พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 762

สรุปบท ตอนที่ 762 กรรมตามสนอง: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอนที่ 762 กรรมตามสนอง – ตอนที่ต้องอ่านของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม

ตอนนี้ของ พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 762 กรรมตามสนอง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตอนที่ 762 กรรมตามสนอง

อ๋องเหลียงพูดว่า “เสด็จพ่อ เราขุดตำหนักอี๋หลานแล้ว สวนด้านหลังตำหนัก เราขุดพบศพจำนวนมาก เราประเมินเบื้องต้น คิดว่าน่าจะมีมากกว่าสิบศพ เพราะกระดูกไม่สมบูรณ์ คิดว่าน่าจะมีการเลาะเนื้อหั่นกระดูกก่อน จากนั้นถึงได้ฝัง ตอนที่ขุด ยังพบเศษเนื้ออีกกองหนึ่ง คิดว่าน่าจะเพิ่งตายได้ไม่นาน”

“จาวกุ้ยเฟยใช่ไหม?” หัวของฮ่องเต้ เหมือนจะค่อย ๆ ผ่อนคลายลง เขาจ้องไปที่อ๋องเหลียง

“ไม่ทราบเลยพะยะค่ะ” อ๋องเหลียงท่าทีเศร้ามาก

ความผิดหวังค่อย แปรเปลี่ยนเป็นความสิ้นหวัง

ต้องเป็นซุนฟางเอ้อร์แน่ เขาค้นหาไปทั่วเมืองหลวง ประตูเมืองก็สั่งปิด หากนางยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่มีทางหาไม่เจอ

นางคงกลายเป็นเศษเนื้อนานแล้ว ไม่แปลกใจหรอกที่จะหาไม่เจอ

ฮ่องเต้พูดว่า “เมื่อก่อน ท่านทวดมักจะบอกกับข้าว่า จิตใจของผู้หญิงคือสิ่งที่ร้ายที่สุด ตอนนั้น ข้ายังหัวเราะกับสิ่งที่นางพูด บอกว่าท่านก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน ทำไมถึงได้พูดแบบนั้น?”

เขามองไปที่อ๋องเหลียง “เจ้าเดาสิว่า ท่านทวดตอบข้าว่ายังไง?”

อ๋องเหลียงพูดว่า “ลูกโง่เขลานัก”

ฮ่องเต้ถอนหายใจ ยื่นมือออกไป เหมือนคิดอยากจะจับอะไร แต่ว่า ยกขึ้นมาได้แค่ครึ่งเดียว จากนั้นก็หล่นลงไป “นางบอกว่า ความโหดร้ายของผู้หญิง มันถูกซ่อนเอาไว้ในใจ พวกนางเก่งในการปกปิดซ่อนเร้น น้ำตาหยดเดียว กระพริบตาครั้งเดียว ก็สามารถทำให้ผู้ชายมอบหัวใจและความเชื่อใจให้ทั้งหมดแล้ว ข้าติดตามท่านทวดมาตั้งแต่เล็ก ได้เชื่อในสิ่งที่นางบอก ดังนั้น ข้าเลยไม่เคยมอบใจให้ผู้หญิงคนไหนหมดใจ แม้แต่คนที่ข้าชอบมากแค่ไหนก็ตาม ข้ายอมที่จะไม่เอา เพราะข้าไม่อยากเป็นเพราะผู้หญิง ทำให้ข้าสับสนว้าวุ่นใจ ตัดสินใจอะไรผิดพลาด แต่คิดไม่ถึงเลยว่า คิดไม่ถึงเลย ที่แท้ คนที่หลบอยู่ข้างกายของตัวเอง จะเป็นเหมือนอสรพิษที่ร้ายที่สุด”

ฮ่องเต้พูด แล้วค่อย ๆ หลับตาลง เขาดูอ่อนเพลียมาก หายใจเริ่มขัด

“หมอหลวง เสด็จพ่อเป็นยังไงบ้าง?” ยังไงก็เป็นพ่อลูกกัน อ๋องเหลียงถึงจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพ่อตัวเอง แต่ว่า มันก็ตัดสายเลือดกันไม่ขาด

ใต้เท้าหย้วนพ่านดึงอ๋องเหลียงออกมานอกตำหนัก แล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง ฝ่าบาททรงอาการกำเริบ อีกทั้งในเลือดพิษในร่างกายยังไหลพุ่งขึ้นมา ทรงจะค่อย ๆ มีอาการเห็นภาพหลอน ประสาทเริ่มวุ่นวา พูดจาวกวน เมื่อครู่กระหม่อมให้ทรงพูดอยู่ตลอด น่าจะเป็นอาการกำเริบ หากไม่ได้ยาดี เกรงว่า ......”

อ๋องเหลียงรู้สึกปวดใจ “เป็นยังไง?”

“เกรงว่าอาจจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน” ใต้เท้าหย้วนพ่านพูดจบ ก็คุกเข่าขอรับโทษทันที

อ๋องเหลียงใช้มือเช็ดหน้า น้ำตามันอดที่จะไหลออกมาไม่ได้

ครู่เดียว เขาก็ดึงใต้เท้าหย้วนพ่านขึ้นมา “ไม่มีวิธีอะไรเลยสักนิดเลยเหรอ?”

ใต้เท้าหย้วนพ่านพูดว่า “กระหม่อมไร้ความสามารถ แต่ไม่ทราบว่าพระชายาจะมีวิธีหรือเปล่า”

อ๋องเหลียงไม่พูดอะไรเลย หลีโม่ตั้งครรภ์อยู่ จะเข้าวังมาไม่ได้

อีกอย่าง เสด็จพ่อก็ไม่มีหน้าจะไปตามหลีโม่มาเข้าวังด้วย

จากคำพูดของเขา เขาน่าจะรู้ว่าตัวเขาทำผิด

รู้สึกผิด ก็จะรู้จักอาย

ฮ่องเต้มีสติบ้างเป็นบางครั้ง ไร้สติบ้างเป็นบางครั้ง พูดจาไม่เป็นภาษบางเป็นบางคราว

บางครั้ง ก็ดึงมือลู่กงกงมาพูดเรื่องในอดีต บางครั้ง ก็ดึงมืออ๋องเหลียงมาพูดแผนการบริหารราชกิจในอนาคต บางครั้งก็ตำหนิกบฏอย่างเจ็บปวดใจ บางครั้ง ก็นั่งเงียบ ๆ เฉย ๆ เหมือนคิดอะไรอยู่ สายตามีความโหดเหี้ยมมาก

หลายเรื่อง มันเข้ามาทีละระลอก เขาเหมือนกลับไปยังก่อนที่ซุนฟางเอ้อร์จะเข้าวัง ไม่แน่เหตุการณ์มันอาจเลวร้ายมากกว่านี้

เสียงก่นด่าหลีโม่ รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่หลังจากราชครูเปิดการบูชา จวนอ๋องถูกโจมตีหลายต่อหลายครั้ง ข่าวที่หลีโม่อยู่ในตำหนักซีย่วน เดิมมีคนไม่รู้มากเท่าไหร่ แต่มันก็มากพอที่จะแพร่ออกไป ตำหนักซีย่วนถูกชาวบ้านมาโจมตีหลายครั้งเหมือนกัน

แต่ว่า ที่จริงตอนที่หมุยเฟยเกิดเรื่อง หลีโม่ถูกส่งออกนอกเมือง ไปอาศัยอยู่ที่วัดป่าวอานอย่างปลอดภัยแล้ว

ดังนั้น ชาวบ้านที่ไปรวมตัวกันที่หน้าตำหนักซีย่วน ตะโกนโวกเวกโวยวายต่าง ๆ นานา แต่ก็ไม่ได้พบกับหลีโม่เลย

ในเมืองหลวงเกิดความวุ่นวายที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในที่สุด ฮ่องเต้ก็มีราชโองการ สั่งให้ราชครูเข้ามาพบที่ตำหนักซีเวย

ราชครูเปิดการบูชาฟ้าขึ้นอีกครั้ง ในวันนี้ ไม่มีเมฆหมอกหนา ท้องฟ้าแจ่มใส

ราชครูประกาศต่อหน้าชาวบ้านว่า พบตัวปีศาจจิ้งจอกและได้ทำการสังหารเรียบร้อยแล้ว

ปีศาจจิ้งจอก คือพระนางอี๋กุ้ยเฟยที่มาจากเซียนเป้ย จากนั้นก็ได้ประกาศถึงความผิดของพระนางอี๋กุ้ยเฟยบนแท่นบูชามาทีละข้อ

ปลอมแปลงฐานะ หลอกลวงเบื้องสูง ทำร้ายสนมในวัง สังหารนางกำนัล ควักหัวใจคนในตำหนักอี๋หลาน ทำลายกระดูก วางแผนให้ร้ายพระชายาอ๋องซื่อเจิ้ง อีกทั้ง ยังทำลายกระดูกของจาวกุ้ยเฟย ความผิดยังมีอีกนับร้อย อีกทั้งการตายของซุนไท่เฮา ก็เกี่ยวข้องกับนางด้วย

ราชครูยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของพระชายาอ๋องซื่อเจิ้ง เพราะไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น เพื่อไม่ให้นางปีศาจจิ้งจอกไหวตัวทัน

หลังจากที่พระชายาได้ถูกใส่ร้าย ยังคงอดทนอดกลั้น ความกล้าและภักดี พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ดังนั้น ฝ่าบาทจึงทรงมีราชโองการแต่งตั้งพระชายาอ๋องซื่อเจิ้งเป็นพระชายาขึ้นหนึ่ง เพื่อเชิดชูความภักดีและจิตใจที่พร้อมจะช่วยเหลือชาวบ้าน

ชาวบ้านเป็นอะไรที่หลอกง่ายมาก ก่อนที่จะมีพิธี ก็มีข่าวส่งมาจากทาง ฉื้อโจว แล้วว่า ปีศาจจิ้งจอกมาจากเซียนเป้ย

ก่อนหน้านี้ ในวังมีข่าวหลุดออกมา ว่าพบศพจำนวนมากที่ขุดได้มาจากตำหนักอี๋หลาน ศพพวกนั้นไม่มีเนื้อแล้ว เหลือแค่กระดูกขาว ๆ ยังบอกว่าลูกในท้องของจาวกุ้ยเฟย ก็ถูกปีศาจจิ้งจอกกินไปแล้ว ตายอย่างอนาถ

ข่าวนี้เผยแพร่ไปภายในหนึ่งวัน

ชาวบ้านที่ก่อนหน้านี้ติดตามพวกหัวรุนแรงไปก่อกวน ต่างบอกว่าตอนนั้นถูกปีศาจจิ้งจอกปกปิด ถึงได้ทำเรื่องเหลวไหล

ตอนที่ซือถูเย้นได้ยินข่าวนี้แล้ว ก็ได้ทำการหาที่ให้ซุนฟางเอ้อร์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็กลับจวน

เขายิ้ม “เล่นใหญ่ขนาดนี้ จะยอมง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน?”

นี่เป็นแค่แผนการบางส่วนเท่านั้น เรื่องของปีศาจจิ้งจอก เขาไม่เคยคิดจะไปจัดการให้เงียบไป แต่ อยากจะทำให้มันใหญ่กว่านี้อีก

เขาต้องการให้คนที่อยู่บนนั้น ได้รับการตามสนอง

ส่วนเขา ไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้น รออยู่เงียบ ๆ ก็พอ

แต่ว่า พอนึกย้อนไปถึงแผนการทั้งหมด หมุยเฟยมีผลงานมากที่สุด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม