พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 682

บทที่ 682 ข่าวดี

เมืองหลวงของต้าโจว ไม่ได้วุ่นวายเหมือนอย่างที่องค์หญิงอานพูดอย่างนั้น อย่างกลับมาเป็นระเบียบเหมือนปกติ

เพียงแต่ ความวุ่นวายในวังหลัง ล้วนต่างก็พุ่งเข้ามาหาหลีโม่

หลีโม่รำคาญมาก แต่ก็จะไม่รับมือก่อนไม่ได้

วันนี้ที่เข้าวังมาถวายพระพร ฮองไทเฮาก็สร้างปัญหาให้กับนางลำบากใจอีก

“เย้นเอ๋อทำผลงานที่ดีให้กับต้าโจวอย่างมาก ในเรือนของเขา ลูกหลานสืบสกุลสำคัญมาก พวกเจ้าแต่งงานกันมาจนถึงทุกวันนี้ ท้องของเจ้ายังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ข้าได้เคยปรึกษากับจิ่นไท่เฟย คิดว่าควรหารองพระสนมให้เย้นเอ๋อสองคน เพียงแต่ตอนนี้เย้นเอ๋อยังไม่กลับมา การแต่งตั้งพระสนมรองหากไม่ถามความเห็นของเขาก่อนก็ไม่ดี ดังนั้นจึงเว้นไว้ก่อน เพียงแต่ในจวนก็คนที่จะมีคนแล้ว เพราะฉะนั้นจึงส่งคนเข้าไปอยู่ในจวนก่อน หากต่อไปสามารถมีลูก ค่อยแต่งตั้งให้เป็นพระสนมรอง หลีโม่เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”

วันนี้จิ่นไท่เฟยก็มีร่วมถวายพระพรด้วย ได้ยินเช่นนี้แล้ว นางเลยหัวขึ้นทันใด อยากจะพูดอะไร แต่เมื่อประทัดกับสายตาคมกริชของฮองไทเฮาแล้ว คำพูดที่มาถึงริมฝีปากก็ถูกเลื่อนลงไป

หลีโม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร พระชายาอ๋องหลี่ชินก็พูดขึ้นว่า “ฮองไทเฮาดูแลทั่วถึงจริงๆ หม่อมฉันแต่งงานกับไอ้สามมาตั้งนานหลายปี ก็ไม่ได้มีลูกสักคน ฮองไทเฮาจะหาคนไปจวนอ๋องหลี่ชินด้วยไหม?”

พระชายาอ๋องหลี่ชินไม่ไว้หน้านางเลย แต่งงานกับไอ้สามมาตั้งนานหลายปี นางเรียนรู้ซึมซัมนิสัยไอ้สามมาบ้าง เรื่องที่ไม่พอใจ ยังไงก็จะต้องได้พูดออกมา

ฮองไทเฮากวาดสายตามองดูนาง พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ความกตัญญูกตเวทีมีอยู่สามประการ ไม่มีบุตรสืบสกุลสำเร็จที่สุด หากเป็นภรรยาที่ดี จากที่แต่งงานแล้วหนึ่งปียังไม่มีลูก ก็ควรที่จะหาสนมให้กับพาสามีแล้ว”

นางไม่ได้ว่าพระชายาอ๋องหลี่ชินตรงๆ แต่ก็เป็นการต่อว่าที่ตรงที่สุด หลายปีมานี้อ๋องหลี่ชินก็ไม่ได้แต่งตั้งพระสนมรองจริงๆ ยิ่งไม่มีสนมอะไรเลย

เพียงแต่ ใครก็รู้ว่าไม่ใช่พระชายาอ๋องหลี่ชินไม่ยอม แต่เป็นเพราะเขาไม่ยอม

พระชายาอ๋องหลี่ชินได้ยินเช่นนี้แล้ว ก็พูดขึ้นว่า “ข้าก็ไม่ใช่คนที่มีความเป็นกุลสตรีมาตลอด เรื่องนี้ใครๆเขาก็รู้กันไปทั่ว”

ฮองไทเฮาหัวเราะอย่างแปลกประหลาด “ข้าไม่ได้พูดแบบนี้ แต่ว่าพระชายารู้ตัวแบบนี้ก็ดี ท่านอ๋องคนนั้นของพวกเจ้า เป็นคนหัวโบราณ หากให้ข้าไปพูดหลักการกับเขาต่อให้ข้าพูดจนปากฉีก เขาก็ฟังไม่เข้าใจหรอก ดังนั้นข้าจึงไม่อยากสนใจเยอะแยะขนาดนั้นแล้ว”

สายตาของนางหันมามองหลีโม่ “หากเจ้าไม่มีความเห็นอะไร ข้าก็จะให้คนไปเลือกสรรมา เจ้าวางใจ สายตาของข้าไม่กล้าพูดว่าดีที่สุด แต่ก็ไม่เอาคนไปไว้ในจวนไปเรื่อย”

หลีโม่เงยหัวขึ้น พูดขึ้นอย่างเชื่องช้าว่า “ขอบพระทัยที่ฮองไทเฮาเป็นห่วง หลีโม่เป็นเพียงหญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เรื่องทุกอย่างล้วนต้องให้ท่านอ๋องเป็นคนจัดการ แต่งตั้งสนมเป็นเรื่องใหญ่ หลีโม่ไม่กล้าตัดสินใจ ตอนนี้ท่านรองก็ใกล้จะกลับมาแล้ว รอถึงตอนนั้นฮองไทเฮาค่อยพูดกับท่านอ๋องเอง? บางทีให้ท่านอ๋องเลือกเอง น่าจะพอใจยิ่งกว่า”

ฮองไทเฮาพูดอย่างไม่สนใจว่า “เรื่องเล็กน้อย ยังจะต้องให้เขามาเลือกเองด้วยหรือ? เจ้าที่เป็นหลวง ไม่มีความเป็นผู้นำเลยหรือ? เหมือนเจ้าแบบนี้ ต่อไปจะดูแลกิจการงานในจวนยังไง?”

หลีโม่โบกมือ “ก็มีฮองไทเฮาอยู่นี่? แม้แต่การเลือกสนมแบบนี้ฮองไทเฮายังตัดสินใจแทนได้เลย หลีโม่ไม่ได้เรื่องบ้างก็ไม่เรื่องสำคัญ”

ฮองไทเฮาหัวเราะอย่างแปลกๆ “เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่า เห็นด้วยกับความคิดเห็นของข้าใช่ไหม?”

“นี่เป็นการตัดสินใจของฮองไทเฮา หลีโม่ไม่กล้าปฏิเสธ”

ความคิดเห็น? ตัดสินใจ?

หลีโม่ก็ขี้เกียจที่จะเถียงกับนาง นางอยากส่งคนไปอยู่ในจวน ก็ส่งไปเถอะ หากไอ้เจ็ดพอใจ ก็ไม่มีทางเลือก

หากไม่พอใจ รอให้เขามาไล่ไปเองก็พอ

ฮองไทเฮาได้ยินเช่นนี้แล้ว ก็ยิ้มพร้อมพูดว่า “พระชายารู้จักเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เป็นภรรยาที่มีคุณธรรม เช่นนี้ จะสั่งคนไปเลือกคนมา”

หลีโม่ไม่พูดอะไร ท่าทีที่นางแสดงออกมา บ่งบอกอย่างชัดว่าข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เจ้าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ

ฮองไทเฮาไม่สบอารมณ์ จึงพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ากลับไปเถอะ ข้ายังมีธุระ”

ทุกคนต่างก็โล่งอก ต่างก็ขอตัวลากลับ

ออกไปจากประตูแล้ว พระฉายาอ๋องหลี่ชินพูดกับหลีโม่ว่า “เจ้าไม่ควรที่จะยอม ไม่รู้ว่านางจะเอาคนอะไรเข้าไปอยู่ในจวนของเจ้า”

หลีโม่หัวเราะพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไร มาก็ไม่มีประโยชน์ ไอ้เจ็ดที่เป็นผู้ชายก็ไม่อยู่บ้าน มาแล้วมากสุดก็แค่เปลืองข้าวเปลืองน้ำ ในจวนยังไม่จนถึงขั้นเลี้ยงข้าวไม่ไหว”

“เจ้านะ วันที่จะเถียงนางบ้าง นางจะได้ไม่คอยหาเรื่องเจ้าอยู่ตลอด” พระชายาอ๋องหลี่ชินพูดขึ้นอย่างโมโห

หลีโม่กลับหัวเราะเริงร่า “ไม่จำเป็น จะไปโกรธนางทำไม? ตำแหน่งของคนอื่นวางอยู่ตรงนั้น ถือว่าเป็นผู้อาวุโสของเรา หากล่วงเกินนาน ถือเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ปล่อยให้นางอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ ยังไงก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อหนังตัวเอง ไม่ต้องสนใจ”

“ก็ถูก ยังไงก็ถือว่าเป็นแม่สามีของเรา น่าโมโหยิ่งนัก”

กลับมาถึงจวนอ๋อง มามาบอกหลีโม่ว่าอ๋องเหลียงมาถึงแต่เช้าแล้ว ตอนนี้กำลังรออยู่ในสวน

หลีโม่รีบก้าวเท้าเดินเข้าไป ก็เห็นอ๋องเหลียงนั่งดื่มชาอยู่ในศาลา เห็นนางกลับมา ก็ยิ้มพูดขึ้นว่า “ข้ามาขอรางวัล”

หลีโม่เมิน “ขอรางวัล? รางวัลของข้าไม่ได้ของ่ายๆแบบนี้”

“ครั้งนี้ ต้องได้ยังรางวัลอย่างหนัก” อ๋องเหลียงยิ้มพูด

“รีบพูดมา” หลีโม่นั่งลง “ดีใจข้ากำลังอัดอั้นอยู่ เจ้าบอกข่าวดีให้ข้ามาหน่อย ให้ข้าได้หายโกรธบ้าง”

“เป็นอะไร? ใครทำให้เจ้าโกรธอีก?” อ๋องเหลียงถาม

หลีโม่กลอกตามองดูเขา “ใครๆเขาก็รู้ว่านางจะต้องทำให้ข้าโกรธ”

“ไม่ใช่หรอกหรือ? นางอคติต่อเจ้า ก่อนที่เจ้ายังไม่กลับมา พวกนั้นล้วนเป็นการวางอำนาจ เจ้ากลับมาแล้ว เจ้าก็คือคนที่จะถูกทำให้โมโห” อ๋องเหลียงพูด

“ข้าช่างซวยอะไรมากมายขนาดนี้” หลีโม่พูดขึ้น กลอกตามองบนแลดูเขา “ข่าวดีของเจ้าจะพูดหรือไม่พูด? หากไม่พูดข้าจะกลับไปทานข้าวแล้ว ยืนตั้งแต่เช้า ทั้งหิวทั้งเหนื่อย”

“อยากทานอะไร? วันนี้ข้าเลี้ยง ข้าสั่งตำหนักจูฟูเตรียมกับข้าวไว้เต็มโต๊ะแล้ว เชิญเจ้า หลิ่วหลิ่ว หลิงลี่ ไปทานข้าวด้วยกัน ฉลองกันเสียหน่อย”

“ฉลองอะไรหรือ?” หลีโม่แปลกใจ

“เป่ยม่อส่งจดหมายมาแล้ว จะดูไหม?” อ๋องเหลียงหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าแขนเสื้อ โบกสะบัดไปมาอยู่ตรงหน้าหลีโม่

หลีโม่อึ้ง “เร็ว ให้ข้าดูหน่อย”

อ๋องเหลียงโยนจดหมายให้นาง พร้อมพูดว่า “เจ้าไม่ต้องดู มีแค่สองเรื่อง เรื่องแรก ได้ช่วยฉินโจวออกมาได้แล้ว กำลังจะพาฉินโจวกลับมาเมืองหลวง เรื่องที่สองหาเจอโหรวเหยาแล้ว ตอนนี้อยู่หนานจุ้นกำลังเดินทางมาเมืองหลวงเหมือนกัน ถึงตอนนั้น จะกลับมาเมืองหลวงพร้อมกับเสด็จอา”

หลีโม่รีบเปิดจดหมายดู อ่านอย่างรวดเร็ว อ่านทุกคำอย่างละเอียด นางเอามือปิดปาก จนดวงตาของตัวเองมีน้ำตาไหลออกมาแล้ว “ดีจังเลย ดีจังเลย โหรวเหยาไม่เป็นไร”

อ๋องเหลียงถามขึ้นว่า “งั้นต้องให้รางวัลไหม? ข่าวนี้ สมควรได้รางวัลไหม?”

หลีโม่พูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ให้ อยากได้อะไรพูดมาเลย”

อ๋องเหลียงหัวเราะพร้อมพูดว่า “ข้าอาหารในวันนี้ เจ้าเป็นคนจ่ายเป็นยังไง?”

หลีโม่ลุกขึ้นยืน “ไม่ต้องไปทานที่ตำหนักจูฟูแล้ว ทานอยู่ในจวนองนี้แหละ เรียกให้ทุกคนมา เชิญเฉินไท่จูนมาด้วย ข้าจะลงครัวทำกับข้าวเอง”

“เจ้าลงครัวทำกับข้าวเอง?” อ๋องเหลียงพูดอย่างน่าสงสารว่า “หากข้าบอกข่าวดีอีกข่าวหนึ่ง จะสามารถไปทานที่ตำหนักจูฟูได้ไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม