สรุปเนื้อหา ตอนที่ 759 ในหลายปีที่ผ่านมาเจ้าเอาแต่รังแกข้า – พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง
บท ตอนที่ 759 ในหลายปีที่ผ่านมาเจ้าเอาแต่รังแกข้า ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ในหมวดนิยายโรแมนซ์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนที่ 759 ในหลายปีที่ผ่านมาเจ้าเอาแต่รังแกข้า
ซุนฟางเอ้อร์หายตัวไปแล้ว
ข่าวนี้ถูกส่งเข้าวังไป ฮ่องเต้กระอักเลือดออกมา เป็นลมไปหลายรอบ เขาพยายามอดกลั้นความโกรธเอาไว้ แล้วสั่งการไปว่า “ตรวจสอบ ตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
ไม่มีทางที่คนจะหายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ได้
ศพของสาวใช้ถูกหามกลับมา สาวใช้คนนั้นเป็นนางกำนัลกวาดพื้นในตำหนักซีเวย
นางกำนัลคนนี้ เข้าวังมาสองปีแล้ว ก่อนหน้านี้เคยอยู่รับใช้ในตำหนักอี๋กุ้ยเฟยมาก่อน จากนั้นก็ถูกไล่มารับใช้ในตำหนักหมุยเฟย เหลียงกุ้ยเฟยเห็นแล้วถูกใจเลยขอไปรับใช้ สุดท้าย ก็ถูกสั่งย้ายมากวาดพื้นที่ตำหนักซีเวยประมาณครึ่งปี
ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย
เป็นแค่นางกำนัล เบื้องหลังต้องมีคนบงการแน่ นางยอมเสียสละชีวิตเพื่อคนที่อยู่เบื้องหลัง หากไม่ได้จงรักภักดีมาก ก็คงถูกข่มขู่
แต่ว่า นางกำนัลตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น จะตรวจสอบลึกไปกว่านี้ ก็ไม่มีอะไรให้สืบได้ อีกทั้งจากการบันทึก ของฝ่ายใน นางกำนัลคนนี้พ่อแม่ตายหมดแล้ว เหลือแค่พี่ชายคนเดียว ส่วนพี่ชายของนางหลังจากที่นางเข้าวังแล้ว ก็หายตัวไป พื้นเพของนางมีเท่านี้ แล้วจะมีอะไรให้คนเอามาข่มขู่ได้อีก?
เหลียงสู้หลินสั่งปิดประตูเมือง แล้วตรวจค้นทั่วเมือง แม้แต่ตำหนักซีย่วนก็ไม่มีละเว้น
ฮ่องเต้รู้มาตลอดว่าหลีโม่อยู่ที่ตำหนักซีย่วน แต่ว่า ดังนั้น เหลียงสู้หลินมาพบนางที่นี่ เลยไม่ได้แปลกใจอะไร
หลีโม่เห็นเขาทำอะไรอึกทึกครึกโครมมาก เลยถามว่าเกิดอะไรขึ้น เหลียงสู้หลินไม่ได้ตอบ บอกแค่ว่ากำลังค้นหานักโทษฆ่าคนตายอยู่
เมื่อตรวจแล้วไม่พบอะไร เหลียงสู้หลินก็กลับ
ฮ่องเต้กริ้วจนแทบจะระเบิดตำหนักซีเวย เหลียงสู้หลินกลับมารายงานว่าไม่พบร่องรอยอะไรเลย ฮ่องเต้ขว้างแก้วใส่หัวของเหลียงสู้หลิน เลือดไหลออกมาจากหัวของเขา เขาไม่กล้าเช็ด เพียงแต่คุกเข่าขอรับโทษ
ใต้จมูกของเขา ซุนฟางเอ้อร์กลับหายตัวไป
เขาไม่ใช่ไม่ได้นึกถึงซือถูเย้นกับหลีโม่ แต่ว่า เขาได้สั่งให้คนจับตาความเคลื่อนไหวที่ตำหนักอ๋องซื่อเจิ้งกับตำหนักซีย่วนตลอด หากวางแผนสลับสับเปลี่ยนที่ใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีคนในวังคอยช่วย มันเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้มีคนในวังคอยช่วย พวกเขาก็จะต้องมีความเคลื่อนไหว แต่ว่า ไม่ว่าจะเป็นซือถูเย้นหรือว่าเซียวโธ่หรือว่าซูชิง ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย เสี้ยหลีโม่เองก็เอาแต่หลบอยู่ในตำหนักซีย่วนไม่ออกมาเลย
เขาสร้างเรื่องปีศาจจิ้งจอกขึ้นมา มันกลับทำให้พวกเขาหลุดจากผู้ต้องสงสัย
ในเมื่อไม่ใช่ซือถูเย้น แล้วจะเป็นใครได้ล่ะ?
หลังจากที่เขากริ้วอย่างหนัก ก็เริ่มใจเย็นลงแล้วค่อย ๆ คิด
เมื่อคืนเขาอยู่ที่ตำหนักหมุยเฟย แสดงว่ามีคนตั้งใจเบี่ยงเบนความสนใจจากเขา
คนที่ทำคือหมุยเฟยงั้นเหรอ? เมื่อคืนเขาอยู่ที่ตำหนักเล่อชิงทั้งคืน ดังนั้นไม่ใช่นางแน่ หมุยเฟยกินของไม่สะอาด เป็นของที่อี๋กุ้ยเฟยส่งมา
อี๋กุ้ยเฟยเองก็คุกเข่าอยู่ในตำหนักเล่อชิงทั้งคืน นางก็ไม่ได้ไปไหน
ไม่ใช่สองคนนี้แน่ เพราะพวกนางไม่มีอะไรน่าสงสัยเลย
ส่วนสนมคนอื่นรวมถึงฮ่องเฮา ทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้แน่
หรือว่าการที่หมุยเฟยปวดท้อง บังเอิญสร้างโอกาสให้คนอื่นลงมือได้? เปลี่ยนคนไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ใบหน้าคล้ายกันขนาดนั้น จะต้องเป็นวิชาแปลงโฉมแน่นอน
วิชาแปลงโฉม เสี้ยหลีโม่เชี่ยวชาญมาก แต่ว่า แต่ว่า เสี้ยหลีโม่ไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย ต่อให้เป็นแผนการของนาง ก็คิดว่าน่าจะมีคนทำงานแทนนาง
อีกทั้ง หากนางมีความสามารถในการทำแบบนี้ เสี้ยฮ่าวหรานก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งตาย แอบพาออกจากวังเลยก็ได้ เพราะเขาจับตาดูเสี้ยฮ่าวหรานมากกว่าซุนฟางเอ้อร์อีก
ในเมื่อตอนนั้นเสี้ยฮ่าวหรานยังต้องใช้แผนแกล้งตาย แสดงว่าไม่มีทางเลือกแล้ว
อี๋กุ้ยเฟยพูดว่า “อยากจะถามข้าว่าวันนั้นข้าวางยาเจ้าหรือเปล่า? หมอหลวงก็บอกแล้ว เจ้าไม่ได้ถูกพิษ ดังนั้น เราไม่ได้มีอะไรต้องคุยกัน”
“แต่ว่า ขนมนั่น มันมีปัญหา” หมุยเฟยจับผม เมื่อก่อนนางดูไม่กล้าเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ดูมีความมั่นใจมาก
“ใช่แล้วยังไง? เจ้ามีหลักฐานงั้นเหรอ?” อี๋กุ้ยเฟยยิ้มดูถูก
หมุยเฟยเองก็ยิ้มเหมือนกัน “ใช่ ข้าไม่มีหลักฐาน เรื่องที่ท่านเป็นคนทำ ข้าจะมีหลักฐานได้ยังไง? เจ้าแอบเป็นชู้กับรัชทายาท ข้าไม่มีหลักฐาน ถึงแม้ข้าจะเห็นด้วยตาตัวเองก็ตาม เจ้าทำร้ายหลีโม่ ข้าก็ไม่มีหลักฐาน ต่อให้ข้าจะรู้เรื่องก็ตาม เจ้าทำร้ายข้า ข้าก็ไม่มีหลักฐาน ถึงแม้ข้าจะถูกทำร้ายจริง ๆ เจ้าแอบเอาตัวซุนฟางเอ้อร์ออกจากวังไป ข้าเองก็ไม่มีหลักฐาน ถึงแม้ ข้าจะรู้ดีทุกอย่างก็ตาม”
สายตาของอี๋กุ้ยเฟยเริ่มเหี้ยมโหดขึ้นมา “เจ้าต้องการพูดอะไรกันแน่?”
“ข้าอยากจะบอกว่า” หมุยเฟยนั่งไปข้าง ๆ ตัวนาง ยิ้มแล้วพูดว่า “เรื่องชั่วช้าที่เจ้าทำ ทำไมถึงไม่ย้อนกลับไปที่บนตัวลูกชายเจ้าเลยล่ะ?”
อี๋กุ้ยเฟยเอามือบีบคอนาง นางออกแรงมาก สายตาของนางเหี้ยมโหดมาก นางพูดว่า “เจ้าอยากตายใช่ไหม?”
หมุยเฟยแทบจะหายใจไม่ออก ใบหน้าของนางเริ่มคล้ำ นางพยายามดิ้น เล็บของอี๋กุ้ยเฟยข่วนไปที่ผิวของนาง เลือดมันไหลออกมาเล็กน้อย ส่วนเล็บของอี๋กุ้ยเฟยก็หักไปหนึ่งนิ้ว
หมุยเฟยใบหน้าเริ่มโหดเหมือนกัน “เจ้าว่า หากข้าไปบอกกับฝ่าบาท ว่านางกำนัลที่ตายไปคนนั้น เป็นคนของเจ้า ฝ่าบาทจะเชื่อข้าไหม? เจ้าแอบพาซุนฟางเอ้อร์ออกไปจากวัง ฝ่าบาทจะเชื่อหรือเปล่า?”
อี๋กุ้ยเฟยจ้องไปที่นาง จากนั้นก็หัวเราะ “เจ้าไปบอกเลย พูดไปเลยนะ ดูสิว่าฝ่าบาทจะเชื่อเจ้าหรือเปล่า”
หมุยเฟยมองไปที่หน้าตาที่โอหังของนาง มันเป็นแบบนี้ตลอด อี๋กุ้ยเฟยทำอะไร มักจะโอหังแบบนี้เสมอ ไม่กลัวอะไรเลย เพราะ นางได้คิดทางหนีทีไล่ให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ที่นอกประตู เหมือนจะมีเสียงไอของ จู๋เอ๋อ ดังมา
หมุยเฟยมองไปที่นาง จากนั้นก็ยื่นมือไปกระชากผมของนาง แล้วดึงเอาปิ่นของนางออกมา จากนั้นก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว แล้วเล็งไปที่หน้าอกของตัวเอง
หมุยเฟยยิ้มแล้วพูดว่า “ในหลายปีที่ผ่านมา เจ้ารังแกข้ามาตลอด เจ้ายังจำได้ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...