พิษรักองค์ชายโฉมงาม นิยาย บท 766

สรุปบท ตอนที่ 766 จะเป็นพ่อที่ดีได้ยังไง: พิษรักองค์ชายโฉมงาม

อ่านสรุป ตอนที่ 766 จะเป็นพ่อที่ดีได้ยังไง จาก พิษรักองค์ชายโฉมงาม โดย ใบไม้แดง

บทที่ ตอนที่ 766 จะเป็นพ่อที่ดีได้ยังไง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ พิษรักองค์ชายโฉมงาม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ใบไม้แดง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 766 จะเป็นพ่อที่ดีได้ยังไง

หลีโม่ถึงกับกุมหัว เป็นแบบนี้ไม่ต้องให้เขารู้จะดีกว่า

ซือถูเย้นจ้องไปที่นาง หลีโม่หนีไม่ได้ ดังนั้น เลยจำเป็นต้องให้ซือถูจิ้งเข้าวังไปหาหมุยเฟยแทน ที่จริงนางอยากไปเอง อยากไปดูอาการของหมุยเฟย แล้วก็ฟังหมุยเฟยเล่าลำดับเหตุการณ์ให้ฟัง นางจะได้ดูว่ามีช่องโหว่ตรงไหนไหม จะได้หาทางรับมือได้

ซือถูจิ้งได้ยินซือถูเย้นสั่งให้คนมาบอก ว่าอยากให้นางเข้าวังไปหาหมุยเฟย นางไม่ยินยอมแล้วก็ปฏิเสธไป

เพราะวันนี้นางนัดเซียวเซียวไปเที่ยวเล่นที่ริมแม่น้ำกัน กว่าจะนัดกันได้ไม่ใช่เรื่องง่าย นางไม่ยอมไปเข้าวังหรอก

ซือถูเย้นเลยต้องไปที่จวนองค์หญิงด้วยตัวเอง เขาไปขอร้องท่านอาสุดที่รักของเขา แล้วรับปากให้คำมั่นสัญญามากมาย อีกทั้งยังรับปากด้วยว่าหากนางท้อง เขาจะย้ายมาอยู่รับใช้นางด้วยตัวเอง

ซือถูจิ้งเห็นท่าทางของเขาเหมือนเด็กมาก อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นก็ตีไปที่แขนของเขา “ครั้งเดียวเท่านั้นนะ ไม่มีรอบหน้าแน่”

“ได้ ได้” ซือถูเย้น “ข้าบอกอยู่ตลอดเลย ท่านอาดีกับข้าที่สุด”

“เจ้าเนี้ยนะ ต่อไปจะเป็นพ่อคนแล้ว ต่อเอาใจหลีโม่หน่อย อย่าเอาแต่ปั้นหน้าดุ เดี๋ยวเด็กในท้องนางจะตกใจกลัวเอา”

ซือถูเย้นงงมากเขาพูดว่า “ข้าปั้นหน้าดุที่ไหนกัน?”

“ไม่มีหรือไง? เจ้าทำหน้าเหมือนใครติดเงินเจ้าเป็นหมื่นเป็นแสนตำลึงอย่างนั้น กลับไปฝึกยิ้มให้สวย ๆ เลย” ซือถูจิ้งไล่เขากลับไป

ซือถูเย้นจับหน้าตัวเอง แล้วเดินออกไป

เขาคิด แล้วหันไปถามจื่นเฉิงว่า “จื่นเฉิง ข้าชอบปั้นหน้าดุเหรอ?”

“อือ” จื่นเฉิงตอบแบบตรง ๆ

“เจ้ากลัวข้าไหม?”

“กลัว” จื่นเฉิงก็ยังคงตอบตรง ๆ

ซือถูเย้นหยุดเดิน จากนั้นก็หันหน้าเข้าหาเข้า จากนั้นก็ฉีกยิ้ม

จื่นเฉิงมองไปที่เขาแบบไร้อารมณ์สุด “ท่านอ๋อง ทรงคิดจะทำอะไร?”

“ทำไม?” ซือถูเย้นยังคงยิ้มอยู่ เพียงแต่ยิ้มนั่นมันน่ากลัวมาก “ยังน่ากลัวอีกไหม?”

จื่นเฉิงนิ่งไป จากนั้นก็ผลักเขาออกไปห่าง ๆ “ท่านอ๋อง ข้ากลัวท่านจะเข้ามาจูบข้า”

“ไปไกล ๆ เลย” ซือถูเย้นพูดอย่างโมโห จูบเจ้า? เจ้าก็ไม่ดูหน้าเจ้าก่อน

จื่นเฉิงพูดว่า “ท่านอ๋อง เวลายิ้มมันต้องมาจากข้างใน ท่านกลับไปฝึกบ่อย ๆ ต่อไปซื่อจื่อเกิดมา ท่านต้องยิ้มอย่างมีเมตตา”

“มีเมตตา?” ซือถูเย้นลูบคาง มีเมตตา? ท่านทวดเป็นผู้อาวุโส นางยิ้มให้เขาก็เป็นยิ้มอย่างมีเมตตา

ดังนั้น เขาเลยยิ้มแบบท่านทวดให้จื่นเฉิงดูอีกครั้ง

จื่นเฉิงถึงกับปวดหัว เขามีความคิดที่อยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ แบบนี้คือมีเมตตาแล้วใช่ไหม? นี่มันเป็นรอยยิ้มที่ตอนไทฮองไทเฮาทำก่อนที่จะสั่งฆ่าใครไม่ใช่เหรอ

“ช่างเถอะ ท่านอ๋อง ที่จริงตอนที่ท่านไม่ยิ้ม มันก็ดูใกล้ชิดดีอยู่แล้วนะ” จื่นเฉิงพูดแบบฝืนใจสุด ๆ

ซือถูเย้นไม่สนใจเขา แล้วขึ้นหลังม้าไป

เขารู้สึกไม่ดีเลย ถึงแม้เขาจะไม่เคยบอกกับหลีโม่ แต่ว่า ในใจของเขาอยากจะมีลูกของตัวเขาเองมาก

เพียงแต่ตอนนั้นพอรู้ว่าหลีโม่ดื่มยาพิษใบแดงเข้าไป กลัวว่านางจะเครียดมากเกินไป ดังนั้น เขาเลยบอกหลีโม่มาตลอดว่าไม่เป็นไร

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คนนอกมักพูดว่านางลำเอียงเข้าข้างคนกันเอง บางครั้งนางก็เถียงไม่ได้ คิดว่านางก็รักเอ็นดูลูกหลายตัวเองมากจริง ๆ โดยเฉพาะหลิ่วหลิ่ว ใครก็จะมาหาเรื่องนางไม่ได้เลย

แต่ว่า อ๋องซื่อเจิ้งกลับจะมาขอเคล็ดลับ เห็นสายตาอันอ้อนวอนของเขา นางไม่เคยเห็นมันมาก่อน นางก็ไม่กล้าบอกว่านางก็ไม่เป็น

นางเป็นถึงแม่ทัพเก่าแก่ที่มีวุฒิภาวะสูง นางอยากจะหาคำศัพท์ที่เข้าใจยากหน่อย แต่คิดไม่ออกเลย

ซือถูเย้นเห็นนางเป็นแบบนี้ เลยบอกว่านางไม่อยากสอนเขา อดพูดอย่างผิดหวังไม่ได้ “เหลาไท่จุนขี้เหนียวจังเลย?”

เหลาไท่จุนพูดว่า “ไม่ใช่ว่าขี้เหนียว เรื่องแบบนี้จะมีขี้เหนียวกันทำไม แต่ว่า การมีลูก พอมีก็สอนเลย มัน ......”

นางนึกถึง ตอนที่ไทฮองไทเฮาอบรวมอดีตฮ่องเต้ขึ้นมา ตอนนั้นอดีตฮ่องเต้ยังเป็นแค่รัชทายาทอยู่เลย

นางเลยพูดไปว่า “ตั้งแต่เริ่มเกิด บนบ่าของเราก็มีภาระที่กำหนดเอาไว้แล้ว ไม่ว่ามันจะคืออะไร ต่อให้จะเป็นแค่การกตัญญูต่อพ่อแม่ หน้าที่ในการดูแลลูก หรือความจงรักภักดีต่อชาวบ้านและบ้านเมือง ......”

ซือถูเย้นขมวดคิ้ว แล้วพูดแทรกนางขึ้นมา “จงรักภักดีต่อชาวบ้าน?”

“เรื่องนี้ ......” เหลาไท่จุนตะลึงไป นางพยายามนึก ไม่ผิด ไทฮองไอเฮาพูดแบบนี้ นางบอกว่า จะเป็นฮ่องเต้ก็ดี หรือขุนนางก็ดี ต่างก็เป็นผู้รับใช้ที่ประชาชนชาวบ้านจ่ายค่าจ้างมาในราคาที่สูงมาก เมื่อได้เบี้ยไปแล้ว ได้ทั้งเกียรติความรุ่งเรืองมาแล้ว ก็ต้องทำงานให้เจ้านายให้ดี

“ท่านก็พูดแค่ว่า ท่านสอนลูกกับหลานของท่านยังไงก็พอ” ซือถูเย้นพูด

เหลาไท่จุนคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรจริง ๆ เลยพูดไปตามตรงว่า “ก็ให้ข้าวกิน ให้เสื้อผ้าใส่ ทำถูกก็ชม ทำผิดก็ลงโทษ แยกแยะถูกผิดแบบที่เราดูแลกองทัพนั่นแหละ ...... อือ อย่างนี้นะ ไม่ว่ากับทหาร หรือว่ากับลูก มันก็หลักการเดียวกัน หากทหาร ....... ลูกมีความคิดที่ต่างออกไปบ้าง เราก็ควรพูดคุยทำความเข้ากับเขา พูดเหตุผลให้เขาฟัง หากลูกมีความก้าวหน้า ก็ต้องให้กำลังใจแล้วก็สนับสนุน อือ ...... ท่านทวดบรรพบุรุษเคยกล่าวว่า ปัญหาของลูกทุกปัญหา ไม่มีปัญหาไหนแก้ไม่ได้หากเราอยู่กับเขา”

ตาของซือถูเย้นกลมโต เป็นประกาย “มีเหตุผลจริง ๆ”

“อือ” เหลาไท่จุนยืดตัวตรง รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้พูดผิด ก็พูดต่อว่า “ที่จริงการเลี้ยงดูอบรมลูก เดิมก็ไม่ได้มีวิธีการที่แน่นอนอยู่แล้ว แค่สอนให้เขาเข้าใจในเหตุผลและการจัดการกับปัญหาได้ สอนให้เขามีความคิดในการใช้ชีวิตที่ถูกต้อง มันก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ปล่อยให้เป็นการเรียนรู้ของพวกเขาเอง เด็กแต่ละคนมีความสามารถกับนิสัยไม่เหมือนกัน ดูกันไปก็แล้วกัน”

ซือถูเย้นคิดแล้วก็รู้สึกว่าใช่ ถึงแม้เขาจะฟังแล้วรู้สึกว่าเหลาไท่จุนพูดจาสะเปะสะปะ แต่ว่า มันก็พูดตรงใจเขา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม