พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 705

บทที่ 705 ของพระราชทานเยอะมาก

หลีโม่มองดูใบหน้าเย่อหยิ่งใบนั้นของเขาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ

ความคิดที่มีเมื่อกี้ ตัวเองคิดดูแล้วก็รู้สึกน่าหัวเราะ

นางก็มีความรู้สึกเหมือนเด็กผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ เริ่มเป็นทุกข์เป็นร้อนในเรื่องผลได้ผลเสียส่วนตัว?

“วันนี้เข้าวัง ฮ่องเต้พูดอะไรกับเจ้าบ้าง?” หลีโม่ถาม

เมื่อคืนหลังจากที่ทั้งสองคนทำกิจกรรมร่วมกันเสร็จแล้ว ก็ได้พูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ได้เล่าเรื่องของฮ่าวหรานให้เขาฟัง

เขาเสนอความคิดเห็นว่า สองชั่วโมง บางทีก็อาจจะได้

แต่ ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องอยู่ในวัง อีกอย่าง ดีที่สุดคือเมื่อฮ่าวหรานแกล้งตายสำเร็จแล้ว สามารถให้คนนำตัวออกไปได้ทันที

จะให้คนมากมายขนาดนั้นล้วนอยู่ในวัง มีเพียงหนทางเดียว นั่นก็คือตอนที่มีการจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง

เพียงแต่ งานเลี้ยงเฉลิมฉลอง ก็ไม่ได้หมายความว่าฮ่าวหรานจะได้เข้าร่วม ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีไส้ศึกอยู่ด้านในคนหนึ่ง คนคนนี้ ตอนที่มีงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง จะมีหน้าที่ไปแจ้งให้ทราบ ให้ทุกคนได้รู้

คนคนนี้ จะเป็นไม่ได้ซุนฟางเอ้อร์ไม่ได้

หลีโม่พูดถึงเหลียงสู้หลินให้ซือถูเย้นฟัง แต่ซือถูเย้นไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เพราะเหลียงสู้หลินไม่ใช่คนของตัวเอง ไม่สามารถรับประกันความน่าเชื่อถือ

หากเหลียงสู้หลินแจ้งให้ฮ่องเต้รู้เรื่องเสียก่อน แผนนี้จะไม่สำเร็จไม่ว่า เสี้ยฮ่าวหราน จะถูกนำไปซ่อนในที่รับยิ่งกว่า เกรงว่า ถึงตอนนั้นอาจจะนำไปขังไว้ในคุกใต้ดิน คราวนี้จะยิ่งเป็นการทำให้เสี้ยฮ่าวหรานหวาดกลัวจนเป็นบ้า

“ฮ่องเต้ตรัสว่า ตอนนี้ท่านพี่สองกับเซียวเซียวก็กำลังเดินทางกลับเมืองหลวง งานเลี้ยงเฉลิมฉลองรอให้พวกเขามาถึงแล้วค่อยจัด” ซือถูเย้นถาม

“ยังต้องรออีกกี่วัน?” หลีโม่ค่อนข้างร้อนใจ ที่สำคัญนางสามารถรอได้ แต่ฮ่าวหรานรอไม่ได้แล้ว หากต้องรอต่อไปอีก เขาจะต้องเป็นอันตรายแน่

นางเคยเห็นตะขาบพวกนั้นกับตาตัวเอง เห็นตอนที่พวกมันกัดกินพิษหนอนอย่างโหดเหี้ยมและบ้าคลั่ง

“เร็วสุดก็อีกสิบวัน ยังไงก็กองกำลังใหญ่ เดินทางได้ไม่เร็วขนาดนั้น” ซือถูเย้นพูด

“สิบวัน?” นานเกินไป นานเกินไปจริงๆ

ซือถูเย้นคิดอยู่พักหนึ่ง “หาซุนฟางเอ้อร์อีกครั้งได้ไหม ให้นางวางยาเสี้ยฮ่าวหราน ให้นางสร้างสถานการณ์ว่าเสี้ยฮ่าวหรานป่วย อย่างน้อย ก็ให้รับประกันภายในสิบวัน จะไม่ถูกดูดเลือดอีก”

“แต่ ซุนฟางเอ้อร์ไม่ออกจากวัง ข้าไม่สามารถเข้าใกล้นางได้”

“ตอนที่เข้าวังไปถวายพระพรตัวประหลาดแก่ล่ะ?”

“……” ตัวประหลาดแก่

หลีโม่มองดูเขา “ตอนที่ถวายพระพรคนเยอะมาก ปกติซุนฟางเอ้อร์ก็จะไม่พูดอะไร ถวายพระพรเสร็จแล้วก็รีบจากไปทันที และข้างกายนางก็มีคนติดตามอยู่ เป็นการไม่ให้นางได้ใกล้ชิดกับคนอื่น ครั้งก่อนที่เอายาแกล้งตายกับยาถอนพิษ ก็ได้พบเพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น จึงไม่มีปัญหา แต่ หากจะให้นางช่วยวางยาฮ่าวหราน ไม่ใช่แค่พูดคำสองคำแล้วจะได้ อย่างน้อยก็ต้องปรึกษากันก่อน จะใช้ยาอะไร ขนาดเท่าไหร่ต่างๆ ซุนฟางเอ้อร์ถนัดการใช้พิษหนอน การใช้ยาพิษจริงๆนางไม่ถนัด ดังนั้น ยาจึงต้องเป็นข้าปรุงเอง”

ซือถูเย้นเห็นนางกลุ้มอกกลุ้มใจ ดวงตาก็เศร้าหมองไปด้วย จึงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “เจ้าอย่าเป็นกังวล เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าเป็นคนจัดการ”

หลีโม่จะไม่เป็นห่วงได้ยังไง? เรื่องนี้ไม่จัดการให้แล้วเสร็จ ก็เป็นเหมือนดั่งหนามทิ่มแทงใจ

“พรุ่งนี้จะพาเจ้าไปเดินเล่น ผ่อนๆคลาย” ซือถูเย้นดึงนางมาตรงหน้า รวบมากอดแนบอก แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน

“พรุ่งนี้เจ้าไม่ยุ่งหรือ?” หลีโม่หรี่ตาลง ขนตางอนยาวดอกดำม้วนอยู่รอบดวงตา ยิ่งทำให้ดวงตาดูคล้ำ

“ตอนนี้ยังไม่มีงานอะไร”

“ดี” ที่จริงหลีโม่ไม่มีอารมณ์ แต่ยากนักกว่าที่เขาจะมีเวลาว่าง และมีอารมณ์แบบนี้ จึงอยากออกไปเดินเล่นกับเขา ตอนนี้ไม่มีหนทางไม่รู้จะทำอย่างไร บางทีการออกไปเดินเล่น อาจจะทำให้คิดหาวิธีที่ดีออกก็ได้

“ใช่” ซือถูเย้นพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ผู้หญิงที่อยู่ตำหนักหลานรั่วที่ชื่อหวั่นหุ้ยคนนั้น ข้าสั่งคนส่งออกไปแล้วนะ”

หลีโม่เกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้ว “เจ้าส่งออกไปแล้ว? ส่งไปไหน?”

“ส่งไปให้ท่านที่สามแล้ว” ซือถูเย้นพูดอย่างเรียบเฉย

หลีโม่หัวเราะ “นี่เจ้าทำให้หมันเอ๋อร์เดือดร้อนนะ”

“ไม่ว่ายังไงไม่ต้องมาสร้างความเดือดร้อนให้เจ้าก็พอ” สีหน้าซือถูเย้นบึ้งตึง เมื่อกี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่เขาไม่รู้? แต่ว่า ในเมื่ออยากไต่เต้าขึ้นมาเป็นเจ้าคนนายคน ก็ให้โอกาสนางสักครั้ง

“ฮองไทเฮาจะไม่ว่าอะไรหรือ?” หลีโม่ถาม

ซือถูเย้นพูดขึ้นอย่างหยาบคายว่า “จะไปสนใจอะไรมากมายขนาดนั้น? อีกอย่าง นางบอกว่าเจ้าไม่มีลูกถึงได้ส่งผู้หญิงสองคนนี้มาไม่ใช่หรือ? พี่สะใภ้สามก็ไม่มีลูก งั้นก็คนละหนึ่งคน ยุติธรรมดี”

หลีโม่หัวเราะ “เราตั้งหน้าตั้งตารอให้ท่านพี่สามมาหาเอาเรื่องเจ้าถึงบ้านเถอะ”

“ไม่หรอก เขาจะเข้าวัง เพราะข้าสั่งคนบอกท่านพี่สาม ว่าเป็นความหวังดีของฮองไทเฮา”

“ฮองไทเฮาจะยอมรับหรือ?”

“จะยอมรับหรือไม่ยอมรับไม่สำคัญ นางชอบวุ่นวาย ก็ให้ท่านพี่สามไปวุ่นวายกับนาง ดูซิว่าใครจะอึดกว่ากัน”

หลีโม่หัวเราะพร้อมกับส่ายหัว “แล้วอีกคนที่เหลือคนนั้นล่ะ? เจ้าจะจัดการยังไง?”

ซือถูเย้นพูดว่า “เมื่อกี้ข้าได้ไปดูพวกนางทั้งสองแล้ว อีกคนคนนั้น ดูเรียบร้อยดี เจ้าอยากไล่ออกไปก็ได้ เก็บไว้เป็นบ่าวใช้ในจวนก็ได้ ยังไงก็ขึ้นทะเบียนเป็นทาสแล้ว ข้าไม่รับมาเป็นสนม แล้วแต่เจ้าจะจัดการ”

“อืม ก็ได้” หลีโม่คิดว่าเขาอุตส่าห์ไปดูด้วยตัวเอง คิดว่าก็คงมีเหตุผล

ซือถูเย้นเห็นนางไม่ถาม จึงพูดขึ้นมาเองว่า “พ่อของหวั่นจิ้งคนนี้ เมื่อก่อนก็เป็นขุนนางที่มีความตั้งใจ แต่ว่า สุดท้ายแล้วก็หนีไม่พ้นกับความโลภ”

หลีโม่ไม่พูดอะไร รู้ว่าเขาอยากช่วยหวั่นจิ้ง คิดว่า พ่อของหวั่นจิ้งคนนั้น เมื่อก่อนคงทำคุณให้กับราชสำนักอยู่บ้าง

ไม่ว่าจะมีความตั้งใจแค่ไหน หากอดทนต่อคำว่าโลภไม่ได้ ก็ถือว่าเปล่าประโยชน์ จะทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนไปด้วยเท่านั้น

เพราะซือถูเย้นพูดแบบนี้ หลีโม่จึงสั่งคนไปสืบดูประวัติของหวั่นจิ้งคนนี้

พ่อของหวั่นจิ้ง ชื่อว่าเหยาเย่ เดิมเป็นสิงปู้ซื่อหลาง ต่อมาถูกส่งออกไปเป็นเจ้าเมืองที่สิงโจว การถูกส่งออกไปในครั้งนี้ เดิมเพราะลี่บู้ชื่นชมเขา หลังจากได้ประสบการณ์กลับมาแล้วก็ถูกยกให้ความสำคัญ ใครจะไปรู้ว่าทำสิงปู้อยู่ดีๆ มีความเที่ยงธรรมรักประชาชนเหมือนลูก จากถูกส่งออกไปแล้วกลับมา ได้เห็นเนื้อเห็นปลาเต็มไปหมด จึงเกิดความโลภ กระทำไปแล้วก็ไม่สามารถกลับตัว สุดท้ายก็เดือดร้อนมาถึงชีวิตของตัวเอง

หลังจากถูกยึดบ้านแล้ว ผู้ชายไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นทาส ผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานก็ถูกส่งเข้าไปเป็นบ่าวใช้ในวัง

หลังจากที่เกิดเรื่องกับเหยาเย่ ตระกูลเหยาก็หนีไปแล้วกว่าครึ่ง หวั่นจิ้งคนนี้ไม่หนี ยอมรับการลงโทษตลอด

หวั่นจิ้งเป็นโรคที่เกิดจากทาส เดิมทีอยู่ในจวนก็ต้องเอาใจทุกคนเป็นอย่างดีถึงจะได้มีชีวิตที่ เหยาเย่ไม่ให้ความสำคัญลูกสาวที่เกิดจากทาส สามารถพูดได้ว่า หวั่นจิ้งอยู่ในจวนแล้วได้ทานอิ่มนอนอุ่น แต่ก็ต้องระมัดระวังตัว เป็นแค่คนที่ขอข้าวทานภายใต้ความพอใจของฮูหยินเท่านั้น

ที่จริงหวั่นจิ้งคนนี้ก็สามารถหนีไปได้ เพราะตอนที่เหยาเย่ถูกจับ ถูกนำตัวไปไต่สวนในเมืองหลวง ยังไม่ได้ทำการติดสินโทษ ทรัพย์สมบัติในบ้านก็ไม่ได้ถูกยึด สุดท้ายถูกตัดสินโทษแล้วถึงจะยึดบ้าน

แต่นางไม่หนี

หลีโม่ฟังหวังจุ้นมารายงาน ก็รู้สึกแปลกใจในตัวหวั่นจิ้ง

ของที่ฮ่องเต้พระราชทาน ติดต่อกันมาสองสามรอบ ตั้งแต่เครื่องประดับเงินทองและผ้าแพรไหมไปจนถึงอาหารเครื่องดื่ม มีครบทุกอย่าง

ติดต่อกันสามวัน ของพระราชทานพวกนี้ก็ยังมาไม่หยุด กองจนเต็มห้องเก็บของของจวนอ๋อง

เดิมซือถูเย้นอยากพาหลีโม่ออกไป แต่ก็เพราะต้องรับราชโองการรับของพระราชทานทำให้ไปไหนไม่ได้

นอกจากของพระราชทานจากฮ่องเต้แล้ว หลายวันมานี้ ประตูธรณีของจวนอ๋องถูกขุนนางพ่อค้าเศรษฐีที่มาส่งของกำนัลเหยียบจนพังแล้ว

ซือถูเย้นไม่ยอมรับแขก หลีโม่ในฐานะที่เป็นประมุขของบ้านจึงต้องออกตัวรับแขกเอง

ที่เอาเงินทองเพชรนิลจินดามา ไม่รับสักคน ล้วนส่งคืนกลับไปหมด

ที่ไหนเอาอาหารเครื่องดื่มของใช้มา ก็เลือกที่เหมาะสมไว้ เอาที่ไม่ค่อยแพงก็พอ

และแล้ว การส่งคืนของนี้ ก็ยังต้องมีวิธีการพูด ที่เหมาะสมด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม