พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 696

ตอนที่ 696 มอบรางวัล

หลังจากหลีโม่กลับจวนมาได้ครึ่งชั่วยาม รางวัลจากในวังก็มาถึง

นี่ไม่ใช่รางวัลจากฮองไทเฮา แต่เป็นรางวัลของฮ่องเต้

เพราะว่า ซือถูเย้นได้ให้คนกลับวังมาก่อน แล้วรายงานเรื่องราวในแคว้นเป่ยม่อ

แคว้นเป่ยม่อและแคว้นต้าโจว ได้ยุติสงครามแล้ว สำหรับฮ่องเต้ มันเป็นข่าวดีอย่างมาก

และในขณะเดียวกัน ก็ได้ข่าวการชนะสงครามของอ๋องอานชิน ทัพใหญ่ เอาชนะเซียนเป้ยอย่างง่ายๆ

เซียนเป้ยยอมแพ้ แล้วก็ส่งหนังสือยอมแพ้ ต่อไปก็จะเป็นประเทศราชของแคว้นต้าโจว จะส่งเครื่องบรรณาการทุกปี แล้วจะไม่ทำสงครามอีก

คนเซียนเป้ยเจ้าเล่ห์ ปากบอกว่าจะทำศึกด้วยอีก ฮ่องเต้ก็ไม่เชื่อ แต่ว่า จัดการตีพวกนั้นได้ ฮ่องเต้ก็ดีใจ

ครั้งนี้เซียนเป้ยแพ้ศึก เป็นเพราะกำลังใจทหาร

เพราะว่า ก่อนหน้านี้เซียนเป้ยร่วมมือกับแคว้นเป่ยม่อจะมาตีแคว้นต้าโจว เพียงแต่ ฉู่จิ้งเล่นละครได้ดี เซียนเป้ยคิดว่าฉู่จิ้งแพ้ไปแล้ว แล้วจะตั้งรับต้าโจวไม่ได้ พวกเขาคิดได้ว่า แคว้นเป่ยม่อไม่มีกำลังสู้ แล้วแคว้นต้าโจวก็จะยกทัพใหญ่ตีเซียนเป้ยเลย เซียนเป้ยเป็นประเทศเล็กๆ จะสู้กองทัพของแคว้นต้าโจวได้อย่างไร?

แพ้ตั้งใจกำลังใจแล้ว แล้วอ๋องอานชินก็ใช้ทหารเก่ง จัดการได้เร็วกว่าที่คาดการไว้5วัน พอถึงชายแดนก็บีบจะศัตรูถอยหนี สุดท้าย ยกทัพไปประชิดเมือง พวกขุนนางราชสำนักเซียนเป้ยก็ประชุมกันครึ่งชั่วยาม แล้วยอมสวามิภักดิ์

เซียนเป้ยเป็นเผ่าที่ยอมอ่อนข้อ สู้ได้ก็สู้ สู้ไม่ได้ก็ยอมแพ้ ไม่ยอมเสียเปรียบ

ถ้าบอกว่าพวกยึดมั่นทำสงครามที่ฉู่จิ้งควบคุมนั้นเป็นฝูงหมาป่า เช่นนั้น เซียนเป้ยก็เป็นเพียงแค่พังพอนที่เจ้าเล่ห์ บางที่ก็มาขโมยไก่กิน เมื่อก่อนก็เป็นเช่นนี้ แคว้นต้าโจวเคยเสียไก่ไป คิดว่าเรื่องไม่ใหญ่ ก็ไม่ได้จะไปจัดการพังพอนตัวนั้นอย่างจริงจัง แต่มันก็ยังไม่ยอมรามือ ครั้งนี้ก็เลยให้อ๋องอานชินไปจับมันเสีย อย่างน้อย เล้าไก่ของแคว้นต้าโจวก็จะสงบไปสัก2ปี

ฮ่องเต้ได้ข่าวดีถึง2เรื่อง ท่าทางดีใจมาก เลยรีบส่งรางวัลไปให้โดยไม่รอซือถูเย้นกลับเมืองหลวง

แน่นอนว่า ก็ให้อ๋องอานชินด้วยเหมือนกัน อ๋องอานชินไม่อยู่ในจวน ก็เลยยังไม่ส่งออกไป รอเขากลับมาค่อยส่งไป

ครั้งนี้ฮ่องเต้ เอาใจราษฎร ราษฎรก็ต่างชื่นชมฮ่องเต้ว่าให้รางวัลอย่างเหมาะสม แล้วก็มีความมั่นใจต่อราชสำนักมากขึ้น

แล้วก็ลบข่าวลือจากชายแดนด้วย ทางชายแดนมีผู้รู้มากมายบอกไว้ว่า ถ้าครั้งนี้ซือถูเย้นชนะสงคราม ก็จะมีผลงานมากกว่าฮ่องเต้ แล้วฮ่องเต้ก็จะหาทางลดอำนาจเขา ตอนนั้น ประชาชนกังวลมาก เพราะกลัวศึกภายในจะวุ่นวายกว่า

ตอนนี้ ฮ่องเต้จัดการได้ดี ทำให้ประชาชนพอใจ แล้วก็ทำให้กลุ่มขุนนางที่ช่วยเหลืออ๋องซื่อเจิ้งแต่แรก สงบมากขึ้น

เพียงแต่ คนที่มองสถานการณ์ออก ก็ยังคงเป็นกังวล

กังวลว่าที่ฮ่องเต้ทำครั้งนี้ ก็เพื่อตัดช่องทางของท่านอ๋อง พอท่านอ๋องระเริงในผลงาน ก็จะหาช่องทางเอาผิด

พอทำผลงานกลับมา ก็มีรางวัลรออยู่มากมาย ใครบ้างจะไม่ภูมิใจ?

หลังจากที่ฮ่องเต้ประทานรางวัลให้ไม่นาน รางวัลของฮองไทเฮาก็มาถึง

ฮองไทเฮาประทานให้ไม่ธรรมดา

มีผ้าต่วนอย่างดี3ม้วน บอกว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ แล้วเสื้อผ้าของพระชายามีสีสันมากเกินไป ก็เลยพระราชทานผ้าสีพื้นๆ ให้มาทำชุดใหม่

ปิ่นปักผมเงินประดับหยก3อัน บอกว่าเครื่องประดับของพระชายามันหรูหรามากเกินไป ไม่เหมาะกับช่วงไว้ทุกข์ ก็เลยเลือกมาให้พระชายาใส่ออกงานสำคัญ

คัมภีร์บทสวดมนต์3เล่ม เล่มแรกเป็นวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร เล่มที่สองเป็นพระสูตร อีกเล่มเป็นพระกษิติครรภโพธิสัตว แล้วบอกเน้นให้พระชายาอ่านพระกษิติครรภโพธิสัตวเยอะๆ จะได้เอามาช่วยพ่อและย่าตนเอง เพราะพวกเขาตายอย่างอนาถ

นอกจากนี้ ยังมีลูกสาวของขุนนางที่รับโทษอีก2คน แต่ละคนหน้าตาสะสวย ถูกฝึกจากในวังแล้ว รู้ระเบียบดี แล้วยังโตในตระกูลใหญ่ นิสัยดี ช่วยเหลืองานในบ้านได้ รู้หนังสือ ศิลปะทุกด้าน สามารถออกงานกับท่านอ๋องได้ อีกอย่าง ร่างกายก็ยังแข็งแรง วันข้างหน้าสามารถให้กำเนิดบุตรชายให้กับท่านอ๋องได้

เพราะว่าเป็นลูกสาวของขุนนางที่รับโทษ ดังนั้น ชื่อเดิมจะถูกเปลี่ยนไป ฮองไทเฮามีชื่อใหม่ให้พวกนาง แล้วให้พวกนางมาดูแลท่านอ๋อง และพระชายา

ฮองไทเฮาพระราชทานคนชื่อ หวั่นหุ้ย อีกคนชื่อ หวั่นจิ้ง แล้วให้ใช้แซ่หลิน ที่แปลว่าป่าไม้ หวังว่าวันข้างหน้าจะให้กำเนิดลูกหลานจำนวนมากๆ ดั่งป่าไม้

หรูหรงวางมาดอ่านพระราชโองการ จากนั้นก็พูดกับหลีโม่ว่า “พระชายา ฮองไทเฮาเป็นห่วงท่านมาก หวังว่าท่านจะไม่ผิดต่อฮองไทเฮานะ ตอนนี้สาวงามทั้งสองยังไม่มียศตำแหน่งอะไร รอท่านอ๋องกลับมา เดี๋ยวฮองไทเอาจะพูดเรื่องการรับสนมกับท่านอ๋องเอง”

ที่พูดออกมา ก็แสดงว่าสาวงามสองคนนี้ วันหน้าจะมีตำแหน่งแน่นอน แล้วไม่ให้รังแกพวกนาง

หลีโม่มองทั้งสองคน หน้าตาก็สะสวยจริงๆ โดยเฉพาะคนที่ชื่อหวั่นหุ้ย ผิวสวย ขาวเนียน หางตาแหลมสวย ชี้ขึ้นเล็กน้อย ดูแล้วสวยมาก

ส่วนคนที่ชื่อหวั่นจิ้ง ท่าทางสำรวม สวยไม่เท่าหวั่นหุ้ย แต่ก็เป็นสาวงามคนหนึ่ง

“ทั้งสอง เข้าไปทำความเคารพพระชายาสิ!” หรูหรงกล่าว

ทั้งสองก็เลยเดินเข้าไป แล้วก็ย่อตัวคำนับหลีโม่ “บ่าวถวายพระพรพระชายา”

“หม่อมฉันถวายพระพรพระชายา”

ตอนที่ทำความเคารพ ทั้งสองคนเรียกตัวเองไม่เหมือนกัน หวั่นจิ้งพูดว่าบ่าว ส่วนหวั่นหุ้ยพูดว่าหม่อมฉัน

หลีโม่ก็ตอบรับเบาๆ แล้วสั่งเย็นเอ๋อร์ “พาพวกนางเข้าไป แล้วเดี๋ยวออกมาพบข้า”

“รับทราบ” เย็นเอ๋อร์ตอบรับ แล้วก็มองทั้งสองคนอย่างไม่พอใจ “ทั้งสอง ตามข้ามา”

เย็นเอ๋อร์ไม่ได้เรียกตนเองว่าเป็นบ่าว นางไม่ยอมรับสองคนนั้นว่าเป็นเจ้านายของนาง เพราะถึงอย่างไรก็เป็นศัตรูกัน

หรูหรงหัวเราะ “ระเบียบของที่นี่ไม่ค่อยจะเคร่งเลยนะ ดูเหมือนว่า พระชายาคงจะต้องจัดการเสียหน่อยแล้ว”

หลีโม่ก็ยิ้ม แล้วก็ใช้สายตาจ้อง “อย่างนั้นหรือ? วังหลังฮองไทเฮาก็ไม่เคร่งครัด แล้วจะให้ข้าเคร่งครัดได้อย่างไร?”

หรูหรงยังคงหัวเราะอยู่ แล้วตอบสู้ว่า “พระชายากล่าวผิดไปแล้ว ฮองไทเฮาจัดการเรื่องในวังหลงได้อย่าง...........”

หลีโม่รีบตัดคำพูดนาง “เคร่งไหม? แม้แต่นางในยังสามารถมาต่อปากต่อคำกับข้าได้เลย นี่หรือเรียกว่ามารยาท? วันหลังข้าคงจะต้องถามฮองไทเฮาดูเสียแล้ว ว่าระเบียบในวังของนางเป็นเช่นนี้หรือ เป็นบ่าวแต่สามารถต่อปากต่อคำกับเจ้านายได้”

หรูหรงชะงัก แล้วยังจะอยากเถียงสู้ แล้วหลีโม่ก็ยกมือไล่ “เชิญ ข้าไม่ไปส่งนะ!”

แล้วนางก็พาคนของตนเองกลับไป

สีหน้าโกรธอย่างมาก ก็เลยบ่นออกมาว่า “ถึงว่ามีแต่คนบอกว่าพระชายาซื่อเจิ้งร้ายกาจ เป็นอย่างนี้นี่เอง”

นางโมโหแล้วพาคนกลับไป

หลีโม่รู้ว่านางกลับไปก็ต้องไปสร้างเรื่องใส่ร้าย แต่ก็ไม่อะไรมาก จะทำอะไรกับนาง นางก็ไม่ได้อยากอยู่อย่างสงบอยู่แล้ว

ทั้งสองคนนั้นถูกให้ไปอยู่ที่ตำหนักหลานรั่วหลีโม่ก็จัดการให้บ่าวทั้งสี่ชวนเซี่ยชิวตงที่ฮองไทเฮาพระราชทานให้ ไปคอยดูและทั้งสองคนนั้น

หลังจากจัดการแล้ว ทั้งสองคนก็ไปพบหลีโม่ แต่หลีโม่ไม่พบนาง แล้วก็สั่งให้พวกนางไปพักผ่อน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม