช่นนั้นคงไม่ถูกคนหลอกใช้
เขามีชีวิตจนถึงตอนนี้ สิ่งที่หวั่นเกรงที่สุดคือหลานชายและหลานสาวของเขา ในตอนนี้ฉินโจวมีอำนาจทหารอยู่ในมือ และได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้ หากสามารถขอให้นางแต่งกับหลานชายเขาได้ หลานของเขาทั้งสองคงได้มีชีวิตที่สุขสบาย
ดังนั้น เขากลับไม่ได้พิจารณาเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลัง
เมื่อวันนี้ที่ได้รับการเตือนจากฉินโจว แผ่นหลังของเขาเย็นวาบ หากทั้งสองตระกูลเกี่ยวดองกัน นั่นเท่ากับเป็นมหันตภัยร้ายแรงนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...