พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 692

ตอนที่ 692 เสี้ยฮ่าวหรานมีอันตรายจริงๆ

หลีโม่รับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดจากเสียงหัวเราะนาง คนไม่ใช่ท่อนไม้ จะให้ไม่มีอารมณ์ได้อย่างไร?

ความรู้สึกของซูชิง คงจะต้องฝึกกันใหม่

เพียงแต่ ซูชิงก็ไม่ใช่คนคิดตื้น ที่ตกหลุมรักวันนั้น คงจะไม่ใช่เพราะหน้าตาของผู้หญิง

บางที เขาอาจจะเคยเห็นหลิงลี่มาก่อน

หลีโม่คิดถึงภูมิหลังของหลิงลี่ แล้วก็นึกถึงเรื่องตนเองด้วย

มันเหมือนโลกที่ห่างไกล แค่เรื่องราวในหนึ่งปี แต่เหมือนเป็นเรื่องทั้งชีวิต

ชาติก่อนมีความสุขหรือ? นางก็ไม่รู้ ชีวิตชาติก่อนราบรื่นดี บางทีอาจจะมีความสุข แต่นางมีอะไร? ถ้านางตาย คนที่เสียใจให้นางคงมีไม่กี่คน

ญาติพี่น้อง ก็ไม่มี เพื่อน ก็มีน้อยมาก เพื่อนร่วมสงคราม คนที่ร่วมปฏิวัติก็มีบ้าง แต่ทุกคนก็พร้อมที่จะเสียสละ เพราะว่า ที่นางอยู่นั้นไม่ใช่กองกำลังธรรมดา แต่เป็นหน่วยลับ ชื่อนี้หมายถึงสองสิ่ง หนึ่ง คืออันตราย สอง คือทำงานยาก

ทั้งสองเงียบครู่หนึ่ง แล้วก็คิดถึงเรื่องในอดีต

พักใหญ่ ทั้งสองคนก็ถอนหายใจ

จากนั้น ก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

แค่หัวเราะ ก็กลบเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต

มีเสียงฝีเท้ารีบเดินเข้ามา อ๋องเหลียงเปิดม่านกระโจมเอาหัวมุดเข้ามา “มีคนมา”

หลีโม่และหลิงลี่รีบลุกขึ้น แล้วก็เห็นทหารต้าจินเดินเข้ามา

“ท่านอ๋อง เห็นจาวกุ้ยเฟยเดินไปทางทิศตะวันออก ตอนนี้มีคนแอบตามไปแล้ว”

“ข้าจะรีบตามไปดู” อ๋องเหลียงรีบใส่รองเท้า แล้วพูดกับหลีโม่และหลิงลี่

หลีโม่ถามต้าจีน “นางไปคนเดียวหรือ?”

“ใช่แล้ว นางไปคนเดียว เดินกอดกระปุกอะไรสักอย่างเดินถือโคมไฟออกไป กระหม่อมเห็นนางไกลๆ”

“ตามไป นางออกมาหายาพิษจริงๆ” หลีโม่รีบกวักมือ

อ๋องเหลียงสั่งต้าจีน “เจ้าดูอยู่ห่างๆ ก็พอ แล้วห้ามให้ใครเข้ามา”

“รับทราบ ท่านอ๋อง” ต้าจีนรับคำสั่ง แล้วรีบเดินออกไป

สามคนจุดโมไฟ แล้วรีบเดินเข้าไปในป่าลึกที่มืดมิด

ประมาณ15นาที ก็เห็นแสงไฟลางๆ

หลีโม่บอกว่า “พวกเจ้าทั้งสองรีบซ่อนตัวก่อน เดี๋ยวข้าเข้าไปคุยกับนางเอง”

“ไม่กลัวหรือ? นางรู้วิชาหนอนพิษกู่นะ” อ๋องเหลียงกล่าว

หลีโม่เอามือตีสายเชือกเตาปา “ไม่ต้องตื่นเต้น ข้าก็มีของที่เรียกยาพิษได้”

หลิงลี่และอ๋องเหลียงหาต้นไม้ใหญ่ๆ หลบซ่อน แล้วพูดว่า “ได้แล้ว พวกเราหลบที่นี่ ที่นี่เห็นโล่งหมด แล้วก็ไม่มีคนเดินผ่านมาเห็นแน่”

ครั้งนี้ซุนฟางเอ้อร์ออกมาหายาพิษ ฮ่องเต้ต้องให้คนตามมาแน่ๆ แต่อาจจะยังไม่ได้เข้ามาในป่า แต่ถ้านางตะโกนเสียงดัง ต้องมีคนเข้ามาแน่ๆ

หลีโม่พยักหน้า แล้วก็ถือโคมไฟเดินเข้าตามแสงไฟน้อยๆ นั้นไป

ไม่นาน ก็เห็นหญิงสาวใส่ชุดสีดำ กำลังนั่งยองยองหายาพิษ โดยมีโคมไฟวางอยู่ด้านข้าง

พอได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็รีบเงยหน้าขึ้น แล้วหยิบโคมไฟมาส่อง

พอเห็นว่าเป็นหลีโม่ สีหน้านางก็โล่งอกมาก “เป็นเจ้าเองหรือ?”

หลีโม่เดินเข้าไป “จาวกุ้ยเฟย ดึกดื่นมาที่นี่ มีอะไรให้ข้าช่วยไหม?”

ซุนฟางเอ้อร์เอากระปุกนั้นไปซ่อนด้านหลัง แล้วพูดว่า “ข้ามาจุดธูป ข้านอนไม่หลับ ก็เลยออกมาเดินเล่น พระชายาว่างๆ ก็เลยมาเดินเล่นในป่าเขานี่หรือ?”

“ข้ามาหาเจ้าต่างหาก!” หลีโม่พูดตรงๆ

ซุนฟางเอ้อร์ขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “เจ้ามาหาข้าทำไม?”

“ข้าอยากรู้ว่าเจ้าทำอะไรกับเสี้ยฮ่าวหราน?” หลีโม่เดินเข้ามาใกล้

ซุนฟางเอ้อร์หัวเราะ “ข้าจะทำอะไรกับเขาได้?”

“ข้าไม่รู้ ก็เลยมาถามเจ้า” หลีโม่เห็นนางเดินถอยหลังไปตลอดเวลา แล้วก็ยื่นกระปุกนั้นไปข้างหลังตลอด

นางหยิบสายเชือกเตาปาออกมา แล้วโยนออกไป สายเชือกเตาปามัดกระปุกนั้นไว้ พอหลีโม่ดึงกลับมา กระปุกนั้นก็กระเด็นมาที่เท้าตน

ซุนฟางเอ้อร์รีบพูด “เจ้าจะทำอะไร?”

หลีโม่เอาเท้าเหยียบกระปุกนั้นไว้ แล้วพูดว่า “ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากให้เจ้าตอบข้ามา”

กระปุกนั้นถูกปิดสนิท เป็นกระปุกดินเผาธรรมดา ด้านนอกมีลวดลาย

ข้างในนั้นคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้

ซุนฟางเอ้อร์โมโหพูดว่า “เจ้าจะรู้มากมายไปทำอะไร? รู้แค่ว่าเขาไม่ตายก็พอ”

“ข้าอยากให้เขาออกจากวัง”

“เป็นไปไม่ได้” ซุนฟางเอ้อร์ปฏิเสธ แล้วก็ขมวดคิ้ว แล้วก็พูดช้าลง “ฮ่องเต้ไม่ยอมให้แม่เจ้าและน้องชายเจ้าออกมาแน่ ข้าก็ตัดสินใจเองไม่ได้”

“เจ้าทำได้ ที่เจ้าพูด ฮ่องเต้จะฟังเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ามีวิธีที่จะให้เขาออกมา” หลีโม่เก็บสายเชือกเตาปา แต่เท้ายังเหยียบกระปุกนั้นอยู่

ซุนฟางเอ้อร์พูดว่า “เจ้ามองข้าสูงไป ข้าก็ทำอะไรมากไม่ได้ ตัวข้าเองยังเอาไม่รอด แล้วจะไปช่วยใครได้?”

“ช่วยงั้นหรือ?” หลีโม่โมโห “ฮ่องเต้หรือเจ้าทำอะไรกับเขากันแน่?”

ซุนฟางเอ้อร์นิ่งไป “สรุปว่าข้ารับปากเจ้า ว่าเขาจะไม่ตาย พอใจไหม? เอากระปุกนั้นมาให้ข้า”

“ไม่ ข้าต้องการให้เขาออกจากวัง ต้องการให้ออกมาพร้อมกับแม่ข้า” หลีโม่ยืนกราน นางไม่อาจฝ่าอันตรายได้ อย่างที่ซุนฟางเอ้อร์บอก ตัวนางเองก็จะเอาตัวไม่รอด แล้วจะช่วยเสี้ยฮ่าวหรานได้อย่างไร? มีแต่ให้เขาออกมาจากวังหลวง ถึงจะปลอดภัย

ซุนฟางเอ้อร์มองนาง แล้วก็เศร้าใจ “เสี้ยหลีโม่ เจ้ามองข้าสูงไป ตอนนี้น้องชายเจ้าอยู่ในสายตาฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้มีหรือที่จะให้เขาออกวังง่ายๆ?”

หลีโม่พูดอย่างโมโห “พวกเจ้าทำอะไรกับเขากันแน่?”

ซุนฟางเอ้อร์ตอบ “ไม่ข้าเป็นคนทำ ทั้งหมดเป็นเพราะเขาหาเรื่องใส่ตัวเอง”

“พูดให้ชัดเจน พูดให้รู้เรื่องเป็นภาษาคนหน่อย!” หลีโม่กดเสียงต่ำ แล้วกดกลั้นความโกรธ

ได้ยินคำของซุนฟางเอ้อร์ ตอนนี้เสี้ยฮ่าวหรานต้องตกอยู่ในอันตรายแน่ๆ

อะไรที่หาเรื่องใส่ตัว เด็กเพียงคนเดียว จะทำอะไรที่หาเรื่องใส่ตัวได้?

สายตาของซุนฟางเอ้อร์เริ่มระแวง แล้วไม่กล้ามองตาหลีโม่

“ซุนฟางเอ้อร์” หลีโม่กลั้นความโกรธ แล้วอยากจะตบนาง “เหมือนกับตอนที่โหรวเหยาเกิดเรื่อง เจ้าเป็นกังวล เสี้ยฮ่าวหรานเป็นน้องชายข้า ข้าเองก็กังวล”

“ไม่ใช่ข้าไม่ยอมทำ แต่ข้าไม่มีวิธี” ซุนฟางเอ้อร์กำหมัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ “ข้าจะมีวิธีอะไรได้? เพราะเขาพูดกับฮ่องเต้เอง ถ้าฮ่องเต้ไม่รู้ความสามารถของเขา ก็คงไม่เป็นแบบนี้ ข้าไม่ต้องการให้เขาช่วย”

“เจ้าไม่ต้องการ แต่เขาช่วยเจ้าไปแล้ว ใช่ไหม? เขาช่วยเจ้า เจ้ายังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกหรือ? ซุนฟางเอ้อร์ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเจ้าไม่ใช่คนที่ร้ายเกินเยียวยา น้องข้าเป็นเด็กชายธรรมดาคนหนึ่ง คนที่พึ่งพาได้ในวังก็มีแต่เจ้า ทำไมเจ้าไม่ช่วยเหลือ?”

“ข้าจะช่วยเขาอย่างไร? ถ้าเขาไม่ตาย ฮ่องเต้ต้องไม่ปล่อยเขาออกมาแน่” ซุนฟางเอ้อร์อดตะโกนไม่ได้

พูดจบ นางเองก็นิ่งไป แล้วรีบหันหน้าหนี

หลีโม่ใจหายไปสักพัก แล้วก็รู้ผลสรุปว่า น้องชายตนเองยังไม่ตาย แต่ก็ยังออกมาไม่ได้ ฮ่องเต้ต้องการจะใช้เขาให้เป็นประโยชน์จนสุดท้าย

ไม่อันตรายที่ไหน เพียงแค่ยังไม่มีอันตราย ถ้าไม่ช่วยเขาออกมา เขาไม่รอดแน่

หลีโม่ค่อยๆ ปล่อยเท้าออก แล้วมองซุนฟางเอ้อร์ แล้วพูดนิ่งๆ ว่า “ได้ ตอนนี้พวกเราก็มาคุยกันเรื่องที่จะร่วมมือกันดีกว่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม