พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 685

บทที่ 685 หาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัว

ตอนนี้ฉินโจวอยู่ที่จาวเหวินก่วนจริงๆ นางเรียกพบคนที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของนางแล้วหลายสิบคน สั่งงานช่วงหลังจากครึ่งปีต่อไปนี้

ขุนพลทหารเป่ยม่อ มีสถานะสูงส่งเช่นนี้ เป็นเพราะฮ่องเต้เป่ยม่อแต่งตั้งขึ้นมา ยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเอง เพียงเพื่อรวบรวมอำนาจทางทหาร ขยายอาณาเขตแผ่นดิน เพื่อสนองความทะเยอทะยานของตัวเอง

ครั้งนี้ซือถูเย้นไม่ได้ใช้อำนาจของกาวเฟิ่งเทียน ช่วยเหลือฉินโจวออกมาได้ด้วยตัวเอง และนี่ก็ไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ดังนั้น ซือถูเย้นจึงส่งจดหมายไปให้กาวเฟิ่งเทียน เพื่อบอกเขาว่า ข้างกายเขามีไส้ศึก

คืนวันที่สอง กาวเฟิ่งเทียนมาที่จาวเหวินก่วน บอกกับซือถูเย้นว่า ไส้ศึกหาเจอแล้ว

ไส้ศึกไม่ใช่ฮ่องเต้ส่งมา แต่เป็นท่านย่าฉินส่งไป

ตระกูลกาวเป็นตระกูลมีชื่อเสียงของยุทธภพเป่ยม่อ เกิดเรื่องแบบนี้ กาวเฟิ่งเทียนเองก็โทษตัวเอง

เขาพูดกับซือถูเย้นว่า “หากท่านพี่ของข้ายังอยู่ คงไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่”

“ท่านพี่ของเจ้า?” ซือถูเย้นไม่รู้ว่าเขายังมีพี่ชายด้วย

“ใช่ เขาฉลาดกว่าข้ามาก และก็ละเอียดอ่อนอย่างมาก สำนักกาวจวงหากเขาเป็นผู้นำสำนัก ตอนนี้คงมีชื่อเสียงไปทั่วโลกแล้ว” กาวเฟิ่งเทียนดูค่อนข้างเศร้าเสียใจ

“ตอนนี้ท่านพี่ของเจ้าอยู่ไหน?” ซือถูเย้นเห็นว่าเป็นคนที่แม้แต่กาวเฟิ่งเทียนยังนับถือ ก็อดไม่ได้ที่จะสนใจ เขาชอบที่จะเป็นเพื่อนกับคนที่มีความสามารถอยู่แล้ว

“อยู่หนานจุ้น อยู่ข้างกายอ๋องลั่วชิน” กาวเฟิ่งเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “มีอยู่ปีหนึ่งเพราะมีเรื่องเรื่องหนึ่ง จึงแตกหักกับท่านพ่อ แล้วก็ออกจากบ้านไปไม่กลับมาอีก แม้กระทั่ง ตอนที่ท่านพ่อตายก็ไม่กลับมา”

“อ๋องลั่วชิน? ชื่อว่าอะไร?” ในใจซือถูเย้นเต้นรัว

“กาวหลิงเทียน ตอนนี้ชื่อเทียนจีจื่อ”

ซือถูเย้นหัวเราะ “ที่แท้ก็เขาหรือ”

“ท่านอ๋องรู้จักเขา?” กาวเฟิ่งเทียนอึ้งเล็กน้อย

ซือถูเย้นพยักหัว “ไม่นับว่ารู้จัก แค่เคยส่งจดหมายให้เขาไปมา เขาก็จะกลับมาเมืองหลวงแล้ว”

“จริงหรือ?” กาวเฟิ่งเทียนมองดูซือถูเย้น ดวงตาค่อนข้างดีใจ แต่ก็พยายามอดกลั้นไว้

“ใช่ พรุ่งนี้ก็น่าจะมาถึงแล้ว” ซือถูเย้นพูด

กาวเฟิ่งเทียนยากที่จะอดกลั้นความตื่นเต้นดีใจของตัวเอง พูดพึมพำว่า “กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว อย่างน้อยก็ไปจุดธูปต่อหน้าป้ายศพท่านพ่อ ก่อนที่ท่านพ่อจะตายยังพูดถึงเขาอยู่เลย”

ซือถูเย้นไม่สนใจเรื่องราวภายในครอบครัวของพวกเขา เพียงแค่คิดว่าหากเทียนจีจื่อยืนอยู่ข้างฉินโจว อย่างนั้น เรื่องราวในเป่ยม่อมีเขากับอ๋องลั่วชินอยู่ งั้นหลังจากที่ฉินโจวไปจากเป่ยม่อแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรมาก

จึงให้พวกเขาอยู่เต้นรำ ร้องเพลงที่เป่ยม่อก่อน ปิดประตูแล้ว จะร้องยังไงก็ร้องอย่างนั้น เขาสนใจเพียงพาฉินโจวไป จัดการปัญหาที่เป็นอันตรายต่อชายแดนทั้งสองประเทศ

คืนวันที่สอง อ๋องลั่วชินนำทัพเข้ามาถึงเมืองหลวง พักอยู่ที่จวนอ๋องลั่วชินในสมัยแต่ก่อน

ฉู่จิ้งออกจากวังกลางดึกเพื่อไปหาอ๋องลั่วชิน ทั้งสองพี่น้อง ต่างก็หนีไม่พ้นกับคำพูดที่จอมปลอม

ฉู่จิ้งร้องไห้อย่างหนักตรงหน้าอ๋องลั่วชิน บอกว่าตัวเองถูกน้องชายกับลูกชายของตัวเองทรยศ

หากเป็นเมื่อก่อน แผนการขายความอนาถน่าสงสารแบบนี้ใช้ได้ผล แต่ตอนนี้อ๋องลั่วชิน ถึงแม้จะมีน้ำตาไหลออกมา แต่ในใจกลับซ่อนความเกลียดชังไว้ ดูยังไงเขาก็ดูเสแสร้งมาก

ฉู่จิ้งมีความรู้สึกที่ไว เขารู้ตัวอย่างรวดเร็วว่าท่าทีของอ๋องลั่วชินไม่เหมือนเดิม

ดังนั้น หลังจากที่เขาแสดงอาการน่าสงสารแล้ว ก็พูดเข้าเรื่องทันที “ครั้งนี้เจ้านำทหารมาเมืองหลวงหนึ่งแสนห้าหมื่นคนใช่ไหม?”

อ๋องลั่วชินพูดว่า “ใช่”

“งั้น...” ฉู่จิ้งมองดูเขา ตอนนี้ถึงแม้เขาจะแต่งหน้าเป็นขันทีหลิวซี แต่ดวงตาเป็นประกายเจ้าเล่ห์นั้นยังคงเหมือนเดิม “หนึ่งแสนห้าหมื่นนี้ เจ้ายินยอมที่จะยกให้ข้าไหม?”

อ๋องลั่วชินเงยหน้า มองดูฉู่จิ้ง “ทำไมเสด็จพี่ถึงถามเช่นนี้? น้องเข้าวังมาในครั้งนี้ ก็มาเพื่อเสด็จพี่”

“งั้น ตราสั่งการทหาร...”

อ๋องลั่วชินรีบพูดดักคำพูดของเขาว่า “ตอนนี้จะจัดการกับฮ่องเต้คังผิงยังไง?”

ฉู่จิ้งไม่ค่อยพอใจที่ถูกพูดดักทั้งๆที่ตัวเองยังพูดไม่จบ แต่ก็อดกลั้นไว้แล้วตอบว่า “ลูกเนรคุณนั่น ตอนนี้ถูกข้าวางยา เขาไม่กล้าทำอะไร หากก่อเรื่อง ชีวิตของเขาก็จะไม่ปลอดภัย”

“เป็นแบบนี้นี่เอง งั้นก็ให้เขาก็ปลดทะเบียนฐานะและยศทางทหารของฉินโจวไม่ได้ใช่ไหม?” อ๋องลั่วชินถาม

ฉู่จิ้งส่ายหัว “ไม่ได้ ต่อให้เป็นเมื่อก่อนข้าก็ทำแบบนั้นไม่ได้ อำนาจสั่งการทหารอยู่ในมือฉินโจว ตราสั่งการทหารก็อยู่ในเมืองนาง หากไม่มีความผิด จะได้ใจทหารมาได้อย่างไร? กลับจะเป็นการบีบบังคับให้ฉินโจวกบฏ”

ตอนนี้ เขาจะเสี่ยงแบบนี้ไม่ได้

อ๋องลั่วชินค่อยวางใจ พูดขึ้นว่า “เสด็จพี่ พรุ่งนี้น้องจะเข้าวังไปดูคนเนรคุณคนนี้”

“เจ้าจะไปดูมันทำไม?” ฉู่จิ้งถามอย่างไม่พอใจ

อ๋องลั่วชินหรี่ตาทั้งคู่ลง มุมปากอมยิ้ม “น้องกลับมาเมืองหลวง ตอนนี้จะไม่เข้าวังไปพบฮ่องเต้ก็ได้หรือ? หากคนอื่นรู้เข้าอาจจะสงสัยได้”

ตอนนี้คนข้างกายฉู่โยว่ เกรงว่าล้วนเป็นคนของฉู่จิ้ง ด้านนอกวังหากจะส่งข่าวเข้าไป คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ส่งข่าวอย่างลับๆไม่ได้ งั้นเขาก็จะต้องไปอย่างเปิดเผย

อีกอย่าง เขาไปส่งข่าว อย่างแรกคือให้ฮ่องเต้คังผิงฟัง อย่างที่สองคือให้ฉู่จิ้งฟัง เขาจะแสดงการตัดสินใจของตัวเองกับฉู่จิ้ง

ฉู่จิ้งรู้สึกเพียงว่าเขาเปลี่ยนไป แต่ก็พูดไม่ออกว่าตรงไหน ท่าทางของเขาก็ยังนอบน้อมมาก

“เสด็จพี่คิดว่าอย่างไร? หรือว่าน้องกลับมาเมืองหลวงแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าหวังไปพบเขา?” อ๋องลั่วชินถามกลับ

ท่าทีฉู่จิ้งนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “นี่...ก็ควรที่จะไปจริงๆ”

เพียงแต่ เขามักรู้สึกว่า มีอะไรซักอย่างผิดปกติ

“อืม ใช่ งั้นรอให้น้องเจอฉู่โยว่คนเนรคุณนี้ก่อน แล้วค่อยมาคุยกับเสด็จพี่อย่างละเอียดอีกที หรือว่าพรุ่งนี้เรียกท่านย่าฉินเข้ามาปรึกษาในวังด้วย? ยังไงก็เป็นเรื่องใหญ่ ต่อไปพวกเราจะทำยังไง จะต้องมีความเห็นตรงกัน”

ฉู่จิ้งมองดูสีหน้าที่จริงจังของเขา แล้วก็คิดว่าเมื่อกี้ตัวเองคงคิดมากไป เขาไม่เคยทรยศตน และก็เชื่อถือมาตลอด ไม่อย่างนั้น หลายปีมานี้ ก็คงไม่ส่งเงินกลับเสบียงอาหารมากมายขนาดนั้นมาให้เมืองหลวงทุกปี

“ก็ดี” ฉู่จิ้งพูดขึ้น

อ๋องลั่วชินเห็นเขารับปาก จึงพูดว่า “ตอนนี้สถานะของเสด็จพี่ไม่เหมือนเดิม กลับวังไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ประมาณเที่ยงๆ น้องจะเข้าวังไปหา”

เดิมฉู่จิ้งยังคิดที่จะคุยกับเขาอยู่ กลับได้ยินเขาพูดไล่ คิดๆแล้วก็ไม่ควรที่จะอยู่นานจริง “แบบนั้น งั้นข้ากลับก่อน”

“ทูลลาเสร็จพี่” อ๋องลั่วชินลุกขึ้น ยกมือประสานน้อมส่ง

ฉู่จิ้งยืนนิ่ง มองดูเขา สักพัก ค่อยพูดขึ้นว่า “น้องสาม ลำบากเจ้าแล้ว”

“ทำงานเพื่อเสด็จพี่ จะพูดว่าลำบากได้อย่างไร?” คิ้วตาอ๋องลั่วชินไม่ขยับ ยังคงก้มหัวไว้

ฉู่จิ้งยังคงดูอะไรไม่ออก จึงต้องกลับไป

หลังจากที่ฉู่จิ้งกลับไปแล้ว เทียนจีจื่อเข้ามา “พรุ่งนี้ท่านอ๋องมีแผนการอย่างไร?”

อ๋องลั่วชินมองดูเทียนจีจื่อ ดวงตาประกายแววโหดเหี้ยมที่อยากแก้แค้น “ท่านไม่เคยเห็นแมวจับหนู?”

“ไม่เคย”

อ๋องลั่วชินค่อยๆนั่งลง พูดขึ้นด้วยท่าทีเย็นชาว่า “เมื่อแมวจับหนูได้แล้ว จะไม่กัดกินมันทันที แต่จะเล่นอย่างสนุกสนานก่อน เล่นจนหนูเหนื่อยล้า แล้วค่อยลงมือ”

เทียนจีจื่อ รู้ว่าในใจเขายากที่จะหายแค้น จึงพูดว่า “หม่อมฉันอยากที่จะเห็นเหมือนกัน”

“เขาก็เล่นข้าอยู่ในกำมือมาตั้งนานหลายปีแล้วไม่ใช่หรือ? ถึงทีข้าบ้างแล้ว” อ๋องลั่วชินหลับตา หลายวันมานี้ ในหัวสมองปรากฏภาพที่พระชายาฆ่าตัวตายตลอด ในใจจึงเจ็บปวดอย่างที่สุด

เขาจะทำลายความหวังของฉู่จิ้ง ทำลายทีละนิด แล้วก็ค่อยๆมองดูเขา หาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม