พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 748

บทที่ 748 แตกคอกัน

ตงหมุยถูกลากออกไป ปากยังคงพูดว่าอี๋กุ้ยเฟยเป็นคนสั่ง

หมุยเฟยค่อยๆเอนพิงเก้าอี้ ไม่มีคนมาห้ามไม่ให้ตงหมุยพูด ปล่อยให้นางพูดอยู่อย่างนั้น

ไม่จำเป็นต้องให้ตงหมุยพูด นางก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นอี๋กุ้ยเฟย

ตงหมุยพูดออกมา เป็นเพียงการหาที่ตายให้กับนางเอง

“ใส่ร้าย” กุ้ยเฟย โทษประหาร

เรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักเล่อชิง ก็ได้รู้มาถึงตำหนักอี๋หลาน

อี๋กุ้ยเฟยนั่งอยู่บนพรมที่นั่งกุ้ยเฟยข้างหน้าต่าง ในมือถือหนังสือไว้หนึ่งม้วน ฟังนั้นกำนัลมารายงาน ก็เพียงแค่หัวเราะเฉยๆ “หรือ?”

ข่าวคราวในตำหนักอี๋หลานว่องไว ทุกๆช่วงระยะเวลาหนึ่งอี๋กุ้ยเฟยจะไล่คนพวกหนึ่งออกไป แล้วรับคนอีกพวกหนึ่งเข้ามา

เหตุผลที่นางไล่ออกไป ก็คือการรับใช้ไม่ดีเรื่อง เพราะฉะนั้นคนที่ออกมาจากในตำหนักของนาง ได้ผ่านการอบรมสั่งสอนภายในตำหนักแล้ว สุดท้ายก็จะถูกส่งไปยังตำหนักต่างๆ

ภายในวัง อี๋กุ้ยเฟยขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ดูแลรับใช้ยากที่สุด เพราะเหตุนี้ คนที่ออกมาจากตำหนักของนาง ตำหนักอื่นๆจึงให้รับใช้อย่างไม่คิดระแวงอะไร กลับกัน เพราะกฎระเบียบของนางเข้มงวดมาก คนที่ออกมาจากตำหนักของนาง จะค่อนข้างทำงานได้ดีกว่านางกำนัลปกติ

ต่อให้ไม่ได้เข้าไปรับใช้ภายในตำหนัก ก็จะรับไว้ให้อยู่ภายในวัง งานเก็บกวาดทำความสะอาดประจำวัน ไม่ทันไร หากทำงานได้ดี ก็จะถูกยกระดับขึ้นไป

คนที่พูดเมื่อกี้คือชิงฟู เพิ่งเข้ามาอยู่ในตำหนักมาไม่นาน ต้องผ่านการอบรมสั่งสอนมา คนในตำหนักอี๋กุ้ยเฟย ก็ถูกไล่ออกไปอีกหลายคน ฝ่ายในจริงรีบเปลี่ยนคนส่งมาให้ สั่งเสียอย่างดีว่าให้พวกนางรับใช้อย่างดี

เพราะเหตุนี้ ตอนนี้คนข้างกายของอี๋กุ้ยเฟย ไม่มีคนเก่าเลยสักคน ล้วนเป็นคนใหม่ทั้งหมด

ในตำหนักหมุยเฟย กลับไม่เคยกล้าใช้คนที่อี๋กุ้ยเฟยไล่ออกมา เพียงแต่ นางก็ไม่เคยเตือนใครว่าไม่ให้ใช้

อี๋กุ้ยเฟยชำนาญการวิเคราะห์ใจคน และรู้จักการจัดการคนคนหนึ่งอย่างไร

นางถึงขั้นไม่จำเป็นต้องใช้กำลังหรือวิธีการอย่างอื่น

เหมือนกับที่ทำกับหมุยเฟยแบบนั้น หมุยเฟยรู้ความลับของนางมากมายขนาดนั้น แต่นางเคยเตือนหมุยเฟยว่าไม่ให้นางพูดออกไปไหม?

ไม่ นางไม่พูด แต่ก็รู้ว่าหมุยเฟยจะไม่พูดออกไป

นางเพียงแค่ทำให้หมุยเฟยรู้ว่านางมีอำนาจแค่ไหน เปลี่ยนจากดำให้เป็นขาว เปลี่ยนจากเท็จให้เป็นจริง

นางรู้จุดอ่อนของหมุยเฟย กลัวมีเรื่อง ระมัดระวัง อ่อนแอขี้ขลาด และคำพูดของนาง ก็ไม่มีอำนาจใดๆในวังเลย

เพราะฉะนั้น สิ่งที่อี๋กุ้ยเฟยปฏิบัติต่อหมุยเฟยนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่พอใจมาก

“หากเรื่องนี้ใหญ่โตขึ้น เหนียงเหนียงมีแผนรับมือไหม?” ชิงฟูถาม

อี๋กุ้ยเฟยเงยหน้าขึ้น ท่าทีดูถูก “ต้องมีแผนอะไร?”

“ไม่กลัวหมุยเฟยไปฟ้องฮ่องเต้หรือ?”

อี๋กุ้ยเฟยหัวเราะ “นางกล้าหรือ?”

“แต่ว่า นางเชิญพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งไปในตำหนัก นางไม่กล้า พระชายาอ๋องซื่อเจิ้งก็ไม่กล้าหรือ?”

อี๋กุ้ยเฟยมองออกไปทางหน้าต่างอย่างสบายใจ แสงแดดอ่อนๆ เป็นบรรยากาศที่ดีที่สุด

“เสี้ยหลีโม่เชื่อนาง? หมุยเฟยเคยทรยศนาง หากนางยังเชื่อคำพูดของหมุยเฟย งั้นก็ถือว่าโง่เขลามาก”

นางหันมา มองดูชิงฟู รอยยิ้มยิ่งดูลึกซื้ง “ข้าอยากให้นางเชื่อ ขอเพียงนางเชื่อแล้ว ข้าก็จะรอให้นางไปหาฮ่องเต้”

“เหนียงเหนียงเตรียมการไว้หมดแล้วหรือ?” ชิงฟูพูด

อี๋กุ้ยเฟยไม่พูดอะไร มุมปากอมยิ้มยิ่งลึกซึ้งเท่านั้น

ไม่ว่าเสี้ยหลีโม่จะเชื่อหรือไม่ นางก็ไม่เดือดร้อน

เสี้ยหลีโม่ไม่เชื่อ เรื่องนี้ก็จะจบไป เสียหายมากสุด ก็แค่แผนการวางยาพิษของนางล้มเหลวเท่านั้น

เสี้ยหลีโม่เชื่อ เรื่องนี้เดือดร้อนไปถึงฮ่องเต้ ก็ปล่อยนางไป แบบนี้ก็จะสมกับที่เป็นเหมือนดั่งประชาชนเขาร่ำลือกัน

หลีโม่เข้าวังมาตอนเที่ยง

หลังจากนั้น ชิงฟูกลับไปสืบไม่ได้อะไรมาเลย

อีกอย่าง เรื่องนี้ดูเหมือนจะจบแบบนี้แล้ว ไม่มีใครพูดขึ้นมาอีก

ตงหมุยตายแล้ว ศพถูกทิ้งออกไปจากวัง

คนในวังต่างก็รู้ หมุยเฟยกับพระชายาทะเลาะกันก็เพราะเรื่องนี้ แต่ไม่มีใครรู้ เมื่อถึงวันที่เข้าวังไปถวายพระพร ทั้งสองคนเย็นชาใส่กัน ไม่สนใจไม่คุยกันเลย

วันนี้ ซือถูจิ้งมาหาหูฮวนหลิง แล้วเล่าถึงเรื่องของทั้งสองคน

ปกติหูฮวนหลิงไม่เคยได้รับความสนใจจากองค์หญิงใหญ่คนนี้ วันนี้เห็นนางมาหา ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ ที่จริงนางไม่สนใจเรื่องของหมุยเฟยกับเสี้ยหลีโม่ แต่เมื่อเห็นองค์หญิงไม่สบายใจ นางก็ยิ่งไม่สบายใจ จึงพูดขึ้นว่า “ใช่ ต่างก็เป็นสนม คนบ้านเดียวกัน หากมีปัญหากันแบบนี้ก็ไม่เป็นเรื่องดี”

“ไม่ใช่หรอกหรือ? ข้าอยู่ตรงกลาง ก็วางตัวลำบาก” ซือถูจิ้งพูด

หูฮวนหลิงครุ่นคิดอยู่ประเดี๋ยว แล้วพูดว่า “เอาอย่างนี้ ข้าจัดงานเลี้ยงหนึ่ง เชิญเฉพาะนางสนมในวังกับพระชายาเข้าวังมาดื่มสังสรรค์กัน ถือโอกาสปรับความเข้าใจกัน”

ซือถูจิ้งเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนาง “ฮองเฮาคิดได้รอบคอบมาก มีอะไรไม่สบายใจ เปิดใจคุยกัน คนครอบครัวเดียวกันจะโกรธเกลียดกันไปตลอดชีวิตหรือ?”

“ในเมื่อองค์หญิงไม่ขัดข้อง งั้นข้าจะสั่งคนไปเตรียมงาน” หูฮวนหลิงพูดอย่างดีใจ

“อืม” ซือถูจิ้งพูดขึ้นประโยคหนึ่งอย่างลอยๆว่า “คนไม่ต้องเยอะ ทางด้านจาวกุ้ยเฟยก็เชิญมา นางจะมาก็ได้ ไม่มาก็แล้วแต่ ไม่บังคับ”

หูฮวนหลิงค่อนข้างแปลกใจ นางลองพูดขึ้นว่า “จาวกุ้ยเฟยนี้ มีเรื่องอะไรกับองค์หญิงหรือ?”

“ไม่มี” ซือถูจิ้งรีบพูดขึ้นอย่างหัวเราะเย้ยว่า “คนอื่นเขาเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ข้าจะไปมีเรื่องกับนางทำไม? ตั้งแต่มีราชวงศ์มา ก็ไม่เคยเห็นนางสนมคนไหนได้พักอาศัยอยู่ภายในตำหนักของฮ่องเต้ นี่หากใครไม่รู้ อาจจะคิดว่านางเป็นฮองเฮาเสียอีก แต่ต่อให้เป็นฮองเฮา ก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ในห้องบรรทมของฮ่องเต้นี่? ฮ่องเต้หลงใหลจนงัวหัวไม่ขึ้นแล้ว ถูกนางจริงจังคนนี้หว่านเสน่ห์ ไม่สนใจแม้แต่กฎธรรมเนียมที่มีมาแต่บรรพบุรุษ”

ในใจหูฮวนหลิงก็เกลียดมาก หากแค่โปรดปรานนั้นก็ช่าง แต่โปรดปรานจนถึงขั้นอาศัยอยู่กับฮ่องเต้ นั่นก็เกินไป

อีกอย่าง ซุนฟางเอ้อร์นั่นเมื่อก่อนยังเป็นคู่หมั้นของอ๋องหนานหวย ช่างหน้าไม่อาย

ซือถูจิ้งเห็นนางก็แสดงอาการไม่พอใจ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดต่อว่า “ตอนนี้ก็ทำเกินไปขนาดนี้แล้ว หากตั้งครรภ์ขึ้นมา เกรงว่าจะถูกยกระดับขึ้นมาอีก”

หูฮวนหลิงอึ้ง “ตอนนี้นางเป็นถึงกุ้ยเฟยแล้ว ยังจะ?”

ซือถูจิ้งมองดูนาง “ปกตินางก็ไม่ชอบเจ้า แต่ตั้งแต่เจ้าเข้ามาอยู่ในวัง ก็นับว่าทำตามหน้าที่ได้ดี ทุกคนในวังหลังพร้อมใจกัน เจ้าเป็นฮองเฮาถือว่าทำหน้าที่ได้เหมาะสม เมื่อก่อนข้ามองเจ้าผิดไป แต่ยังไงสถานะของเจ้าก็วางอยู่ตรงนั้น หากเจ้าถูกซุนฟางเอ้อร์แย้งไปก่อน เกรงว่า...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม