พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 746

บทที่ 746 เข้าวังไปถามความ

ซือถูจิ้งเอาปิ่นขึ้นมามองดูอย่างละเอียด “นี่เป็นรูปแบบทั่วไปที่มีในวัง ไม่เพียงแค่หมุยเฟย นางสนมมากมายต่างก็มี”

“ใช่ พรุ่งนี้องค์หญิงลองถามหมุยเฟย หากนางสามารถเอาออกมาได้ ก็แสดงว่าไม่ใช่นาง หากเอาออกมาไม่ได้ ยังไงก็มีความเป็นไปได้สูง” หลิงลี่พูด

“อืม” ซือถูจิ้งเก็บปิ่นไว้ “เจ้านายของเจ้ายังมีท่าทีแบบนั้นอยู่อีกหรือ? เชื่อหมุยเฟย?”

“ใช่ นางคิดว่าหมุยเฟยไม่สามารถหักหลังคนที่อยู่เบื้องหลัง”

“งั้นนางบอกไหมว่าสงสัยใคร?” ซือถูจิ้งสงบสติลง ไม่โกรธขนาดนั้นแล้ว

“ไม่ได้บอก”

ซือถูจิ้งเงียบไปสักพัก “ที่จริงหมุยเฟยไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ แต่นางเคยทรยศหักหลังหลีโม่ และซุนมามาดูแล้วก็ไม่เหมือนคนโกหก ลงโทษอย่างรุนแรง นางก็ยังยืนยันคำเดิม แสดงว่านางคิดว่าคนที่สั่งการนาง คือหมุยเฟย”

“นางคิดว่า?” หลิงลี่ขมวดคิ้ว

“อืม” ซือถูจิ้งคิดไปคิดมา “แต่ ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรมากขนาดนั้น พรุ่งนี้หลังจากที่ข้าเข้าวังไปถามหมุยเฟยแล้วถึงจะรู้”

ภายในใจซือถูจิ้ง ยังไงหมุยเฟยก็น่าสงสัยที่สุด

ถึงแม้ลึกๆนางก็รู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล

เช้าวันรุ่งขึ้น เพราะไม่ใช่วันที่จะต้องเข้ามาถวายพระพร ดังนั้น คนที่เข้าวังจึงมีไม่มาก หมุยเฟยจึงตื่นค่อนข้างสาย

ซือถูจิ้งกลับไม่ได้นอนทั้งคืน รอไก่ขันแล้วก็เขาวังมาทันที

มาถึงในตำหนัก ฟ้าเพิ่งเริ่มสว่าง

นางมาถึงตำหนักเล่อชิง และก็ไม่ให้คนไปเรียกหมุยเฟย ให้นางได้นอน ส่วนนางกลับนั่งดื่มชาอยู่ในตำหนักคนเดียว

ตงหมุยสั่งคนมาคอยรับใช้นาง แต่ซือถูจิ้งกลับชี้ไปที่ตงหมุยแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องเรื่องมาก เจ้ามาดูแลข้าก็พอ”

ตงหมุยพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “องค์หญิง บ่าวเป็นหัวหน้านางกำนัลตำหนักเล่อชิง วันๆหนึ่งมีงานเยอะมาก ตอนนี้ยังต้องไปจัดการสั่งงานให้บ่าวใช้ทำงาน ให้จู๋เอ๋ออยู่รับใช้ท่านดีไหม?”

สายตาซือถูจิ้งกวาดมองดูใบหน้าอ่อนเยาว์แต่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของตงหมุย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเคารพ แต่คำพูดกลับไม่ได้มีความหมายแบบนั้นเลย

“จะพูดอะไรมาก? ให้เจ้ารับใช้ก็ต้องเป็นเจ้า ตำหนักเล่อชิงไม่มีเจ้าแล้วจะทำอะไรกันไม่ได้แล้วหรือ?” ฉินจือพูดขึ้นอย่างเย็นชา

ตงหมุยรีบย่อทำความเคารพพร้อมยิ้มพูดว่า “ดูแม่นางพูดสิ ได้รับใช้องค์หญิงถือเป็นบุญของบ่าว เพียงแต่ในตำหนักเล่อชิงงานยุ่งมาก ฮ่องเต้บอกว่าจะมาทานอาหารเที่ยง บ่าวยังต้องไปสั่งให้ห้องครัวเตรียมของ”

ซือถูจิ้งเม้นปากหัวเราะ “ที่แท้ก็ยังต้องรับใช้ฮ่องเต้หรือ? ดี”

ตงหมุยย่อตัวคำนับ “ในเมื่อองค์หญิงเข้าใจ งั้นบ่าวขอตัวก่อน”

“ข้าบอกให้เจ้าไปได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” สีหน้าซือถูจิ้งที่ยิ้มแย้มเปลี่ยนกลายเป็นเคร่งขรึม จ้องมองนางอย่างจริงจัง

ตงหมุยอึ้ง หลังจากนั้นก็ขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “องค์หญิง อย่าทำให้บ่าวต้องลำบากใจเลย”

“ช่างกล้ามาก กล้าพูดว่าองค์หญิงสร้างความลำบากใจให้เจ้าหรือ?” ฉินจือพูดขึ้นอย่างโกรธเคือง

“คุกเข่า” ซือถูจิ้งพูดขึ้นอย่างเฉียบคม

“องค์หญิง...” ในใจตงหมุยค่อนข้างหวาดกลัว แต่ยังคงทำหน้าสงบนิ่ง “บ่าวไม่ได้ตั้งใจที่จะขัดใจองค์หญิง เพียงแต่ ความจริง....”

“คุกเข่า” แววตาซือถูจิ้งเยือกเย็น “อย่าให้ข้าต้องพูดเป็นครั้งที่สอง”

ถึงแม้ ตงหมุยจะไม่พอใจ แต่ก็ยังคงต้องคุกเข่าลง

นางหันไปกระพริบตาให้กับบ่าวที่อยู่ด้านข้าง บ่งบอกให้นางไปเชิญหมุยเฟย

ซือถูจิ้งเห็นแล้ว แต่ก็ไม่ห้าม แต่ยกชาขึ้นมาดื่มอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บ่าวใช้รีบไปตามหมุยเฟย หมุยเฟยได้ยินว่าองค์หญิงมาถึงแต่เช้าแล้ว กำลังรังแกตงหมุย อยู่ นางจึงรีบลุกขึ้นมา

เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ล้างหน้าล้างตาเสร็จ แล้วก็ออกมาพบซือถูจิ้ง

มาถึงตำหนักกลาง ก็เห็นตงหมุยคุกเข่าอยู่บนพื้น สีหน้าค่อยๆเศร้าลง ตั้งแต่ตงหมุยได้ถูกยกให้เป็นหัวหน้านางกำนัล ท่าทีก็ค่อนข้างหยิ่งมาตลอด ตอนนี้คงจะทำให้องค์หญิงโกรธเสียแล้ว

อารมณ์ของเสด็จป้าคนนี้...เฮ้อ

หมุยเฟยยิ้มเดินมา ย่อตัวทำความเคารพ “หม่อมฉันถวายบังคมองค์หญิง”

เทียบกับรอยยิ้มอ่อนหวานของหมุยเฟยแล้ว สีหน้าของซือถูจิ้งเย็นชาอย่างที่สุด

“หมุยเฟย ข้าไม่ได้มาตำหนักเล่อชิงของเจ้านานแล้ว ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตำหนักเล่อชิงจะเป็นที่แตะต้องไม่ได้แล้ว แค่หัวหน้านางกำนัลเล็กๆคนหนึ่ง ก็ยังกล้าขัดขืนข้า”

หมุยเฟยรู้ว่าเรื่องไม่จบง่ายๆแน่ ตงหมุยนั่นบ้าไปแล้วหรือ? ที่ไปมีเรื่องกับนาง

นางเหลือกตาใส่ตงหมุยหนึ่งที แล้วก็ฉีกยิ้มพูดขึ้นว่า “องค์หญิงโปรดอภัย หม่อมฉันสั่งสอนไม่ดี ภายหลังหม่อมฉันจะสั่งสอนนางเป็นอย่างดี”

ในใจตงหมุยไม่พอใจอย่างมาก กลับไม่กล้าพูดอะไร รู้สึกว่าหมุยเฟยอ่อนแอไร้ประโยชน์ คนอื่นเขามารังแกถึงตำหนักเล่อชิง ยังไม่รู้จักตอบกลับ

“หมุยเฟย เชิญนั่ง ข้ามีเรื่องจะถาม” ซือถูจิ้งพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย

“เพคะ” หมุยเฟยนั่งลง “เชิญองค์หญิงรับสั่ง”

“ไม่กล้าใช้คำว่ารับสั่ง” ซือถูจิ้งหยิบปิ่นออกมาหนึ่งอัน แล้วโยนไปตรงหน้าหมุยเฟย “ปิ่นนี้ เจ้าก็มี จะเอาออกมาให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”

หมุยเฟยมองดูประเดี๋ยว แล้วพูดว่า “ใช่ ปิ่นนี้หม่อมฉันก็มี”

นางตะโกนพูดว่า “จู๋เอ๋อ ไปเอาปิ่นแบบนี้ในกล่องเครื่องประดับมาให้องค์หญิงดูหน่อย”

สายตาของนางกวาดมองดูใบหน้าของตงหมุยที่คุกเข่าอยู่บนพื้น เห็นสีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันใด ในใจหมุยเฟยก็อดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว หรือว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ซือถูจิ้งจ้องมองดูหมุยเฟยอยู่ตลอด ตอนแรกเห็นท่าทีนางไม่เปลี่ยน แต่เมื่อสายตามองไปหาตงหมุยแล้ว นางแสดงอาการสงสัย

ในใจซือถูจิ้งยิ่งสงสัย หรือว่า เข้าใจผิดนางไปแล้วจริงๆ? ตามหลักแล้ว หากนางเป็นคนสั่งการ ตอนที่เราปิ่นออกมา สีหน้านางก็ควรที่จะเปลี่ยนแล้ว

แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าตงหมุยเปลี่ยนกลายเป็นขาวซีด สีหน้านางถึงค่อยเปลี่ยน

นี่ก็แสดงว่า ตงหมุยมักทำอะไรที่ขัดคำสั่งอยู่ตลอด นางที่เป็นเหนียงเหนียง บางครั้งก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรนางได้

จู๋เอ๋อกลับมาอย่างงรวดเร็ว แล้วก็คุกเข่าลง พูดพร้อมกับร้องไห้ว่า “ขออภัยเหนียงเหนียง ขออภัยเหนียงเหนียง ปิ่นอันนั้น หาไม่เจอแล้ว”

“หาไม่เจอแล้ว?” หมุยเฟยตกใจ “หาจนทั่วแล้วหรือ? ปิ่นนี้ปกติข้าชอบสวมใส่มาก น่าจะวางไว้ในตำแหน่งที่หาเจอได้ง่ายๆ ทำไมถึงหาไม่เจอ?”

จู๋เอ๋อเป็นบ่าวรับใช้ข้างกาย พวกเครื่องประดับนางมีอำนาจแต่ต้อง ตอนนี้ไม่เห็นแล้ว นางก็หนีไม่พ้นจากการกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ดังนั้นจึงร้องไห้พร้อมพูดว่า “บ่าวได้หาไปหลายรอบแล้ว ล้วนต่างก็หาไม่เจอ”

ซือถูจิ้งพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “งั้นหมุยเฟยลองดูสิ ปิ่นอันนี้ใช่ของเจ้าหรือเปล่า?”

หมุยเฟยมองดูปิ่นนั้นอย่างสงสัย ให้จู๋เอ๋อไปหยิบมา

จู๋เอ๋อคลานไปเอาปิ่นนั้นมายื่นให้หมุยเฟย หมุยเฟยดูอย่างละเอียด แล้วพูดว่า “ปิ่นนี้เป็นของข้า ปิ่นที่ทำในวังพวกนี้ ที่จริงมีการแบ่งแยก หม่อมฉันเป็นหมุยเฟย เพราะฉะนั้น บนปิ่นจึงสลักดอกเหมยไว้หนึ่งดอก แต่เส้นลายบางมาก หากไม่ดูดีๆ ก็จะดูไม่รอออก”

นางพูดเสร็จ เงยหน้าขึ้นมองเห็นสีหน้าซือถูจิ้งเยือกเย็นลงทันที ในใจนางหวาดกลัว “องค์หญิง ปิ่นอันนี้ เอามาจากไหน?”

ฉินจือตอบว่า “หมุยเฟยเหนียงเหนียง ปิ่นนี้ค้นเอามาจากในห้องของซุนมามา”

“ซุนมามา? ซุนมามาคนไหน?” สีหน้าหมุยเฟยหงุนงง หันไปมองตงหมุยทันที ตงหมุยกลับสั่นไปทั้งตัวแล้ว

“ฮองไทเฮาเคยส่งมามาสี่คนไปให้พระชายาซื่อเจิ้ง สองคนในนั้นถูกไล่ออกไปแล้ว ยังเหลืออีกสองคน ซุนมามาคนหนึ่ง เฉินมามาคนหนึ่ง มีปิ่นอันนี้กับเงินหนึ่งร้อยตำลึง

ค้นได้มาจากในห้องซุนมามา นางวางยาหลีโม่ ถูกหลิงลี่จับได้คาหนังคาเขา ภายใต้การใช้ความรุนแรงนางยอมสารภาพว่า หมุยเฟยสั่งให้นางทำ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม