บทที่ 747 เจ้ากล้าใส่ร้ายกุ้ยเฟย – ตอนที่ต้องอ่านของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม
ตอนนี้ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 747 เจ้ากล้าใส่ร้ายกุ้ยเฟย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 747 เจ้ากล้าใส่ร้ายกุ้ยเฟย
คำพูดของซือถูจิ้งไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ เรียบเฉยเหมือนอ่านหนังสือ เหมือนดั่งพูดถึงเรื่องที่ปกติธรรมดามาก
แต่แววตาของนางกลับเฉียบคมเหมือนดั่งดาบ ดาบเล่มนี้ จ่ออยู่ตรงหน้าหมุยเฟย สีหน้าแววตาหมุยเฟย ทุกอารมณ์ความรู้สึก ล้วนหนีไม่พ้นสายตานาง
หมุยเฟยอ้าปากค้าง ความไม่คาดคิดเต็มไปในตา
“ไม่” หมุยเฟยพูดขึ้นอย่างโกรธจัดว่า “ซุนมามาคนนั้นใส่ร้ายหม่อมฉัน”
ซือถูจิ้งพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ซุนมามายอมสารภาพว่า คนที่ชื่อตงหมุยในตำหนักของเจ้าติดต่อนางไป เอาผงยาพิษให้นางแล้วให้นางเอาไปใส่ในเครื่องสำอางกับถุงหอมของหลีโม่ สองวันก่อนหลีโม่สลบไป เพราะผงยาพวกนี้ ซุนมามาบอกว่า ตงหมุยให้นางหนึ่งร้อยตำลึงกับปิ่นอันนี้เป็นการตอบแทน”
หมุยเฟยหันไปมองตงหมุย สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ “ใช่เจ้าหรือไม่? ใช่เจ้าหรือไม่?”
เมื่อกี้ตงหมุยค่อนข้างกระวนกระวาย แต่หลังจากที่เห็นหมุยเฟยถาม กลับไม่กลัวแล้ว “เหนียงเหนียง ไม่ใช่หม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เคยทำ”
นางรู้จักหมุยเฟยดี นางไม่กล้าทำอะไร ตนเองเป็นคนของฮ่องเต้ นางต้องการเอาใจฮ่องเต้ ไม่อย่างนั้นทุกวันนี้นางจะยอมตนเองหรือ?
ซือถูจิ้งมองเห็นความผิดปกติ นางมองดูตงหมุย “เจ้าออกไปก่อน ข้ามีธุระต้องคุยกัยหมุยเฟย”
ตงหมุยลุกขึ้นยืน “เพคะ”
แล้วก็หันตัวเชิดหน้าเดินออกไป
หมุยเฟยมองดูซือถูจิ้ง ส่ายหัว หางตาเต็มไปด้วยน้ำตา “ไม่ใช่หม่อมฉัน”
นางไม่รู้จะอธิบายยังไง นางเคยหักหลังทรยศหลีโม่ ใครก็ไม่เชื่อนางแล้ว
ซือถูจิ้งมองดูนาง ดูไม่ออกแล้วว่าจริงหรือเท็จ “ใช่เจ้าหรือไม่ ข้าจะยังไม่ตัดสิน แต่ตงหมุยยังไงก็หนีไม่พ้น ซุนมามาสารภาพแล้ว ว่าตงหมุยติดต่อนาง และนางเป็นคนเอายาพิษไปให้ วันนี้ที่ข้ามา เพียงแค่จะมาเพราะโกรธแทนหลีโม่ แต่ตอนนี้...ข้าให้โอกาสเจ้า เจ้าไปสืบเอง สืบมาได้แล้ว เจ้าก็จัดการเอง”
พูดเสร็จ นางลุกขึ้นยืน “แต่เรื่องนี้ จะปล่อยเลยตามเลยไม่ได้เด็ดขาด”
พูดเสร็จ นางพาฉินจือกับโฉงหวา เดินจากไปอย่างเย็นชา
หมุยเฟยกำหมัดแน่น หางตาประกายความแค้น
ดูองค์หญิงยังไม่เชื่อนางทั้งหมด หลีโม่ยิ่งไม่เชื่อ ในฐานะที่เป็นคนถูกกระทำ และซุนมามานั่นก็ชี้ว่าเป็นนา นางไม่มีหลักฐานอะไรที่จะสามารถยืนยันได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ใครจะเชื่อนาง?
เรื่องนี้ ต่อให้เดือดร้อนไปถึงฮ่องเต้ ก็ไม่เป็นผลดีอะไรกับตนเอง
ตัวนางเองไม่เป็นไร หากความผิดถูกตัดสิน จะไม่เป็นผลดีต่อลูก
นางหวนคิดถึงวันเวลาที่อยู่ในวังตลอดหลายปีมานี้
เรื่องนี้ ใครเป็นคนใส่ร้ายนาง?
นางไม่ต้องครุ่นคิดนาน ในหัวสมองก็คิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมาได้ทันที
อี๋กุ้ยเฟย
นังสารเลว
ความอดทนอดกลั้นของหมุยเฟย สุดท้ายก็กลายเป็นความแค้น
หลายปีมานี้ นางอดทนกับทุกอย่าง เพราะตัวนางเองรู้ดีว่าไม่มีที่พึ่ง รูปร่างหน้าตาไม่ได้งดงามเป็นพิเศษ ไม่ได้ใจของฮ่องเต้ ตระกูลก็ไม่มีอำนาจ ไม่มีที่พึ่งพา
ถึงแม้จะมีอ๋องซื่อเจิ้งกับพระชายาสนับสนุน เคยได้มีอำนาจช่วยเหลือดูแลวังหลัง กลับก็ถูกอี๋กุ้ยเฟยกดขี่
นางคิดว่า ขอเพียงตัวเองอดทน ยอมถูกรังแกหน่อย แต่ยังไงก็เพื่อยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป
คิดไม่ถึงว่า ไฟได้ลุกไหม้มาถึงตรงหน้าตัวเองแล้ว
ยังจะอดทนได้อีกหรือ?
ตอนนี้ แม้แต่นางกำนัลคนหนึ่ง ยังสามารถรังแกนางได้
ตงหมุย ตงหมุย แม้แต่ชื่อยังคอยเตือนสตินาง หากยังอดทนอดกลั้นต่อไป นางอยู่ในวังนี้ ก็เทียบไม่ได้กับนางกำนัลคนหนึ่ง
ยังมีพวกกระถางต้นไม้โบราณ ซ่อนไว้ใต้เตียงของนาง ใต้เท้าโย่วไปค้นออกมาทั้งหมด
แลใต้หมอนของนาง ครบขวดเซรามิกหนึ่งอัน ในขวดใส่ผงยาไว้
ของพวกนี้ถูกนำเอามาวางตรงหน้าตงหมุย นางล้มนั่งลงกับพื้นไปทั้งตัว พึมพำว่า “ไม่ใช่ของข้า ของพวกนี้ไม่ใช่ของข้า”
หมุยเฟยหัวเราะเย้ย “ไม่ใช่ของเจ้า? ไม่ใช่ของเจ้าจริงๆแหละ เพราะเจ้าขโมยมา”
หมุยเฟยมองดูขวดเซรามิกนั่น เปิดออกแล้วเทลงบนกระดาษนิดหน่อย แล้วพูดกับจู๋เอ๋อว่า “เจ้ารีบออกจากวังไปหาพระชายา บอกว่าข้าเชิญนางเข้ามาในวัง”
“เพคะ” จู๋เอ๋อรีบไปทันที
หมุยเฟยจะต้องแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง นางไม่มีที่พึ่งที่ไหนแล้ว จะสูญเสียการสนับสนุนจากซือถูเย้นกับหลีโม่ไม่ได้อีกแล้ว
ไม่ว่าสุดท้ายหลีโม่จะเชื่อนางหรือไม่ นางก็จะต้องจัดการเรื่องของตัวเองให้เสร็จ
“เหนียงเหนียง ท่านจะใส่ร้ายบ่าวไม่ได้ บ่าวเป็นคนที่ฮ่องเต้สนับสนุนขึ้นมา ท่านจะเอาสิ่งของมากมายไปใส่ไว้ในห้องของบ่าว แล้วออกมาพูดว่าบ่าวขโมย บ่าวไม่ได้ทำ ยิ่งไม่ได้เป็นคนสั่งซุนมามานั่น บ่าวไม่รู้จักเราด้วยซ้ำ”
ตงหมุยพูดแก้ตัว แต่ทุกคำพูด ล้วนพูดว่าหมุยเฟยตั้งใจใส่ร้ายนาง
ใต้เท้าโย่วยกมือขึ้นประสานแล้วพูดว่า “เหนียงเหนียง ของทั้งหมดค้นออกมาจากห้องของนางจริงๆ ส่วนที่นางบอกว่าไม่เคยเห็นซุนมามา นี่เป็นความเท็จ กระหม่อมเคยเห็นนางเจอกันอยู่ตรงภูเขาเทียบด้านหลังสวนดอกอย่างลับๆล่อ ตอนนั้นกระหม่อมไม่รู้ว่าพวกนางกำลังหารือเรื่องวางยาพิษกัน นึกว่าแค่คุยกันทั่วไป”
“เจ้าพูดใส่ร้าย” ตงหมุยตะคอก “เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าอิจฉาที่ฮ่องเต้ชื่นชมข้า พวกเจ้าอิจฉาข้า”
หมุยเฟยเกลียดชังใบหน้าโอหังของนางมาก ไม่แม้แต่จะมองนาง จึงสั่งขึ้นว่า “พาลงไป โบยห้าสิบทีก่อน แล้วโยนลงในห้องขัง รอข้าพบพระชายาแล้วค่อยว่ากัน”
“ไม่....” ตงหมุยกระโดดลุกขึ้นมา สีหน้าตกใจหวาดกลัว ห้าสิบที นั่นถือเป็นการเอาชีวิตของนางแล้ว ยังจะต้องลงโทษอะไรอีก?
ครั้งนี้นางหวาดกลัวแล้วจริงๆ คิดไม่ถึงว่าหมุยเฟยที่อ่อนน้อมมาตลอด ไม่เคยลงมือกระทำใดๆ เมื่อลงมือขึ้นมาก็ถึงชีวิต
“เหนียงเหนียงโปรดอภัย บ่าวถูกใส่ร้ายจริงๆ เป็น...เป็นอี๋กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง...”
หมุยเฟยตะคอกอย่างโกรธจัดว่า “เจ้าช่างกล้านัก กล้าพูดว่าอี๋กุ้ยเฟยเป็นคนสั่งเจ้า? ข้ากับอี๋กุ้ยเฟยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ใครไม่รู้บ้างว่าพวกเราสนิทกัน? เจ้ากับกล้าใส่ร้ายอี๋กุ้ยเฟยต่อหน้าข้า? ทหาร ลากออกไป โบย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...