พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 697

ตอนที่ 697 มีเพียงสองชั่วยาม

เพราะว่ารู้ว่าไอ้เจ็ดจะกลับมาแล้ว หลีโม่ก็อารมณ์ดี แล้วก็ไม่อยากไปสนใจเรื่องพวกนั้น

ทั้งสองคนก็รู้ระเบียบดี ไม่กล้าก่อความวุ่นวายอะไร หลีโม่ให้หวังจุ้นจัดการหาคนสองคนไปดูพวกนางไว้ ไม่ให้พวกนางออกไปเพ่นพ่านที่ไหน เพราะว่าเป็นลูกสาวของขุนนางรับโทษ และยังเป็นคนที่ในวังส่งมาด้วย ถ้าเกิดเรื่องในวันที่มีความสุขกัน จะวุ่นวายกันหมด

หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว หลีโม่ก็พูดกับหวังจุ้นว่า “เจ้าให้คนไปจับหนูมาหลายๆ ตัว ข้าจะใช้ช่วงมืดๆ”

“หนู หรือ?” หวังจุ้นทำตาโต “พระชายาจะเอาหนูไปทำอะไร?”

แล้วยังใช้ตอนกลางคืนด้วย

“เอามาใช้!” หลีโม่หัวเราะอย่างน่าสงสัย แล้วก็เงียบไป

หวังจุ้นก็ไม่ใช่คนขี้ซักถาม เพียงแต่สงสัยที่หลีโม่อยากจะหาหนูก็เลยถาม แต่พอได้ยินว่านางจะใช้ ก็เลยไม่ถาม แล้วก็รีบไปจัดการ

ตอนพลบค่ำ หวังจุ้นก็ถือกล่องเหล็กมา ด้านในมีหนูอยู่หลายตัว ขนสีเทาๆ กำลังวิ่งอยู่ในกรง

“ดีมาก วางไว้ตรงนั้น” หลีโม่ชี้ตรงมุมกำแพง

“ได้เลย” หวังจุ้นวางหนูลง แล้วก็เตะกรงเหล็กเบาๆ “ยังดิ้นอยู่เลย”

“ต้องการเป็นๆ นี่แหละ” หลีโม่กล่าว

แล้วก็ให้คนอื่นออกไปให้หมด เหลือหลีโม่อยู่ในห้องคนเดียว

ซุนฟางเอ้อร์ให้ยาแกล้งตายแก่นางมา3เม็ด แล้วก็ยาแก้อีก3เม็ด แล้วก็กระดาษคู่มือการใช้

ซุนฟางเอ้อร์เขียนด้วยลายมือสวยมาก เขียนเป็นระเบียบ ตวัดอักษรได้แหลมคมมาก

หลีโม่ก็ศึกษาดู แล้วก็บดยาหนึ่งเม็ด แล้วก็ใช้เล็บสะกิดออกมานิดหน่อยแล้วให้หนูกิน

จากนั้น ก็ทำแบบนั้นไปเรื่อยๆ ค่อยๆ เพิ่มปริมาณยาเข้าไป แล้วจับเวลา

หนูตัวแรก หลังจากกินข้าวเข้าไป ประมาณหนึ่งชั่วยาม ก็เริ่มไม่ขยับ

ส่วนตัวอื่น เข้าสู่การแกล้งตายตั้งแต่ก่อนหนึ่งชั่วยาม

ซุนฟางเอ้อร์เขียนไว้ว่า มีเวลาแกล้งตายเพียง12ชั่วยาม ถ้าหลังจากนั้นไม่กินยาแก้ ก็จะตายจริงๆ

ดังนั้น บ่ายวันต่อมา หลีโม่ก็เอายาแก้มาให้หนูกิน โดยกำหนดปริมาณอย่างละเอียด เพียงแต่ หนูพวกนั้นไม่ฟื้นกลับคืนมา

ยังไม่ถึง12ชั่วยาม หนูที่กินยาแก้ลงไปไม่ฟื้นขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะว่านางให้ปริมาณยามากเกินไป หรือไม่ก็ยาแก้ไร้ผล

ตอนพลบค่ำ หนูพวกนั้นก็ยังไม่ฟื้นขึ้นมา หลีโม่ก็เลยให้คนเอาหนูพวกนั้นไปทิ้ง แล้วก็จับหนูมาใหม่

ครั้งนี้ นางเร่งเวลาการให้ยาแก้ หลังจากกินยาแกล้งตายลงไป นางแบ่งเป็นครั้งละ1ชั่วยาม 2 3 และ4 ชั่วยาม

หนูที่กินยาแก้ภายใน 1 และ2 ชั่วยามฟื้นกลับมาได้ ส่วน 3 และ4 ชั่วยามนั้นไม่ฟื้น

สรุปได้ว่า ยาแกล้งตายไม่เหมือนดั่งที่ซุนฟางเอ้อร์พูด ไม่แกล้งตายได้12ชั่วยาม แต่เป็น 2ชั่วยาม

เพียงแค่2ชั่วยาม เวลามันไม่พอ

เมื่อพบว่าเสี้ยฮ่าวหรานตาย ฮ่องเต้ก็ต้องเรียกหมอหลวงมาดู ระหว่างนั้นต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยาม

เมื่อสรุปว่าตายแล้ว ฮ่องเต้ก็คงยังไม่สั่งส่งตัวเขาออกวัง เพราะว่า เขาจะต้องตรวจสอบการตายของเสี้ยฮ่าวหรานทั้งงหมด ช่วงนี้ต้องประมาณ1ถึง2ชั่วยาม หรือไม่ก็ 1ถึง2วัน

ถ้าเป็นเช่นนั้น เสี้ยฮ่าวหรานก็จะตายจริงๆ

2ชั่วยามเอง แล้วถ้าสามารถทำให้ฮ่องเต้ส่งตัวเขาออกวังภายใน2ชั่วยามเล่า?

นางจะไปรับตัวน้องชายเองไม่ได้ เพราะว่า เสี้ยฮ่าวหรานตายกะทันหัน แล้วยังไม่ได้ประกาศข่าวออกมา นางจะต้องไม่รู้ข่าวนี้

ดังนั้น นางจะเข้าวังไม่ได้

ตอนที่กำลังคิดจนหัววุ่นนั้น เย็นเอ๋อร์เข้ามาบอกว่าองค์หญิงใหญ่มาหา

หลีโม่ก็เลยต้องเก็บอารมณ์ไว้ แล้วออกมาพบซือถูจิ้ง

วันนี้ซือถูจิ้งดูมีความสุข นางพาฉินจือและโฉงหวาเข้ามาด้วย เดินยิ้มเข้ามาเลย

พอเห็นหลีโม่ นางก็ขมวดคิ้ว “ตามเวลาเดินทางแล้ว พวกไอ้เจ็ดน่าจะถึงวันนี้ ทำไมเจ้าดูไม่ดีใจเลย?”

หลีโม่พยายามยิ้มออกมา “ไม่ดีใจที่ไหนกัน?”

“ดูเจ้าสิ จะยิ้มยังต้องพยายามออกมา เป็นอะไรหรือ?” ซือถูจิ้งจับมือนางเดินเข้าไป “เพราะของรางวัลที่ฮองไทเฮาพระราชทานมาหรือ?”

หลีโม่ยิ้ม “ข่าวดีไม่มีเข้ามา แต่พอเรื่องร้ายนี่แพร่กระจายไปเร็วมากเลยนะ”

“นางส่งคนมาอยู่จวนเจ้าอย่างนี้ มีใครบ้างไม่รู้?” ซือถูจิ้งถอนหายใจ “รางวัลของนาง ช่างทำให้คนโมโหจริงๆ แล้วทำไมถึงรับไว้เล่า?”

“ข้าไม่อยากทะเลาะกับนาง”

ซือถูจิ้งเห็นนางขมวดคิ้วไม่หาย ก็เลยถาม “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”

หลีโม่ให้เย็นเอ๋อร์ปิดประตู แล้วก็เล่าเรื่องยาแกล้งตายให้นางฟัง แล้วก็เอาผลการทดลองเล่าให้นางฟังด้วย

หลังจากซือถูจิ้งฟังแล้ว ก็โมโห “เขาบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?”

“เพื่อการอยู่รอดของตนเอง จะเสียสละคนอื่นแล้วจะเป็นอะไรไป? ทุกคนก็คงคิดแบบนี้ เพราะชีวิตตนเองต้องสำคัญกว่าของคนอื่น”

“2ชั่วยาม แล้วจะพาเสี้ยฮ่าวหรานออกจากวังมาได้อย่างไร? ถ้าช้าไป ต้องตายแน่นอน” ซือถูจิ้งเริ่มกังวล

“ข้าคิดแผนออกมาได้หลายแผนแล้ว แต่ก็ไม่ไดผล”

“ซ์อถูจิ้งครุ่นคิด แล้วพูดว่า “เจ้าเอาอย่างนี้ไหม? หลังจากเสี้ยฮ่าวหรานแกล้งตายแล้ว ภายในสองชั่วยาม ฮ่องเต้จะต้องมาดูเขาแน่ เพื่อให้ใจว่าเขาตายจริงๆ ไหม? ตอนที่สืบการตายก็คงไม่มาเฝ้าศพหรอก ตอนนั้นก็ให้ซุนฟางเอ้อร์แอบเอายาแก้ให้เขากิน พอกินไปแล้วเขาก็ฟื้นขึ้นมา แต่ยังคงแกล้งตายอยู่ จนกว่าจะได้ส่งออกวังมา เจ้าว่าอย่างไร?”

หลีโม่ส่ายหัว “ที่เจ้าบอกมา ข้าก็เคยคิดแล้ว แต่มันไม่ได้ ถ้าคนคนหนึ่งยังไม่ตาย ก็จะมีลมหายใจ ถึงอย่างไรก็ต้องมีการขยับของท้อง แล้วอีกอย่างเสี้ยฮ่าวหรานแกล้งเล่นละครไม่เก่ง ถ้าผิดพลาดขึ้นมาจะไม่ดี อีกอย่าง คนที่จัดการเรื่องศพต้องเป็นคนของตำหนักซีเวยแน่ๆ คนพวกนั้นเป็นคนของฮ่องเต้ คงซื้อตัวไม่ได้”

“เจ้าคิดว่า เหลียงสู้หลินจะใช้ได้ไหม?” ซือถูจิ้งถาม

“ข้าก็เคยคิด ถ้าเขามาช่วย ก็อาจจะสำเร็จ แต่ว่า เรื่องนี้จะให้เขาทำคนเดียวไม่ได้ ถ้าพลาดขึ้นมา ไม่เพียงตำแหน่งเขา หัวเขาก็จะหลุดด้วย เจ้าคิดว่า เหลียงสู้หลินจะยอมเอาตัวเองมาเข้าแลกหรือ?”

ซือถูจิ้งส่ายหัว “ก็ไม่แน่นะ ครั้งก่อนเขาปล่อยหลิงลี่ เพราะว่าไม่ได้มีผลกับความก้าวหน้าของเขา”

“จริงด้วย ครั้งแล้วเขาก็ปล่อยไปตามน้ำ”

ทั้งสองคิดแผนแล้วก็ไม่มีบทสรุป สุดท้าย ซือถูจิ้งพูดว่า “เอาอย่างนี้ รอไอ้เจ็ดกลับมาก่อน แล้วค่อยถามเขา ก็ยังดีกว่าพวกเรามาคิดกันจนหัวแตก”

หลีโม่พูดอย่างกังวลว่า “ข้ากลัวว่า น้องข้ายังอยู่ด้านในหนึ่งวัน ก็จะอันตรายเพิ่มหนึ่งวัน”

ซือถูจิ้งทั้งโมโห ทั้งกังวล ตอนที่หลีโม่ไปแคว้นเป่ยม่อ ถึงแม้นางจะเคยพบน้องหลีโม่ แต่ว่า ก็แค่พยักหน้าให้กัน ไม่เคยคุยกันเลย

เมื่อนึกถึงการโกหกครั้งนั้น นางก็รู้สึกเจ็บในใจขึ้นมา

นางก็บอกตนเองมาตลอด ว่าปล่อยมันไป ที่ฮ่องเต้ทำทั้งหมด ก็ไม่ใช่เพราะตนเองเสียทั้งหมด

แต่ว่า ทุกคืนที่ผู้คนนอนกันหมด ก็จะมีภาพที่ผู้คนเจ็บปวดรวดร้าวโผล่เข้ามาในหัว เพื่อเตือนนางว่า เป็นพี่น้องกันแต่ความสัมพันธ์มันน้อยกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก

คนไม่เคยเจ็บ ก็คงจะไม่รู้รสชาตินั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม