บทที่ 77 เขาหานซานสระกุ่ยฉื่อ
หลีโม่เดินเข้าไป รับหนังสือจากมือของนางมาอ่าน
พูดว่าหนังสือ ที่จริงแล้วเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่บางมากๆ อีกทั้งยังไม่ใช่ตัวหนังสือพิมพ์ แต่เป็นลายมือเขียน
ตัวหนังสือเลือนลางไปมากแล้ว ที่หน้าปกก็มองไม่ค่อยจะชัด
ในหนังสือมีภาพวาดหนึ่ง เป็นภาพวาดที่เรียบง่ายมาก คาดว่าผู้เขียนน่าจะไม่ถนัดการวาดภาพ
ลายมือเขียนตวัดมาก ราวกับว่างูเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่บนกระดาษอย่างไรอย่างนั้น แต่สามารถแบ่งแยกดูออกได้
ใช่ ที่ทำให้หลีโม่ตกใจ คือหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนด้วยจีนตัวเต็ม แต่เป็นจีนตัวย่อ
นางอ่านตัวหนังสือพวกนี้ได้อย่างรวดเร็ว ในหนังสือบอกว่านอกมีเขาลูกหนึ่ง เขาลูกนั้นชื่อเขาหานซาน บนเขาหานซานมีสระอยู่หนึ่งสระ ชื่อสระกุ่ยฉื่อ บริเวฯข้างสระยามีคนสองคนอาศัยอยู่ คนหนึ่งคือฮ่องไทเฮาหลงจ่านเย๋นที่สิ้นพระชนม์ไปแล้ว และอีกคนหนึ่งคืออาเซ๋อ คนรับใช้ของนาง
ในหนังสือบรรยายแนะนำประโยชน์ของสระยาเป็นหลัก เขาหานซานแต่ตั้งชื่อว่าหานซานไม่ใช่เขาที่หนาวเหน็บตามชื่อ ต้นไม้ใบหญ้าบนเขาต่างก็เป็นยาด้วยกันทั้งนั้น น้ำจากเขาไหลซึมผ่านลงมา ทีละหยดๆลงมาสู่พื้นที่ต่ำสุด กลายมาเป็นสระน้ำ สระน้ำนี้ก็คือสระยา
น้ำในสระยา สามารถรักษาพิษจากบาดแผลภายนอกได้ทุกประเภท หรือแม้แต่เอาคนที่ใกล้จะตาย ลงไปแช่ในสระยาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ก็สามารถหายดีได้
หลีโม่ปิดหนังสือ ก็อดที่จะตกใจไม่ได้
เพราะว่า ประโยคสุดท้ายบอกว่าแช่ในสระยาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง แต่ไม่ใช่หนึ่งชั่วยาม
หน่วยนับเวลาที่นี่คือชั่วยาม ไม่ใช่ชั่วโมง
ใจนางเต้นตึกๆตึกๆ ถามหลี่ซื่อ “ หนังสือเล่มนี้มาจากไหนเจ้าคะ ”
หลี่ซื่อตอบ “ เมื่อก่อนถูกแนบอยู่ในหนังสือเทคนิคทางเข็มทองคำ เมื่อวันก่อนเพิ่งจะล่วงออกมา ข้าเลยแยกกันวางไว้ ”
“ หลงจ่านเย๋นคนนี้ เป็นใครเจ้าคะ ” หลีโม่เอ่ยถาม
หลี่ซื่อตอบ “ หลงจ่านเย๋น หลงฮ่องเฮา จากนั้นได้รับการเลื่อนขั้นเป็นไทฮ่องไทเฮา เป็นพระมารดาของฮู่ยจู่ แต่พระนางไม่ได้เป็นคนให้กำเนิดฮู่ยจู่ เรื่องราวของหลงไทเฮา ความคิดเห็นแตกต่างกันในหมู่ชาวบ้าน แต่ประวัติที่ค่อนข้างดั้งเดิมก็คือในปีนั้นพระนางถูกส่งตัวเข้าวังเพื่อเซ่นสังเวย แต่ฮ่องเต้ไม่ต้องการให้พระนางเซ่นสังเวย กลับให้อำนาจสูงสุดแก่พระนาง ปกครองฝ่ายใน อีกทั้งยังช่วยให้ฮู่ยจู่ขึ้นครองบัลลังก์ คอยฟังราชการหลังม่าน เป็นบุคคลที่เก่งมาก และพระนางก็ไม่มีบุตร ใช้ชีวิตอยู๋กับอ๋องซื่อเจิ้งซือถูชิงเทียน ข้างกายมีคนใช้ที่ชื่ออาเซ๋ออยู๋จริงๆ หลังจากที่พระนางสิ้นพระชนม์ อาเซ๋อก็ตายตามเช่นกัน ”
หลี่ซื่อพูดจบ ก็นึกขึ้นได้ “ นางแห่งมีความลืออย่างหนึ่ง บอกว่าหลงไทเฮาเป็นนางปีศาจ ”
“ นางปีศาจ ” หลีโม่ส่ายหน้า “ นี่มันเหลวไหลสิ้นดี ”
แต่ว่า เรื่องที่นางทะลุมิติมาก็เป็นเรื่องที่เหลวไหลมากอยู่แล้ว
“ ใช่ เหลวไหลจริงๆ ดังนั้นคนที่เชื่อจึงมีไม่มาก ” หลี่ซื่อเอ่ย
“ ทำไมถึงได้คาดเดาว่าหลงไทเฮาพระองค์เป็นนางปีศาจเจ้าคะ ” หลีโม่ถามด้วยความสงสัย ชาวบ้านไม่ลือโดยที่ไม่มูลแน่นอน จะต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
หลี่ซื่อเปิดหนังสือเล่มเล็กที่อยู่ในมือของนางเล่มนั้น เปิดไปที่หน้าสุดท้าย “ ดูตรงนี้สิ ตรงนี้มีภาพวาดงูอยู่ตัวหนึ่ง ”
“ ตรงนี้? ” หลีโม่ตั้งจ้องมองดู “ นี่เป็นตำแหน่งลงลายมือชื่อ ”
“ ใช่แล้ว อีกทั้งในปีนั้น บางคนในวังบอกว่าหลังจากที่ไทฮองไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้วอาเซ๋อคนใช้ ได้กลายเป็นงู กอดรัดเอาพระศพของไทฮองไทเฮาไป ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พิษรักองค์ชายโฉมงาม
จบแบล้วววววว...
900 ตอนแล้ว ชีวิตของหลีโม่แทบหาความสุขไม่เจอเลย แถมลูกก็ถูกคนอื่นเอาไปทิ้งอีก สงสารจับใจ...
ตะว่าไปเรื่องนี้หมุยเฟยกับฮ่องเต้เลวร้ายแบบกินกันไม่ลงนะ ทำร้ายทุกคนที่ดีกับตัวเอง แล้วแางว่าจำเป็นๆ กลับเป็นพวกอี๋เฟยซะอีกที่แย่งแยกพวกำองชัดเจนไปเลย หมุยเฟยนี่นับว่าเป็นคนที่ได้ดีจากการเนรคุณผู้คนรอบข้างโดยแท้...
ฮ่องเต้กับลู่กงกงนี่ ตอนตายคงมีกันแค่ 2 คนละนะ...
อี๋เฟยนี่คือนางฉลาดสุดละในบรรดาเมียของเต้...
ท่านซือถูเย่นใจเย็นๆจากสุราก่อนเจ้าค่ะ สนใจยัยน้องด่วนเด่วจะโดนมิใช่น้อย55555...
โธ่ๆท่านซือถูเย่น เค้าลางกลัวว่าที่ภรรยาในอนาคตมาแต่ไกล รีบซ่อนสุราเลยนะ แต่ไม่น่าจะทัน หลอกใครก็หลอกได้แต่ไม่ใช่กับแม่นางหลีโม่555555...